สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 168 ซื้อเบอร์โทรศัพท์
บทที่ 168 ซื้อเบอร์โทรศัพท์
“ผู้หญิงคนนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มหันมองรอบตัว ก่อนที่สายตาจะหยุดลงตรงลู่ฉิวเยว่ ดวงตาของเขาเป็นประกายด้วยความสงสัย “เธอมีเงินเท่าไหร่?”
เสียงของเขาออกจะเหยียดหยามอยู่ไม่น้อย บรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสามคนจึงอึดอัดใจขึ้นมาในพริบตา
วันนี้ลู่ฉิวเยว่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใหม่ สวมใส่กางเกงยีนส์สีดำธรรมดา แม้จะไม่ได้ดูหรูหราอะไร แต่ก็ไม่ได้ดูยากจนขนาดนั้นสักหน่อย
เธอชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจและพูดว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อฉันก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปหาคนอื่นแทนก็ได้” เธอไม่อยากเกี่ยวข้องกับคนที่ชอบดูถูกผู้อื่นเช่นนี้เลย
หญิงสาวกำลังจะคว้ากระเป๋าบนเก้าอี้และเดินออกไป แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ชายคนนั้นกลับยกมือชี้หน้าเธอและเย้ยหยันว่า “ถ้าไม่มีเงินก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรกสิ ให้ผมถ่อมาถึงที่นี่ มันเสียทั้งเงินและเวลานะรู้ไหม!”
“คุณก็เหมือนกัน!” เขาหันกลับไปมองภรรยาตาขวาง “คุณเชื่อทุกอย่างที่อีกฝ่ายพูดได้ยังไง แต่งตัวจน ๆ แบบนี้จะไปมีปัญญาติดโทรศัพท์บ้านได้ยังไง หัดใช้สมองบ้างสิ!”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็เดินถือกระเป๋าเอกสารกลับออกไปด้วยความฉุนเฉียว เห็นได้ชัดว่ากำลังรู้สึกโกรธแค้นหลี่เจวียนผู้เป็นภรรยาอย่างยิ่ง!
เธอรู้สึกอับอายมาก แต่ก็ต้องรีบหันมายิ้มขอโทษให้แก่ลู่ฉิวเยว่ “ขออภัยด้วยนะคะ สามีของฉันเป็นคนขี้รำคาญเล็กน้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เมื่อเห็นสีหน้าขอโทษด้วยความจริงใจของอีกฝ่าย ลู่ฉิวเยว่ก็ใจเย็นขึ้นในทันใด แต่เธอก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว หญิงสาวหมุนตัวกำลังจะเดินออกไป
“นี่! คุณคะ!”
แต่แขนของเธอก็ถูกพนักงานหญิงผู้นั้นคว้าจับเอาไว้ ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองด้วยความสงสัย “คุณจะทำอะไรคะ?”
หลี่เจวียนยิ้มให้เธอด้วยความลำบากใจ “ฉันจะให้เบอร์โทรศัพท์กับคุณแทนคำขอโทษดีไหมคะ” สิ่งที่สามีของเธอเพิ่งทำเมื่อสักครู่นี้มันช่างน่าขายหน้าจริง ๆ
“จริงเหรอคะ?” ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มออกมา “ขอบคุณมากเลยนะคะ”
“คุณลองดูเบอร์โทรศัพท์พวกนี้ดูนะคะ” หลี่เจวียนยิ้มออกมาเล็กน้อยและชี้มือไปยังกลุ่มเบอร์โทรศัพท์ที่อยู่ด้านข้าง
ลู่ฉิวเยว่ขยับเข้าไปดูใกล้ ๆ พวกมันไม่ใช่เบอร์ที่มีตัวเลขสวยงามเหมือนที่อีกฝ่ายนำมาให้ดูในครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่เบอร์ที่เลวร้ายอะไร ลู่ฉิวเยว่พยักหน้ายิ้มรับด้วยความขอบคุณ “เบอร์นี้ดูสวยดี ฉันเอาเบอร์นี้แหละค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็หันมองรอบตัว ก่อนจะควักเงิน 50 หยวนออกจากกระเป๋าและแอบยัดใส่มือของอีกฝ่าย “สินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ค่ะ”
“อะไรกันคะเนี่ย” หลี่เจวียนโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยัดเงินใส่กระเป๋าของพนักงานหญิง “คุณช่วยฉัน ฉันก็ช่วยคุณเช่นกัน ถือว่าเราช่วยเหลือกันและกันนะคะ”
ถึงสามีของผู้หญิงคนนี้จะทำตัวน่ารังเกียจ แต่ผู้หญิงคนนี้ดีกับเธอมาตั้งแต่แรก ลู่ฉิวเยว่จึงอยากจะมอบเงินให้เป็นสินน้ำใจ
หลี่เจวียนไม่สามารถปฏิเสธได้อีกแล้ว แต่เธอก็รู้สึกไม่พอใจในตัวเองเช่นกัน เธอมองหน้าลู่ฉิวเยว่อย่างเป็นมิตรมากขึ้น ผู้หญิงคนนี้เป็นคนดีมากทีเดียว “งั้นขอที่อยู่สำหรับการติดตั้งโทรศัพท์ให้ฉันด้วยค่ะ ฉันจะไปทำเรื่องให้ถูกต้อง แล้ววันพรุ่งนี้ ฉันจะพาเจ้าหน้าที่ไปเดินสายให้นะคะ”
ลู่ฉิวเยว่รับคำและจัดการจดข้อมูลลงบนแบบฟอร์ม เมื่อยื่นส่งให้กับเจ้าหน้าที่หลี่เจวียนเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขอตัวกลับ
ครั้งนี้ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้โบกเรียกรถสามล้อปั่นอีกแล้ว แต่เธอเดินไปยังถนนฝั่งตรงข้ามกับสำนักงาน เมื่อได้สิ่งของที่ตนเองต้องการเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินกลับ
ระหว่างทาง ลู่ฉิวเยว่เห็นป้ายที่เขียนว่า ‘บริการรับเปลี่ยนแม่และลูกกุญแจ’ ติดอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่ง เธอจึงรีบเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่นั่งสัปหงกอยู่หน้าร้านและสะกิดเรียก “คุณคะ ฉันอยากหาคนไปช่วยเปลี่ยนล็อกประตูในร้านอาหารของฉันหน่อย ไม่ทราบว่าใช้เวลานานไหมคะ นี่ฉันกำลังรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณอยู่หรือเปล่า?”
คนถูกปลุกสะดุ้งตื่นก่อนจะยิ้มแย้มให้ด้วยความจริงใจ “ไม่เป็นไรครับ ผมแค่นั่งพักสายตาเล็กน้อยเท่านั้น คุณไปรอผมที่ร้านน้ำชาร้านนั้นก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมตามไปครับ” เขาชี้มือไปยังร้านเล็ก ๆ ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนน
“ได้เลยค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มรับขอบคุณ หลังจากเดินไปนั่งรออยู่ในร้านน้ำชาได้ครู่หนึ่ง เธอก็เห็นเจ้าของร้านเปลี่ยนกุญแจนั่งรถสามล้อปั่นมาลงหน้าร้านน้ำชา แล้วชายคนนั้นก็เดินเข้ามาภายในร้านอย่างรวดเร็ว
พวกเขาใช้เวลาปรึกษาหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวล็อกประตูระหว่างดื่มน้ำชา เมื่อน้ำชาหมดถ้วย ลู่ฉิวเยว่ก็เดินทางกลับไปที่ร้านอาหารของตนเอง
“พี่ครับ!” ก่อนที่ลู่ฉิวเยว่จะไปถึงที่ร้าน หวังเซวียนเซวียนผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมหันมาเห็นเธอเข้าพอดีจึงตะโกนเรียก
ลู่ฉิวเยว่กำลังนั่งอยู่บนรถสามล้อปั่นและยังมีรถสามล้ออีกคันหนึ่งถูกว่าจ้างให้บรรทุกข้าวของตามมาด้านหลัง เขาไม่รู้เลยว่าลู่ฉิวเยว่ไปซื้ออะไรกลับมาบ้าง
“มาช่วยกันขนของหน่อยสิ!” ลู่ฉิวเยว่กวักมือเรียกน้องชายด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปพูดกับเจ้าของรถสามล้อที่บรรทุกข้าวของมาส่งให้เธอ “เชิญเข้าไปนั่งดื่มน้ำชารอข้างในก่อนได้เลยค่ะ เดี๋ยวถ้าพวกฉันขนของลงจากรถหมดแล้ว จะรีบเข้าไปแจ้งทันทีเลยค่ะ”
หลังจากส่งสัญญาณให้เด็กเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว เด็กเสิร์ฟสาวก็นำน้ำชาและขนมทานเล่นมาเสิร์ฟให้แก่คนปั่นรถสามล้อด้วยความสุภาพ
“แหม วันนี้ซื้อของมาเยอะเลยนะ คุณลู่” เหอซิ่งไฉเดินออกมาจากร้านอาหารที่อยู่ด้านข้างพอดี
ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองหน้าเขาเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้ก็เป็นเจ้าของร้านอาหารในละแวกเดียวกัน และมักจะพูดจาเหยียดหยามเธออยู่เสมอ โดยเฉพาะตอนที่ร้านของเธอถูกโจรบุกเข้ามาทำลายเมื่อเช้านี้
แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจสีหน้าของเธอ เขาแทะเมล็ดแตงโมทอดในมือเล่นด้วยความเอร็ดอร่อย ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามต่อไป “ซื้อเยอะขนาดนี้ ถ้าขายไม่ได้จะทำยังไง?”
“ส่วนใหญ่เป็นของแห้งค่ะ ถ้าขายไม่ได้ก็ยังเก็บเอาไว้ได้ คุณลุงไม่ต้องมาเป็นห่วงเรื่องของฉันหรอกนะคะ” ลู่ฉิวเยว่ไม่อยากพูดคุยกับเขา จึงเรียกให้หวังเซวียนเซวียนมาช่วยยกของเข้าไปในร้าน
เหอซิ่งไฉยิ้มด้วยความเหยียดหยาม เขาบ่นพึมพำว่า “ทำเป็นเก่งไปเถอะ ขายไม่ออกขึ้นมาจะนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง” แต่เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ได้ตอบโต้อะไรอีก เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายและเดินกลับเข้าร้านของตัวเองไป
เหอซิ่งไฉไม่ใช่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกมารับชมความสนุกสนาน ยังมีเจ้าของร้านละแวกเดียวกันอีกหลายคนออกมาเฝ้าดูด้วยความสงสัย พวกเขาอยากจะรู้ว่าร้านอาหารของลู่ฉิวเยว่กำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น?
ลู่ฉิวเยว่ไม่สนใจอธิบายให้ผู้ใดรับฟัง เธอเหนื่อยเกินไป หญิงสาวจึงพับแขนเสื้อและเริ่มเคลื่อนย้ายข้าวของลงจากรถสามล้อปั่นเข้าไปภายในร้านอีกครั้ง
“พี่ครับ ทำไมถึงซื้อเครื่องครัวมาเยอะขนาดนี้?” หวังเซวียนเซวียนแกะปากถุงใส่ของออกและพบว่าในบรรดาถุงใส่ของที่พี่สาวของตนเองซื้อกลับมานั้น มีเพียงสองถุงที่เป็นวัตถุดิบสำหรับทำเครื่องปรุงใส่อาหาร ส่วนที่เหลือก็เป็นถุงใส่อุปกรณ์เครื่องครัวทั้งสิ้น “ในครัวเราก็มีเยอะแล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ยิ่งมีเครื่องครัวหลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำอาหารได้หลากหลายมากเท่านั้น เมื่อถึงเวลาเดี๋ยวนายก็รู้เอง” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มกว้าง เธอไม่ได้อธิบายลงรายละเอียด เครื่องครัวที่จะต้องจัดวางใหม่มีมากเกินไป เธอไม่มีเวลาพูดคุยกับใครอีกแล้ว
หวังเซวียนเซวียนยกมือเกาหัวอย่างไม่เข้าใจ หลังจากนั้นเขาก็ช่วยพี่สาวหิ้วถุงใส่ของเข้าไปในร้าน
“ใครคือลู่ฉิวเยว่?” เสียงผู้ชายคนนึงตะโกนขึ้นอยู่หน้าร้านอาหาร
ลู่ฉิวเยว่วางข้าวของที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะยื่นศีรษะออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นกระเป๋าใส่เครื่องมือช่างที่อยู่ในมือของผู้ชายคนนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้โดยทันที “มาเปลี่ยนล็อกกุญแจใช่ไหมคะ?”
“ใช่แล้วครับ! คุณคือลู่ฉิวเยว่ใช่ไหม?” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับกระเป๋าใส่เครื่องมือช่าง
“ใช่แล้วค่ะ ฉันเอง” ลู่ฉิวเยว่รีบล้างมือในอ่างล้างจาน เช็ดมือให้แห้ง และเดินออกมา เธอชี้ไปยังแม่กุญแจที่ถูกทำลายอยู่ทางด้านนอก “แม่กุญแจพวกนี้พังหมดแล้วค่ะ ช่วยเปลี่ยนให้ด้วยนะคะ”
ชายวัยกลางคนค่อย ๆ วางกระเป๋าใส่เครื่องมือช่าง เมื่อยืนยันจนแน่ใจถึงชนิดตัวล็อกที่หญิงสาวต้องการเปลี่ยน เขาก็เริ่มนำเครื่องมือช่างออกมาเริ่มเปลี่ยนล็อกประตูโดยทันที
หลังจากนั้นไม่นาน ตัวล็อกบนประตูก็ได้รับการเปลี่ยนใหม่เรียบร้อย ลู่ฉิวเยว่ยืนมองด้วยความพิศวง สมแล้วกับที่เขาเป็นมืออาชีพ
“มีแค่นี้ใช่ไหมครับ?” เขาหัวเราะ เสียงหัวเราะที่ดังกังวานของชายวัยกลางคนทำให้ลู่ฉิวเยว่รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เธอยิ้มรับด้วยความใจดี นำกุญแจออกมาลองไขกับตัวล็อกที่ประตู เมื่อทุกอย่างใช้ได้เป็นปกติเรียบร้อย หญิงสาวก็นำซองเงินออกมาจากกระเป๋า “นี่เงินที่ฉันตกลงไว้กับเจ้าของร้านของคุณค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”