สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 165 ปัญหาใหม่
บทที่ 165 ปัญหาใหม่
เงินจำนวนมากที่เก็บอยู่ในถุงถูกเทลงไปบนโต๊ะ หนุ่มสาวทั้งสามคนรู้สึกมีความสุขมาก พวกเขารีบขยับเก้าอี้มาช่วยกันนั่งนับเงิน
“ทั้งหมด 256 หยวน!” ลู่ฉิวเยว่ประกาศ ซึ่งทำให้อีกสองหนุ่มที่ช่วยนับเงินรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
หวังเซวียนเซวียนเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ 256 หยวนอย่างนั้นเหรอ? แม้แต่เงินเดือนของผู้จัดการในโรงงานของเขาก็ยังได้ไม่เยอะเท่านี้เลย แต่พี่สาวของเขาหาเงินจำนวนนี้ได้ในวันเดียวเท่านั้น น่ามหัศจรรย์จริง ๆ!
“ดูเหมือนผมคงต้องรีบขยันทำงานแล้วสิ ไม่งั้นผมคงหาเงินสู้คุณไม่ได้แน่” ฉินซือหยอกเย้า ช่วยเธอเก็บเงินกลับเข้ากระเป๋าอีกครั้ง
เมื่อได้ยินเขาพูดอย่างนั้น ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่แกล้งมองเขาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ในใจกำลังตลกขบขันเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคนอย่างฉินซือเรียกว่าหาเงินไม่เก่ง ในโลกนี้ก็คงไม่มีใครหาเงินได้อีกแล้ว
เธอพูดหยอกเย้ากลับไปว่า “ใช่แล้วค่ะ เถ้าแก่ฉินต้องตั้งใจทำงานหน่อยแล้ว ยังมีเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกหลายชนิดที่รอการพัฒนา ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ในบ้านของเราจะมีข้าวของเครื่องใช้ที่มันดีกว่านี้ให้ใช้งานเหรอคะ”
“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วง” ฉินซือมักจะรู้สึกลุ่มหลงแววตาของแฟนสาวอยู่เสมอ เขารู้สึกเหมือนกับว่าดวงตาของเธอเต็มไปด้วยดวงดาวนับล้านดวง และนี่ก็เป็นความสวยงามที่ทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหว
“เซวียนเซวียนก็ต้องตั้งใจทำงานเหมือนกันนะ เรียนรู้พวกการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไว้เถอะ แล้วนายจะทำให้ทุกคนภูมิใจได้อย่างแน่นอน!” ลู่ฉิวเยว่หันกลับมามองหวังเซวียนเซวียนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ และตบไหล่ให้กำลังใจ
หวังเซวียนเซวียนก็มีความมุ่งมั่นเช่นเดียวกับลู่ฉิวเยว่ เขาเห็นเธอทำงานหนักเช่นนี้แล้ว เด็กหนุ่มก็บอกกับตัวเองว่าเขาจะเฉื่อยชาไม่ได้เป็นอันขาด เขาจะต้องศึกษาเรื่องการทำงานของอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าให้ลึกซึ้ง เพื่อที่วันหนึ่งวันใดข้างหน้า เขาจะได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่วงการเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
ลู่ฉิวเยว่รู้ดีว่าน้องชายคนนี้เป็นคนมีพรสวรรค์ โดยเฉพาะในเรื่องของเครื่องยนต์กลไกและอุปกรณ์ไฟฟ้า และเมื่อได้รับการช่วยเหลือจากฉินซือ อนาคตของหวังเซวียนเซวียนก็จะต้องสดใสอย่างแน่นอน
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับคำด้วยแววตามุ่งมั่น “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ผมจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน”
หลังจากนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงชื่นชมว่า “แต่นายเก่งเรื่องการคำนวณมากเลยนะ วันนี้ในร้านมีลูกค้าเยอะมาก ฉันคิดค่าอาหารผิดตั้งหลายรอบ แต่นายคิดไม่ผิดเลยสักครั้ง”
ฉินซือช่วยเสริมว่า “เซวียนเซวียนเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบมากจริง ๆ นั่นแหละ” ตลอดเวลาที่ผ่านมา หวังเซวียนเซวียนมักจะคำนวณข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างระมัดระวังเสมอและเขาไม่เคยทำพลาดเลยสักครั้งเดียว
หวังเซวียนเซวียนถูกชมจนหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย พลางยกมือเกาหัว ทำตัวไม่ถูก
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฉินซือก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที “ถึงรายได้ในเมืองหลวงจะดีมากกว่าในเมืองชนบท แต่ค่าใช้จ่ายก็สูงมากขึ้นเช่นกัน ตอนนี้ร้านอาหารของคุณเริ่มจะดังแล้ว อีกหน่อยต้องมีลูกค้ามากแน่ ๆ ผมว่าถึงเวลาจ้างนักบัญชีมืออาชีพได้แล้วมั้ง”
“จริงด้วยสิ” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและถามว่า “คุณมีใครพอแนะนำให้ได้บ้างไหม?”
ร้านอาหารของเธอเพิ่งเปิดใหม่ มีหลายเรื่องให้ต้องจัดการ ลู่ฉิวเยว่มักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา เธอไม่เหลือเวลามานั่งทำบัญชีด้วยตัวเองอีกแล้วจริง ๆ
“มีสิ” ฉินซือตอบรับอย่างเรียบง่าย เขาวางแผนไว้ในใจอยู่แล้ว เขามีคนรู้จักมากมายอยู่ในเมืองหลวง ดังนั้นการหานักบัญชีสักคนจึงไม่เป็นปัญหาและมันจะได้เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของลู่ฉิวเยว่ด้วย
“แฟนของฉันทำงานหนักจริง ๆ เลยนะเนี่ย” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มกว้างและเมื่อเห็นหวังเซวียนเซวียนกลับเข้าไปในห้องนอนเรียบร้อยแล้ว เธอก็โน้มตัวเข้าไปหอมแก้มฉินซือ ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลู่ฉิวเยว่แทบไม่เคยหอมแก้มเขามาก่อนเลย แต่ครั้งนี้ทำให้หัวใจของฉินซือพองโตอย่างมีความสุข
ฉินซือกำลังจะเอื้อมมือออกไปด้วยความซุกซน แต่ดูเหมือนลู่ฉิวเยว่จะรู้ตัวดีอยู่แล้ว เธอรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีกลับเข้าห้องนอนปิดประตูไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฉินซือนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นตามลำพัง
สัมผัสร้อนอุ่นจากริมฝีปากลู่ฉิวเยว่ที่ข้างแก้มของฉินซือยังคงชัดเจน เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้ จ้องมองไปที่ประตูห้องของลู่ฉิวเยว่ ปรารถนาที่จะมีความสามารถตาทิพย์มองทะลุเข้าไปได้เหลือเกิน
…
ในเดือนแรกของการเปิดร้านอาหาร การที่ลู่ฉิวเยว่ถูกสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ก็ได้เป็นการประชาสัมพันธ์ร้านที่ประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอย่างเนืองแน่น ลู่ฉิวเยว่ทำเงินได้อย่างมากมายในแต่ละวัน แต่ช่วงเวลาที่ดีมักจะอยู่ได้ไม่นานนัก ในไม่ช้า ร้านอาหารของเธอก็ต้องพบเจอกับปัญหาจนได้
ในวันนี้ ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนเดินไปเปิดร้านตั้งแต่รุ่งเช้าตามปกติ แต่ยังเดินไปไม่ถึง เธอก็เห็นตั้งแต่ไกลแล้วว่ามีคนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนมุงกันอยู่หน้าร้านของเธอ
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว เกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นในหัวใจ รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
“หลีกทางหน่อยค่ะ!” เธอแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคน หวังเซวียนเซวียนที่เดินตามมาทางด้านหลังก็ตะโกนว่า “ช่วยหลีกทางให้เจ้าของร้านด้วยครับ!” หลังจากนั้น กลุ่มคนที่กำลังมุงดูก็หลีกทางให้ลู่ฉิวเยว่ แล้วเธอก็ได้เห็นว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นจากหน้าร้านของตนเอง
ประตูร้านของเธอถูกทำลาย โต๊ะและเก้าอี้ภายในร้านถูกทุบไม่เหลือชิ้นดี บนพื้นเต็มไปด้วยเศษซากสิ่งของนับไม่ถ้วน
“ใครกันที่ทำแบบนี้!” หวังเซวียนเซวียนโกรธแค้นจนควันออกหู รู้สึกเจ็บใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขากัดฟันกรอด ก่อนหน้านี้เครื่องใช้ภายในครัวก็เคยถูกทำลายมาแล้ว ตอนนี้โต๊ะและเก้าอี้ในร้านก็ถูกทำลายอีกเช่นกัน พวกเขาไม่สามารถเปิดร้านได้อีกต่อไปและยังต้องเสียเงินอีกไม่น้อยด้วย
ลู่ฉิวเยว่ไม่สงสัยเลยว่าถ้าเธอจับตัวคนที่ทำเรื่องนี้ได้ เธอจะต้องจัดการคนคนนั้นขั้นเด็ดขาดแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่เอื้อมมือออกไปจับแขนของหวังเซวียนเซวียน พูดพร้อมกับขมวดคิ้วว่า “อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม สิ่งแรกที่เราควรทำคือป้องกันสถานที่เกิดเหตุและไปแจ้งตำรวจ เรื่องนี้ปล่อยให้ตำรวจจัดการดีกว่า”
“เชฟลู่ คุณไปมีเรื่องกับใครบ้างหรือเปล่า?” หนึ่งในกลุ่มคนมุงหน้าร้านถามออกมาเสียงดัง
คนอื่น ๆ ก็หันมองหน้ากันด้วยความพิศวง พวกเขาต่างก็สงสัยว่าหญิงสาวคนนี้ไปมีเรื่องขัดแข้งขัดขากับพวกแก๊งอันธพาลบ้างหรือไม่ มิเช่นนั้น ข้าวของในร้านของเธอจะถูกทุบทำลายกลางดึกเช่นนี้ได้อย่างไร
คนที่พูดออกมานั้นก็เป็นพ่อค้าเปิดร้านอาหารอยู่แถวนี้เช่นกัน เขาเคยมาแอบดูที่ร้านของลู่ฉิวเยว่หลายครั้ง และพบว่าร้านของเธอมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนไม่ขาดสาย
“เป็นไปได้ไหมว่าเพราะร้านของคุณโด่งดังมากเกินไป ก็เลยมีคนอิจฉา” เขาพูดออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสะใจ
เมื่อคำพูดนั้นถูกกล่าวออกไป ผู้คนจำนวนไม่น้อยในกลุ่มคนมุงก็แสดงสีหน้าสะใจออกมาเช่นกัน คนกลุ่มนี้ต่างก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดร้านอาหารอยู่ในละแวกเดียวกัน เพราะนับตั้งแต่ที่ลู่ฉิวเยว่มาเปิดร้านอาหารที่นี่ ลูกค้าในร้านของพวกเขาก็หายไปเป็นจำนวนมาก แต่ละวันมีลูกค้าเข้าร้านน้อยลงเรื่อย ๆ
พวกเขาไม่พอใจลู่ฉิวเยว่มานานแล้ว วันนี้เมื่อเกิดเรื่องขึ้นกับร้านของเธอ หลายคนจึงอดรู้สึกสะใจไม่ได้ นอกจากบางคนไม่คิดจะช่วยเหลือเธอแล้ว พวกเขายังคิดสมน้ำหน้าเธออีกด้วย!
ลู่ฉิวเยว่เห็นว่าผู้ชายคนนี้ต้องการจะก่อกวน เธอจึงหันไปมองด้วยสายตาเย็นชา แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่เอาเรื่อง หันมาบอกกับน้องชายว่า “เซวียนเซวียน ออกไปดูหน่อยว่าในร้านค้าแถวนี้ ใครมีโทรศัพท์บ้างไหม ช่วยโทรแจ้งตำรวจที”
หวังเซวียนเซวียนมีสีหน้าบูดบึ้ง เขายังคงโกรธแค้นอยู่ไม่หาย เมื่อได้ยินคำสั่งจากพี่สาว เด็กหนุ่มก็รีบรับคำเดินแหวกกลุ่มผู้คน วิ่งไปยังร้านค้าที่อยู่ข้าง ๆ ทันที
เขารู้ดีว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นพวกพ่อค้าแม่ค้าร้านอาหารในละแวกเดียวกันก็เป็นได้ แต่หวังเซวียนเซวียนก็ไม่อยากจะใส่ความใครโดยไม่มีหลักฐาน ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรกับใครทั้งสิ้น ในไม่ช้า เด็กหนุ่มก็ขอยืมโทรศัพท์ในร้านขายของชำได้สำเร็จ
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมา เมื่อมองสภาพร้านของตัวเองก็รู้สึกปวดหัวขึ้นในทันใด การไม่มีโทรศัพท์นี่ไม่สะดวกเลยจริง ๆ หลังจากเกิดเรื่องครั้งนี้ขึ้น เธอก็รู้สึกอยากจะติดโทรศัพท์ในร้านขึ้นมาจริง ๆ เพราะมันจะทำให้เธอติดต่อธุรกิจกับหุ้นส่วนสะดวกมากกว่าเดิมอีกด้วย
และเธอก็ไม่สะดวกใช้ตู้โทรศัพท์สาธารณะ เพราะบางครั้ง การรับส่งข่าวก็ล่าช้ามากเกินไป