สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 16 ตัดสัมพันธ์ (รีไรท์)
บทที่ 16 ตัดสัมพันธ์ (รีไรท์)
บทที่ 16 ตัดสัมพันธ์ (รีไรท์)
ลู่ฉิวเยว่แวะซื้อขาหมูข้างทาง ตั้งใจว่าจะนำกลับไปทำต้มขาหมูในตอนกลางคืน เพียงไม่นาน กลิ่นหอมน่ารับประทานก็ตลบอบอวลในอากาศ
แม้แต่ฉินซือที่เมื่อก่อนไม่กระตือรือร้นกับอาหารประเภทนี้ก็อดไม่ได้ที่จะขยับตะเกียบคีบมันขึ้นมา
“นี่เป็นขาหมูที่ดีที่สุดที่ฉันเคยกินมาในชีวิต” หลังกินอาหารเสร็จ เลขาหวังก็ยกนิ้วโป้งให้ด้วยความชื่นชม
ลู่ฉิวเยว่พูดอย่างถ่อมตัว “คุณหวัง ชื่นชมกันมากเกินไปแล้วค่ะ”
“ไม่ได้ชื่นชมเลย เชฟลู่เจียมเนื้อเจียมตัวเกินไปน่ะสิ ต่อให้ค้นหาทั้งประเทศก็หาคนที่ทำอาหารเก่งเท่านี้ไม่ได้หรอก” เลขาหวังพูดอย่างฉะฉาน “เจ้านายของเราเป็นนักกินที่จู้จี้จุกจิกที่สุดเท่าที่ผมเคยพบมา เมื่อก่อนเขาชอบกินแต่อาหารฝีมือเชฟแก่ ๆ ดูสิ ตอนนี้เขา… แอ้ก!”
จู่ ๆ เลขาหวังก็กรีดร้อง เอามือปิดบั้นท้ายแล้วกระโดดโหยง
ฉินซือชักเท้ากลับพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง สายตามองเลขาหวังอย่างเย็นชา
เลขาหวังรู้ว่าเขาพูดมากเกินไปจึงไม่กล้าพูดอีก เขาลุกขึ้นตามเจ้านายด้วยความรู้สึกผิด
“ผมกลับก่อน” ฉินซือพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินไปที่ประตู
ทว่าหูที่แดงก่ำผิดปกตินั่นราวกับจะทรยศเขา
“ฮ่า ๆ!”
หลังทั้งสองจากไป ลู่ฉิวเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ
ฉินซือผู้นี้เคยดูเย็นชาและเฉยเมยในอดีต แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะขี้อายขนาดนี้
ชอบกินก็ชอบกินสิ มีอะไรต้องเขินด้วย
จริง ๆ เธอรู้อยู่แล้ว เพราะคะแนนโบนัสที่ปรากฏขึ้นในระบบทุกครั้งที่เขากินเสร็จพุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวจริง ๆ
“เยว่เยว่ วันนี้แม่เขาเป็นอะไรเหรอ หน้าบึ้งเชียว” พ่อของเธอเดินเข้ามาถาม
ตอนนี้พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็ทำงานในโรงงานเช่นกัน เขาจึงไม่รู้เรื่องที่แม่ของตนเองเดินทางมาปั่นป่วนที่นี่
ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม “วันนี้คุณย่ามาขอเงิน ย่ากับแม่ทะเลาะกันใหญ่โตเลยค่ะ”
ชายวัยกลางคนย่อมรู้ว่าแม่ของเขามีนิสัยอย่างไร เขาจึงทำหน้าสลด เอาแต่ขมวดคิ้วอยู่อย่างนั้น
คุณย่าของลู่ฉิวเยว่คือแม่ผู้ให้กำเนิดเขาเอง เขาย่อมพูดไม่ออก
ลู่ฉิวเยว่เห็นสีหน้าของพ่อก็ได้แต่ปลอบโยนไปว่า “ไม่เป็นไรนะพ่อ พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เดี๋ยวเรื่องนี้หนูจัดการให้เอง”
คนเป็นพ่อถอนหายใจ “ทุกอย่างในครอบครัวขึ้นอยู่กับลูกหมดแล้ว พ่อแม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้เลยจริง ๆ”
แม่ผัวกับลูกสะใภ้มีเรื่องให้ทะเลาะกันทุกวันตั้งแต่แต่งงาน พ่อของลู่ฉิวเยว่รู้สึกเจ็บปวดมาก เขาทำได้เพียงปฏิบัติต่อภรรยาและบุตรสาวให้ดีที่สุดเท่านั้น
น่าเสียดายที่เขาเป็นคนไม่เอาอ่าว ที่ผ่านมาเขาเลยช่วยอะไรไม่ได้มาก
ตั้งแต่ออกมาจากบ้านแม่ พ่อของลู่ฉิวเยว่คิดว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมได้สักที แต่หญิงชราก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะมารังควานพวกเขาอยู่ดี
กลายเป็นลู่ฉิวเยว่ที่รู้สึกผิดขึ้นมาทันที
พ่อไม่รู้ว่าเธอวางแผนที่จะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร แต่ถึงเขาจะรู้ พ่อคงไม่คิดขัดขวางลูกสาวหรอก
เช้าวันต่อมา ณ หมู่บ้านลู่เจี๋ย
แสงตะวันยามเช้าสาดส่องรำไร มองเห็นเนินเขาเขียวขจี เสียงไก่ขันดังคลอรอบบริเวณ
ก๊อก ๆ ๆ!”
ป้าลู่ถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงเคาะประตูอย่างต่อเนื่อง
เธอสวมเสื้อตัวยาวแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างลวก ๆ “คนใจดำที่ไหนมาเคาะประตูบ้านคนอื่นแต่เช้า! เชื่อไหมว่าฉันจะ…”
หญิงวัยกลางคนตกใจเมื่อเห็นคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่นอกประตู เธออยากจะปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก แต่มันสายเกินไปแล้ว
ชายร่างกำยำหลายคนผลักเธอก่อนจะเดินเข้ามาอย่างผยอง
“ไปบอกให้ลู่ฉิวเยว่ออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะผลไม้กระป๋องของเธอ ลูกชายฉันก็คงไม่ต้องตาย บอกลู่ฉิวเยว่ให้ออกมาเดี๋ยวนี้! จ่ายค่าเสียหายมาซะ!” เสียงที่หยาบกระด้างของชายคนนั้นทำให้ป้าลู่ตัวสั่นจนต้องหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่มุมห้อง
เธอเอ่ยเสียงสั่น “ลู่ฉิวเยว่อะไร นี่ไม่ใช่บ้านของลู่ฉิวเยว่ ฉันไม่รู้จักเธอ!”
“ไม่รู้จักเหรอ” ชายที่เป็นหัวหน้าหัวเราะเยาะ มันเตะเก้าอี้ล้มลงเสียงดังโครมครามแล้วเอ่ยเสียงเหี้ยม “ฉันได้ยินมาว่าลู่ฉิวเยว่อาศัยอยู่ที่นี่! อย่ามาโกหก!”
“ฉันไม่ได้โกหกคุณ ฉันไม่รู้จักจริง ๆ!” ใบหน้าของป้าลู่เต็มไปด้วยน้ำตา เธอนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุมห้อง
ไม่ว่าลู่ฉิวเยว่จะไปทำใครตายก็ไม่เกี่ยวข้องกับคนบ้านนี้สักหน่อย
“เธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ” ชายคนนั้นกัดฟัน “อย่าโกหกฉัน ไม่อย่างนั้น…”
ฉับพลันโต๊ะในห้องก็หักเป็นสองท่อน!
ป้าลู่ตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้น
จนกระทั่งคนกลุ่มนั้นกลับออกไปตามหาลู่ฉิวเยว่ที่อื่น เธอก็ยังไม่หายตกใจอยู่ดี
เธอลุกขึ้นยืนตัวสั่น ร้องเสียเสียงดัง “ลู่ต้าหนิว! คุณมันใช้ไม่ได้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
ทำไมเธอถึงแต่งงานกับผู้ชายแบบนี้ได้นะ เขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้อง ไม่คิดจะออกมาช่วยเหลือเมียตัวเองเลย
เมื่อได้พบสามีผู้หลบอยู่ในห้องด้วยความหวาดกลัว ป้าลู่ก็โกรธมาก เธอเดินเข้าไปตบลุงลู่อยู่หลายรอบ ก่อนจะทึ้งหูของเขาแล้วพูดว่า “รีบไปบอกแม่ของคุณว่าเราจะไปคุยกับลู่ฉิวเยว่กัน พวกเราเดือดร้อนแล้ว! มีคนกินผลไม้กระป๋องจนตาย ครอบครัวคนตายจะมาเอาเรื่องเราแล้วเนี่ย!”
เรื่องนี้มีคนถึงตายเชียวนะ!
ลุงลู่ก็กลัวเช่นกันจึงรีบวิ่งไปหาแม่ของตนเอง
ก่อนเที่ยง คุณย่าลู่เรียกให้พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่มาพบโดยทันที
“ทำไมแม่ถึงเรียกพวกเรามากะทันหันแบบนี้ล่ะ” แม่ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจเลยหันไปถามสามีที่อยู่ข้าง ๆ
คนถูกถามก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ของเขาชอบหาเรื่อง เขากังวลเหลือเกินว่าหญิงชราจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นมาอีก
คนเดียวที่รู้ความจริงคือลู่ฉิวเยว่
เธอจ้างอันธพาลเหล่านั้นเพียงเพื่อบังคับให้หญิงชราตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเธอ เธอไม่ต้องการให้หญิงชรามาระรานครอบครัวของตนเองบ่อย ๆ
แต่หญิงสาวไม่ได้พูดอะไร ยังคงสังเกตสถานการณ์ต่อไปเงียบ ๆ
ลู่ฉิวเยว่เดินตามหลังพ่อแม่เข้าไปหาคุณย่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แม่ครับ” ทันทีที่พ่อลู่เดินเข้าประตูไป คนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นก็ผงะ
พวกเขาล้วนเป็นลุงแก่ ๆ ในหมู่บ้าน
“ฉันไม่มีลูกชายอย่างแก!” หญิงชราขว้างโถกระเบื้องเคลือบเข้ามาอย่างโหดเหี้ยม
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบสนอง ใบหน้าของพ่อลู่ฉิวเยว่ก็เต็มไปด้วยเลือดแล้ว
บรรยากาศในที่เกิดเหตุเป็นไปอย่างน่าสลดใจ
ลู่ฉิวเยว่โกรธจนควันออกหู เธออยากจะรีบตบคุณย่าของตัวเองสักทีสองที
“ทุกคนเป็นพยานแล้วนะ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ลู่ชางหลินคนนี้ไม่ใช่ลูกของฉันอีกแล้ว! ฉันขอประกาศตัดแม่ตัดลูกกับมัน!”
แม้ว่าพ่อของลู่ฉิวเยว่จะไม่ได้รับความรักจากหญิงชรามานานแล้ว แต่เขาก็ยังเจ็บปวดหัวใจอยู่ดี
เพียงเพราะไม่มีเงิน แม่จึงอยากตัดขาดความสัมพันธ์งั้นเหรอ?
เขากำหมัดแน่น อดทนต่อความเศร้าโศก “แม่แน่ใจแล้วเหรอว่าต้องการทำแบบนี้”
“อย่าเรียกฉันว่าแม่! นับตั้งแต่วันนี้ไป ฉันไม่มีลูกชายแบบแก! “น้ำเสียงของคุณย่าเหลือเพียงความห่างเหิน หญิงชราไม่แม้แต่จะมองเขา แต่หันไปมองลุงและพี่น้องคนอื่น ๆ ในบ้าน “ทุกคนได้ยินแล้วนะว่าฉันได้ตัดขาดครอบครัวของพวกเขา ในอนาคต ไม่ว่าครอบครัวของพวกเขาจะเป็นหนี้มากขนาดไหน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลของเรา! โปรดช่วยเป็นพยานด้วย”
“ในเมื่อแกไม่ใช่ลูกชายของฉันอีกต่อไป คืนที่ดินของบ้านเก่ามาให้ฉันด้วย” คุณย่าพูดอย่างไม่มีเหตุผลอีกครั้ง
ถึงคุณย่าจะใจดำ แต่พ่อลู่ฉิวเยว่กลับรู้สึกโล่งใจ “ในเมื่อแม่ยืนยันเรื่องนี้ งั้นผมจะคืนทุกอย่างให้ บ้านหลังนั้นผมเองก็ไม่ได้อยู่มานานแล้ว”
พูดจบเขาก็หันหลังกลับเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ผู้เป็นภรรยาต้องเดินตามหลังไปทีละก้าวอย่างเป็นห่วง
“คุณยังมีฉันกับลูกอยู่นะ” เธอจับมือสามีแน่น รู้สึกเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
“ใช่ เราเป็นครอบครัวเดียวกัน!” พ่อของลู่ฉิวเยว่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึมและจับมือของภรรยากับบุตรสาวไว้ไม่ยอมปล่อย
ความจริงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายได้จางหายไปนานหลายปีแล้ว แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าผู้เป็นแม่จะใจร้ายใจดำกับตนเองได้ถึงขนาดนี้
ลู่ฉิวเยว่ทำเพียงเงียบ
การเห็นพ่อเศร้าทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
แต่พูดตรง ๆ เธอไม่เสียใจเลย