สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 159 การประชันฝีมือ
บทที่ 159 การประชันฝีมือ
ข้าง ๆ ชายชราก็คือเหลียงซิง แต่นอกจากนั้น ห่างออกไปไม่ไกลก็เป็นนักข่าวกลุ่มหนึ่งที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพคู่ใจ บ่งบอกให้รู้ถึงการเตรียมตัวเป็นอย่างดี
ประธานเหอคิดไม่ถึงเลยว่าเหลียงซิงจะทำเช่นนี้ สีหน้าของเขาเองก็ไม่สู้ดีนัก ชายชราตำหนิออกมาว่า “ไล่นักข่าวที่นายเอามากลับไปให้หมดเดี๋ยวนี้!”
“ท่านประธานครับ เวลาที่เราแข่งขันกันก็มักจะมีนักข่าวมาร่วมเป็นสักขีพยานอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?” เหลียงซิงยิ้มตอบกลับไปอย่างประจบประแจง
ในใจเขากำลังหัวเราะเยาะ การแข่งขันครั้งนี้ เหลียงซิงได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้ามาเป็นอาทิตย์แล้วก่อนที่จะพูดต่อหน้าชายชราเมื่อคืนก่อน เขามั่นใจมากว่าวันนี้ลู่ฉิวเยว่จะต้องเป็นคนแพ้อย่างแน่นอน
แล้วชัยชนะของเขาจะไม่มีนักข่าวอยู่ร่วมเป็นสักขีพยานได้อย่างไร? เหลียงซิงต้องการจะให้ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้ ต้องการจะให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาคือผู้ที่เอาชนะลู่ฉิวเยว่ และตำแหน่งอันดับหนึ่งก็ต้องเป็นของเขาเท่านั้น!
“เหลียงซิง นี่ฉันพูดจาดี ๆ แล้วนะ!” เหอสยงอิ๋งแสดงความหงุดหงิดออกมาในทันใด “นี่เป็นแค่การประลองฝีมือภายใน ไม่ใช่การแข่งขันอย่างเป็นทางการ ทำไมต้องเชิญนักข่าวพวกนี้มาด้วย!”
แต่เพื่อรักษาไว้ถึงหน้าตาของสมาคม เสียงพูดของท่านประธานจึงไม่ดังนัก ลู่ฉิวเยว่มองเห็นแต่เพียงสีหน้าโมโหของชายชรา และเห็นว่าเหลียงซิงกำลังขอโทษอย่างหน้าระรื่น เห็นเช่นนี้เธอก็รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าและเดินยิ้มเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
“ประธานเหอ”
เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้าไปหา เหอสยงอิ๋งก็รีบสลัดสีหน้าขุ่นเคืองใจออกไปและหันมายิ้มให้เธออย่างใจดี “ฉิวเยว่ มาถึงแล้วสินะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็มีสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยที่เห็นกลุ่มนักข่าวอยู่ข้าง ๆ จึงหันไปมองค้อนใส่เหลียงซิง “บอกให้พวกเขากลับไปเดี๋ยวนี้!”
เหลียงซิงเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ซึ่งทำให้เหอสยงอิ๋งยิ่งไม่พอใจมากไปกว่าเดิม
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอเดินเข้าไปพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่สนใจหรอก แต่หวังว่าวันนี้คุณเหลียงคงทำเต็มที่นะคะ จะได้ไม่เสียหน้าอีก”
เหลียงซิงยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายจนทุกคนที่อยู่รอบข้างสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
เขาพูดด้วยความมั่นใจ “คุณลู่ คุณอย่าเพิ่งได้ใจมากเกินไป เดี๋ยวคุณแพ้ขึ้นมาจะไม่รู้เอาหน้าไปอยู่ที่ไหนเอานะ” พอพูดจบแล้ว เขาก็เดินเข้าประตูไปก่อนเป็นคนแรก
ลู่ฉิวเยว่เบิกตาโตและเดินตามเข้าไป
“ท่านประธานอยากให้เราไปจัดการไหมครับ?” คนจากสมาคมนักทำอาหารถาม สมาชิกคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเป็นกังวลเช่นกัน พวกเขาไม่เห็นด้วยเลยกับการกระทำของเหลียงซิงเลย
“ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป” เหอสยงอิ๋งจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเหลียงซิง บ่นพึมพำกับข้อเสนอของคนข้าง ๆ
เหลียงซิงมีความหยิ่งผยองมากเกินไป สมควรถูกลู่ฉิวเยว่สั่งสอนแล้วจริง ๆ
คนที่ยื่นข้อเสนอขมวดคิ้ว แต่ก็ต้องตอบรับในลำคอแต่โดยดีและเดินเคียงข้างท่านประธานเข้าไปด้านใน
เมื่อพวกเขาเข้าไปยังหอประชุมที่อยู่ด้านใน ทุกคนก็พบว่าลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนกำลังถูกรุมล้อมด้วยนักข่าว
“คุณลู่ ผมรู้จักคุณ คุณเกิดในหมู่บ้านชนบท คุณไม่เคยเป็นแม่ครัวในร้านอาหารมาก่อน แต่คุณก็คว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งในการแข่งขันทั้งสองรอบที่ผ่านมา คุณมีเคล็ดลับอะไรบ้างไหมครับ?” นักข่าวคนหนึ่งยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงความเคารพสักนิด
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ในชาติที่แล้ว เธอโด่งดังในวงการอาหารตั้งแต่อายุยังน้อย จึงพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาจนเคยชิน ตอนนี้จึงไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิดเดียว “คุณพ่อฉันเคยพูดว่าคุณปู่มีฝีมือทำอาหารดีเยี่ยมมากค่ะ บางทีนี่อาจจะเป็นความสามารถที่สืบทอดกันทางสายเลือดก็ได้ แล้วฉันก็ชอบทำอาหารมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอรู้ตัวอีกที ฉันก็มีฝีมือด้านการทำอาหารโดยไม่รู้ตัวแล้วค่ะ”
นักข่าวคนเดิมอยากจะถามอะไรอีกครั้ง แต่ก็ถูกนักข่าวอีกคนแย่งพูดขึ้นมาว่า “เท่าที่ผมรู้ คุณเหลียงเป็นลูกศิษย์คนสนิทของเชฟชื่อดังที่ทำงานอยู่ในโรงแรมของรัฐประจำเมืองปักกิ่ง คุณลู่มีความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน คุณคิดว่าตัวเองเอาชนะเขาได้ไหมครับ?”
“ฉันจะไม่ยอมพูดว่าฉันจะชนะเขาแน่นอนหรอกนะคะ คุณนักข่าว คุณอย่าพูดให้ทุกคนเข้าใจผิดสิ” ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง “ไม่ว่าฉันจะชนะหรือไม่ เดี๋ยวพวกคุณก็ได้เห็นเอง”
กลุ่มนักข่าวยังคงยิงคำถามใส่เธออย่างไม่เกรงใจต่อไป ซึ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่รู้สึกรำคาญใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่ารอบข้างมีแต่กล้องถ่ายภาพอยู่เต็มไปหมด เธอจึงทำได้เพียงตอบคำถามด้วยรอยยิ้ม เพราะไม่อย่างนั้น คนพวกนี้อาจจะทำลายภาพลักษณ์เธอได้ในเวลาอันรวดเร็ว
“เชฟลู่ รอบที่ผ่านมาคุณทำผลงานได้ดีมาก วันนี้พร้อมแล้วหรือยังครับ?” ได้ยินเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลู่ฉิวเยว่หูดี เธอก็คงไม่ได้ยิน หญิงสาวหันไปมองด้วยความประหลาดใจ ในที่แห่งนี้มีนักข่าวที่รู้จักถามคำถามที่ไม่เหน็บแนมเธอด้วยเหรอ?
“คุณว่าอะไรนะคะ? ช่วยถามอีกครั้งได้ไหม?”
“ผมเหรอครับ?” ชายหนุ่มยกมือชี้หน้าตัวเองด้วยความตกใจ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ใช่แล้วค่ะ”
นักข่าวหนุ่มรีบทำตัวให้เคร่งขรึมขึ้นมาทันที ถามคำถามเดิมด้วยการเน้นย้ำทีละคำ เพราะกลัวว่าเธออาจจะเข้าใจผิด
ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม แล้วตอบคำถามเขาอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้ยังอนุญาตให้เขาถามคำถามได้อีกหลายข้อหลังจากนั้น
“คุณชื่ออะไร?”
“ซือเฉิงครับ!”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า บอกเขาว่าเธอจะจำเอาไว้
ซือเฉิงไม่คิดเลยว่าวันนี้ตนเองจะได้พบกับเรื่องราวที่ไม่คาดฝันเช่นนี้ เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปด้านใน เขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
เขาเป็นนักข่าวใหม่ มาที่นี่พร้อมกับเพื่อนและเคยไปสังเกตการณ์ที่การแข่งขันทำอาหารมาแล้ว เขาคิดว่าลู่ฉิวเยว่มีฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นเขาจึงแอบชื่นชมเธออยู่พอสมควร ซือเฉิงจึงลองถามคำถามออกไปและไม่คิดเลยว่าเธอจะตอบคำถามของเขา!
เมื่อมีผู้คนมารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว การประชันฝีมือก็กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้า
“คุณลู่ ครั้งที่แล้วคุณเป็นคนตั้งโจทย์ให้ผม ครั้งนี้ผมขอตั้งโจทย์กับคุณบ้างได้ไหม?” เหลียงซิงพูดขึ้นมาก่อนเป็นคนแรก เขามีความคิดที่ชั่วร้ายอยู่ในใจ ครั้งนี้แหละเขาจะทำให้ลู่ฉิวเยว่เสียหน้าให้ได้
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “คุณเหลียงคะ ครั้งที่แล้วเป็นคุณขอให้ฉันตั้งโจทย์กับคุณก่อนนะ ทำไมคุณถึงเอาเปรียบกันแบบนี้ล่ะ? ฉันว่าเราต่างฝ่ายต่างตั้งโจทย์ให้กันดีกว่า แบบนี้ถึงจะยุติธรรม”
ผู้ชายคนนี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ เธอไม่อยากติดกับดักของเขาง่าย ๆ
เหลียงซิงชักสีหน้าด้วยความไม่ชอบใจ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเล็กน้อย “ในชีวิตนี้คุณเคยเข้าแข่งขันมากี่รายการแล้ว? คุณรู้ไหมว่าคนเป็นเชฟควรจะตั้งโจทย์ให้แก่กันยังไง?” เธอเป็นแค่เชฟครึ่ง ๆ กลาง ๆ เธอจะไปรู้อะไร ถ้าเธอไม่บังเอิญโชคดีคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งได้ในสองรอบที่ผ่านมา เธอจะเอาอะไรมายืนอยู่ตรงหน้าเขาได้แบบนี้?
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่คนดูที่อยู่แถวหน้าสุดก็พูดแทนเธอเสียก่อนว่า
“ผมว่าเป็นความคิดที่ดีนะครับที่จะช่วยกันตั้งโจทย์ให้อีกฝ่าย เพราะว่าหลังแข่งจบ จะได้ไม่มีคนงอแงว่ากติกาไม่ยุติธรรมอีก”
“ใช่ครับ ผมว่าเราควรฟังที่เชฟลู่พูด”
เหลียงซิงคิดไม่ถึงเลยว่าสมาชิกในสมาคมนักทำอาหารด้วยกันเองจะไม่เข้าข้างเขาเลย ชายหนุ่มรู้สึกขุ่นเคืองใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นกล้องถ่ายภาพอยู่ไม่ไกล เขาก็ทำได้แค่ตอบตกลงเท่านั้น
ก็แค่ต่างฝ่ายต่างตั้งโจทย์ให้แก่กันไม่ใช่หรือไง? วันนี้เขาเตรียมตัวมาดีมาก เหลียงซิงมั่นใจมากว่าตนเองเอาชนะลู่ฉิวเยว่ได้อย่างแน่นอน
“งั้นผมขอประกาศว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นนับจากนี้!” เหอสยงอิ๋งก้มมองนาฬิกาข้อมือและพูดเสียงดัง
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปประจำตำแหน่ง
โจทย์ที่เหลียงซิงตั้งให้เธอทำก็คือกุ้งผัดชาหลงจิ่ง นี่คือเมนูที่ร้านทั่วไปไม่มีขาย เขารู้สึกว่าเธอเป็นแค่เชฟบ้านนอก มีความรู้ครึ่ง ๆ กลาง ๆ คงไม่สามารถทำกุ้งผัดชาหลงจิ่งออกมาได้อร่อยถูกใจคนเมืองกรุงอย่างแน่นอน
แต่เหลียงซิงไม่รู้ตัวเลยว่าตนกำลังจะต้องผิดหวัง เพราะนอกจากลู่ฉิวเยว่จะรู้จักวิธีทำกุ้งผัดชาหลงจิ่งแล้ว มันยังเป็นเมนูถนัดของเธออีกด้วย
ในชาติที่แล้ว กุ้งผัดชาหลงจิ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อในร้านอาหารของเธอ มีคนมากมายนับไม่ถ้วนมาที่ร้านอาหารของเธอเพียงเพราะต้องการจะรับประทานกุ้งผัดชาหลงจิ่งเท่านั้น