สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 154 หนีรอด
บทที่ 154 หนีรอด
แต่เมื่อเห็นว่ากลุ่มเทศกิจยังอยู่ห่างออกไปอีกหลายสิบเมตร ลู่ฉิวเยว่ก็บังคับให้ตนเองใจเย็นลง นำแผ่นพลาสเตอร์ออกจากกระเป๋าและยัดใส่เข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเอง ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้หวังเซวียนเซวียนนำกระเป๋าใส่เงินไปซ่อนไว้ใต้เก้าอี้
และเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นเพื่อปิดบังเงินไว้อีกชั้นหนึ่ง
ส่วนหญิงชราคนที่มาแจ้งข่าวไม่รู้เลยว่าไปเอาสำรับไพ่มาจากไหน เธอและคุณลุงคุณป้าคนอื่น ๆ พร้อมใจกันนั่งล้อมวงที่โต๊ะแกล้งทำเป็นกำลังนั่งเล่นไพ่
กลุ่มคนชราเหล่านี้ต่างก็ต้องเคยซื้อแผ่นแปะแก้ปวดราคาแพงจากร้านขายยาที่ถนนชางหนิง พวกเขาจึงหวังให้ลู่ฉิวเยว่มาตั้งแผงขายที่หน้าปากซอยทุก ๆ วันเพื่อที่จะได้ซื้อแผ่นแปะในราคาที่ถูกลง ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจะปล่อยให้เธอถูกเทศกิจจับตัวไปได้อย่างไร
“เจ็ดแต้ม!”
หญิงชรารีบนำแผ่นแปะแก้ปวดที่เหลืออยู่บนเก้าอี้อีกสองแผ่นยัดใส่ใต้ก้นของตนเองและยิ้มกว้าง ก่อนจะโยนไพ่ลงไปบนโต๊ะสองใบ
“ฉันได้เก้าแต้ม!”
“ฝันไปเถอะ!”
…
เมื่อกลุ่มเทศกิจวิ่งมาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็พบกับกลุ่มคนชรากำลังนั่งเล่นไพ่กันอยู่ที่โต๊ะอย่างสนุกสนาน
“คนไหนคือลู่ฉิวเยว่?” แต่ถึงอย่างนั้น กลุ่มเทศกิจคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดีแล้ว พวกเขาจึงไม่ถูกตบตาง่าย ๆ ผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มถามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าเหมือนจะประหลาดใจ เธอรีบลุกขึ้นยืน ถามด้วยความพิศวงว่า “ฉันเองค่ะ พวกคุณต้องการอะไรจากฉันเหรอคะ?”
“สำนักเทศกิจได้รับแจ้งว่ามีการเปิดแผงขายของที่นี่ ไม่ทราบว่าคุณมีใบอนุญาตหรือเปล่า?” หัวหน้ากลุ่มเทศกิจจ้องมองด้วยความสงสัย สายตาของเขามีอำนาจเหมือนอ่านความคิดผู้คนได้
แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา “แผงขายของเหรอคะ? จะเป็นไปได้ยังไง! ฉันไม่ได้ขายอะไรทั้งนั้น”
เธอตอบรับด้วยความหนักแน่น หัวหน้ากลุ่มเทศกิจเริ่มเชื่อขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็ชี้มือพูดว่า “งั้นโต๊ะกับเก้าอี้พวกนี้คืออะไร?”
ลู่ฉิวเยว่กำลังจะอ้าปากอธิบาย หญิงชราก็ชิงลุกขึ้นยืนเสียก่อน
“พ่อหนุ่มรูปหล่อ โต๊ะและเก้าอี้พวกนี้เป็นของฉันเอง” เธอหัวเราะ “ทำไมล่ะ? เดี๋ยวนี้ห้ามเล่นไพ่กันแล้วเหรอ? ฉันจะได้ขนของพวกนี้กลับบ้าน”
หญิงชรายกมือเกาหัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย ดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
“นั่นสิ พวกเราคนแก่อยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ก็เลยมานั่งเล่นไพ่แก้เบื่อกันเท่านั้นเอง คิดไม่ถึงเลยว่ายุคสมัยนี้ถึงกับห้ามคนแก่เล่นไพ่แล้ว” ชายชราอีกคนหนึ่งบ่นขึ้นมา
คนอื่น ๆ ก็รีบสนับสนุนทันที “จริงด้วย น่าผิดหวังจริง ๆ!” กลุ่มคนชราแสดงความไม่พอใจออกมา พวกเขาจ้องมองบรรดาเทศกิจด้วยความโกรธเคือง แต่ในเวลาเดียวกันนี้ก็มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ในสายตาเช่นกัน
กลุ่มคนชราเป็นชาวบ้านท้องถิ่นของที่นี่ ถ้าบรรดาเทศกิจไม่สามารถคลี่คลายสถานการณ์ได้ อีกเพียงไม่กี่วันหลังจากนี้ กลุ่มคนชราคงเอาพวกเขาไปป่าวประกาศว่าเทศกิจชอบรังแกคนแก่เป็นแน่แท้
คนที่เป็นหัวหน้ารีบส่ายศีรษะแล้วรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “เล่นไพ่ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ผมกลัวว่าจะมีคนแอบมาขายของต่างหาก!” เขาจ้องมองมาที่ลู่ฉิวเยว่เหมือนกับต้องการจะหาพิรุธในสายตาของเธอ
ลู่ฉิวเยว่ทำหน้าฉงนสงสัย มองตอบกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง
“พวกเรากลับ!” หัวหน้ากลุ่มเทศกิจสำรวจมองรอบข้างอยู่อีกพักใหญ่ แต่เมื่อไม่พบความผิดปกติใด ๆ เขาก็สั่งให้ลูกน้องกลับ แต่ก่อนที่จะกลับเขาก็ไม่ลืมขอโทษกลุ่มคนชรา เพราะกลัวว่าอาจจะมีคนในกลุ่มนี้ไม่พอใจจนเขียนจดหมายร้องเรียนหัวหน้าของเขา ซึ่งจะทำให้พวกเขาเดือดร้อนยกกลุ่มก็เป็นได้
หลังจากเดินกลับออกมาแล้ว ลูกน้องคนหนึ่งก็ถามขึ้นมาว่า “หัวหน้าครับ เราจะปล่อยพวกเขาไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
แน่นอนว่ากลุ่มเทศกิจไม่เชื่อว่าคนชราเหล่านั้นจะมานั่งเล่นไพ่กันจริง ๆ แต่ลู่ฉิวเยว่ได้รับการปกป้องด้วยกลุ่มคนชรา พวกเขาก็จับคนไม่ได้ถ้าไม่มีหลักฐาน และถ้าไม่ระมัดระวังตัวขึ้นมา กลุ่มคนชราเหล่านั้นก็คงเอาเทศกิจไปพูดถึงในแง่ร้ายอย่างแน่นอน
หัวหน้ากลุ่มไม่พูดอะไรเลย
ในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อเห็นกลุ่มเทศกิจเดินกลับกันไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รีบหันไปส่งสัญญาณให้หวังเซวียนเซวียนนำกระเป๋าเงินกลับไปที่บ้านโดยเร็ว ส่วนตัวเธอก็ยิ้มขอบคุณคุณลุงคุณป้าที่อยู่ที่นี่
“ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ไม่งั้นวันนี้หนูคงโดนจับไปแล้ว” พูดจบ เธอก็หยิบพลาสเตอร์แก้ปวดออกมาจากกระเป๋ากางเกง และแจกให้กับกลุ่มคนชราคนละสองแผ่นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
หญิงชรารับมือไปด้วยความยินดีพร้อมกับพูดว่า “สาวน้อยเกรงใจกันเกินไปแล้ว พวกเราก็อยากขอบคุณเธอเหมือนกันที่ขายแผ่นแปะพวกนี้ให้กับเราในราคาถูก”
“ใช่แล้ว วันพรุ่งนี้สาวน้อยจะมาอีกไหม?” ใครบางคนถามขึ้นมาเสียงดัง พวกเขากลัวว่าลู่ฉิวเยว่จะกลัวถูกเทศกิจไล่จับจนไม่กล้ามาขายอีกวันพรุ่งนี้
พวกเขาไม่อยากกลับไปซื้อแผ่นแปะแก้ปวดราคาแพงที่ร้านขายยาบนถนนชางหนิงอีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ต้องมาอยู่แล้วค่ะ หนูอยากให้พวกคุณลุงคุณป้าช่วยไปบอกต่อ ๆ กันด้วยนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กลุ่มคนชราก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ “ไม่มีปัญหา”
ในที่สุดลู่ฉิวเยว่ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งออก แผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดที่เธอนำออกมาขายในวันนี้ขายหมดแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากกลุ่มคนชราแยกย้ายกันกลับไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่กับหวังเซวียนเซวียนก็ช่วยกันเก็บโต๊ะและเก้าอี้
“เมื่อกี้ผมกลัวแทบตายเลยครับ” หวังเซวียนเซวียนนำกระเป๋าเงินไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้จึงรีบกลับออกมาช่วยเก็บโต๊ะและเก้าอี้ ความตื่นตระหนกเมื่อสักครู่นี้ยังทิ้งเม็ดเหงื่อให้ปรากฏอยู่บนหน้าผากของเขาเป็นหลักฐานที่ชัดเจน
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางตบไหล่น้องชายเบา ๆ “นายต้องฝึกบ่อยๆ แล้วนะ ไอ้หนูน้อย”
หวังเซวียนเซวียนยกมือเกาหัวและหัวเราะออกมา ก่อนจะเดินตามพี่สาวกลับบ้าน
เหตุการณ์นี้รู้ไปถึงหูคุณนายจางอย่างรวดเร็ว
“เธอจะบอกว่าลู่ฉิวเยว่หนีรอดไปได้อย่างนั้นเหรอ?!” คุณนายจางกัดฟันกรอด คำรามใส่เสมียนสาวที่เพิ่งกลับมารายงานหลังจากได้รับข่าว
เสมียนสาวพยักหน้าด้วยความตื่นกลัว เธอรีบก้มหน้าลง “ตอนที่เทศกิจไปจับตัวเธอ ลู่ฉิวเยว่ก็ขายแผ่นแปะแก้ปวดเกือบหมดแล้วค่ะ คนแก่พวกนั้นยังช่วยเธอปกปิดหลักฐานอีกด้วย”
“เฮงซวย! บ้าบอที่สุด!” คุณนายจางขว้างถ้วยน้ำชาบนโต๊ะทิ้งลงไปบนพื้นแตกกระจาย เสียงแก้วแตกทำให้ลูกค้าที่อยู่ด้านนอกสะดุ้งโหยงและต้องหันมามองด้วยความสงสัย
โชคดีที่ประตูมีม่านปิดอยู่ ไม่งั้นพวกเขาก็คงได้สีหน้าที่ดุร้ายของเธอไปแล้ว
เธอชี้หน้าเสมียนสาวและคำรามว่า “เธอมันไม่ได้เรื่อง!”
แม้ตนเองจะถูกดุด่าอยู่ในตอนนี้ แต่เสมียนสาวก็ยังก้มหน้าต่ำ ไม่กล้าโต้แย้งสักคำเพราะกลัวว่าจะทำให้ตัวเองโดนไล่ออก
ยิ่งคุณนายจางคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธแค้นมากเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่คงจะเดาได้ว่านี่เป็นฝีมือของเธอ ป่านนี้ลู่ฉิวเยว่คงกำลังหัวเราะเธออยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ
เมื่อนึกถึงสีหน้าผู้ชนะของลู่ฉิวเยว่ คุณนายจางก็ปรารถนาจะวิ่งออกไปฉีกกระชากใบหน้าลู่ฉิวเยว่ให้ขาดออกเป็นชิ้น ๆ ยิ่งนัก
เธอจะไม่มีทางปล่อยลู่ฉิวเยว่ไปแน่!
…
ณ บ้านพัก
ลู่ฉิวเยว่พาหวังเซวียนเซวียนกลับมาบ้าน หลังจากนำโต๊ะและเก้าอี้ไปเก็บในห้องเก็บของเรียบร้อย เธอก็รีบออกไปซื้อวัตถุดิบสำหรับทำแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดเพิ่มเติม
แผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดที่เคยมีอยู่สองพันแผ่นวันนี้ขายได้แล้วหลายร้อยแผ่น ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่กี่วันแผ่นพลาสเตอร์ก็คงหมดเกลี้ยง
เช้าวันต่อมา ลู่ฉิวเยว่พาหวังเซวียนเซวียนไปตั้งแผงขายแผ่นพลาสเตอร์แก้ปวดอีกครั้ง และยังคงตั้งอยู่บริเวณปากซอยตำแหน่งเดียวกับเมื่อวานนี้