สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 146 สูตรทำหมูตุ๋น
บทที่ 146 สูตรทำหมูตุ๋น
ลุงเซิงพยักหน้า
วันต่อมา ชายชราก็นำเงินเก็บทั้งชีวิตจำนวน 3,000 หยวนมาที่ร้านขายยาจีน
เมื่อรู้ถึงความจริงใจของชายชรา ลู่ฉิวเยว่ก็ยิ้มออกมาทันที “งั้นหนูจะให้ส่วนแบ่งลุง 40% นะคะ คุณลุงคิดเห็นยังไงบ้าง?”
“ผมว่ามันมากเกินไปแล้ว” ลุงเซิงยกมือปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ร้านขายยาร้านนี้ตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตลอดเวลา เธอนำไปขายต่อให้คนอื่นได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 – 7,000 หยวน แต่เขามีเงินแค่ 3,000 หยวน แล้วยังจะได้ส่วนแบ่งอีก 40% เนี่ยนะ?
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอและพูดว่า “ที่ร้านของเรามีลูกค้าแน่นขนาดนี้ก็เพราะฝีมือของคุณลุงนี่แหละค่ะ คุณลงสมควรได้รับส่วนแบ่ง 40% แล้ว”
“ถ้าทำแบบนี้ก็เหมือนผมเอาเปรียบคุณน่ะสิ!” ลุงเซิงเบิกตาโต สีหน้าเต็มไปด้วยความเกรงใจ
แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ยอมใจอ่อน เธอพูดต่อไปว่า “คุณลุงคะ ในฐานะที่ฉันเป็นนักธุรกิจ คุณลุงกลัวฉันจะเสียเงินใช่ไหม? ที่ฉันให้ส่วนแบ่งกับคุณลุง 40% คุณลุงไม่ได้เอาเปรียบฉันเลยค่ะ แต่เพราะในอนาคตอันใกล้ ฉันจะต้องไปอยู่เมืองหลวงแล้ว แต่ร้านนี้ก็ยังต้องได้รับการดูแลจากคุณลุงอยู่ดี”
หลังจากพูดจบ เธอก็ชี้มือไปที่ประตู “แต่ถ้าคุณลุงไม่ต้องการ งั้นฉันหาคนอื่นมาเป็นหุ้นส่วนใหม่ดีไหมคะ?”
“ไม่ดีหรอก ไม่ดีเลย ผมจะทำตามที่คุณพูด”
ลุงเซิงถูกบังคับให้ยอมรับข้อเสนออันดีเยี่ยมนี้ไว้อย่างไม่มีทางเลือก ชายชราได้แต่สาบานกับตัวเองอยู่ในใจว่า ในเมื่อลู่ฉิวเยว่ช่วยเหลือเขาถึงขนาดนี้ เขาก็จะต้องตั้งใจทำงานมากขึ้น เขาต้องดูแลร้านขายยาร้านนี้ให้ดีและไม่ปล่อยให้เธอผิดหวังเป็นอันขาด
“งั้นเดี๋ยววันพรุ่งนี้ฉันจะนำสัญญามาให้เซ็นนะคะ” ลู่ฉิวเยว่พูด ก่อนจะชี้มือไปที่ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ข้างๆ กัน “ฉันยังต้องไปจัดการเรื่องที่ร้านอาหารอีก ขอตัวก่อนนะคะ”
เมื่อวานนี้ มีคนไม่น้อยเห็นป้ายประกาศขายที่ร้านอาหารของเธอ และมีนักธุรกิจสองคนที่นัดว่าจะมาดูร้านในวันนี้ ซึ่งใกล้จะถึงเวลานัดหมายแล้ว เธอต้องรีบกลับไปดูว่ามีใครมาแล้วหรือยัง
เมื่อรู้ว่าหญิงสาวกำลังยุ่ง ชายชราก็รีบพูดว่า “งั้นก็ไปเถอะครับ ผมก็ต้องเตรียมตัวเปิดร้านเหมือนกัน ลูกค้าข้างนอกคงรอแย่แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอเปิดประตูและเดินไปดูที่ร้านอาหาร บุคคลทั้งสองที่นัดเอาไว้ได้มาถึงแล้ว
เธอรีบเดินเข้าไปต้อนรับอย่างรวดเร็ว
ตอนแรก การพูดคุยก็เป็นไปอย่างราบรื่น แต่สุดท้ายลู่ฉิวเยว่สัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากล นักธุรกิจทั้งสองคนนี้นึกว่าเธอมีความจำเป็นต้องรีบขายร้าน จึงกดราคาต่ำมาก
หญิงสาวจึงมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที เธอส่งพวกเขากลับไปด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจกำลังหัวเราะเยาะ
“มีเรื่องอะไรกวนใจเหรอลูก?” ในคืนนั้น แม่ของเธอเห็นว่าสีหน้าของลูกสาวไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “หนูแค่คิดถึงเรื่องร้านอาหารน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ แม่ของเธอก็มีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาเช่นกัน พวกเธอพ่อแม่ลูกช่วยกันทำร้านอาหารร้านนี้ขึ้นมาเองกับมือ ลูกจ้างในร้านก็มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ดังนั้นเธอจึงไม่อยากขายมันทิ้งอยู่แล้ว
“เราเก็บร้านนี้ไว้ไม่ได้เหรอ?” หญิงวัยกลางคนถาม “เกิดเรื่องราวในเมืองหลวงไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเราคิด อย่างน้อยเราก็กลับมาทำร้านอาหารต่อได้นะ”
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “การทำร้านอาหารขึ้นอยู่กับรสชาติและการพัฒนาเมนูใหม่ ๆ อยู่เสมอค่ะ ถ้าพวกเราไม่อยู่ดูแลด้วยตัวเอง เปิดได้อีกไม่นานร้านก็คงเจ๊ง ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บเอาไว้หรอกค่ะแม่”
คนเป็นแม่ลังเลเล็กน้อย “งั้นเราก็เปลี่ยนร้านนี้มาเป็นร้านขายขนมแทนดีไหม?”
“ขายขนมก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ มีหลายเรื่องที่เราต้องดูแลด้วยตัวเอง เสี่ยงที่จะขาดทุนด้วยค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมา รู้สึกหมดหวังขึ้นมาเล็กน้อย
แม่ของเธอก็มีแววตาเศร้าหมอง ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาด้วยความหมดหวัง ยกมือก่ายหน้าผากใช้ความคิด
ชายวัยกลางคนผู้เป็นสามีถอนหายใจ เขาตบหลังเธอเบา ๆ เป็นการปลอบโยน “ไม่เป็นไรหรอก พวกเราจะไปเมืองหลวงด้วยกันหมดนี่นา”
ผู้เป็นภรรยาส่ายหน้าและไม่พูดอะไร หลังจากนั้น เธอก็หันไปจับมือลู่ฉิวเยว่และกล่าวว่า “ถ้าเราไม่ขายขนม เราเปิดเป็นร้านขายหมูตุ๋นดีไหม แม่ทำได้นะ”
“คุณจะทำเองเนี่ยนะ? ไม่ได้ ไม่เอา!” พ่อของลู่ฉิวเยว่เคยชิมหมูตุ๋นฝีมือภรรยามาแล้ว จึงส่ายศีรษะด้วยความหนักแน่น ไม่ใช่ว่าเธอทำได้รสชาติแย่ แต่มันก็ไม่ได้อร่อยเหมือนกัน อย่างน้อยก็สู้ร้านอื่นๆ ที่ขายอยู่ในละแวกนี้ไม่ได้เลย
“หนูมีสูตรทำหมูตุ๋นค่ะ!” ดวงตาของลู่ฉิวเยว่เป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที เธอเคยแลกคะแนนค่าความสุขกับสูตรทำหมูตุ๋นไว้นานแล้ว ถ้าแม่ของเธอไม่อยากจะไปเมืองหลวงจริงๆ ลู่ฉิวเยว่ก็จะให้แม่เปิดร้านขายหมูตุ๋นอยู่ที่นี่ ซึ่งก็น่าจะเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย
แม่ของเธอมีสีหน้าสดใสขึ้นมาในพริบตา ลุกขึ้นนั่งหลังตรงพลางจ้องมองลูกสาว
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้าแม่ไม่อยากไปเมืองหลวง แม่อยู่ขายหมูตุ๋นที่นี่ก็ได้ค่ะ ถ้าแม่อยากไปเมืองหลวงเมื่อไหร่ พวกเราค่อยมาว่ากันอีกที”
“แต่ว่า…” หญิงสาวขมวดคิ้ว “หนูว่าถ้าเราจะขายหมูตุ๋น เราไม่ต้องเปิดร้านใหญ่โตก็ได้ค่ะ เราขายแค่หมูตุ๋นอย่างเดียว เปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ก็พอแล้ว”
ถึงแม้คุณแม่ลู่จะไม่อยากขายร้านเก่าทิ้งไปก็ตาม แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วย
หลังจากที่ได้รู้ว่าตนเองไม่ต้องย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เธอพาลูกสาวออกไปเดินดูร้านค้า ในที่สุดลู่ฉิวเยว่ก็ได้พบกับร้านเล็ก ๆ อยู่บริเวณหัวมุมถนน
หน้าร้านมีการจัดตั้งโต๊ะและเก้าอี้สำหรับรับรองลูกค้าเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้ ไม่กี่วันหลังจากนั้น คุณแม่ลู่ก็มาเปิดขายหมูตุ๋นได้โดยทันที
หมูตุ๋นของเธอมีกลิ่นน้ำซุปที่หอมชวนรับประทาน แม้จะอยู่ห่างไกลออกไปนับ 10 เมตรก็ต้องได้กลิ่น ทำให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารู้สึกน้ำลายสอ
ในคืนนั้น แม่ของลู่ฉิวเยว่นั่งนับเงินและยิ้มอย่างมีความสุข
ไม่ใช่เพราะว่าเธอรักเงินมากขนาดนี้ แต่เป็นเพราะนี่คือเงินที่ได้มาจากการลงมือลงแรงของตนเอง ยิ่งมองเงินพวกนี้มากเท่าไหร่ หญิงวัยกลางคนก็ยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจมากเท่านั้น
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ พลางแนะนำว่า “หาลูกจ้างหน่อยดีไหมคะแม่? แม่จะได้เบาแรงขึ้นไง”
แต่แม่ของเธอก็ไม่ยอม รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า “จะต้องให้คนอื่นมาช่วยทำไม แค่ให้พ่อของลูกมาช่วยก็พอแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่รีบหันไปมองหน้าพ่อ พ่อของเธอก็พยักหน้าเช่นกัน ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดพูดถึงเรื่องนี้
“ฉิวเยว่” แต่แล้วแม่ของเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาทันที “พ่อกับแม่มีร้านหมูตุ๋นแล้ว พวกเราไม่ได้ตามลูกไปเมืองหลวง ลูกต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ รู้ใช่ไหม?”
พ่อของเธอก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังเช่นกัน “ใช่ อย่าทำงานดึกมากเกินไป อย่าออกไปไหนตอนกลางคืนด้วย เพราะมันไม่ปลอดภัย”
“หนูรู้แล้วค่ะ หนูรู้แล้ว” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้ารับปากครั้งแล้วครั้งเล่า บางทีในสายตาของพ่อแม่เธอ ไม่ว่าเธอจะโตมากแค่ไหน เธอก็ยังเป็นเด็กน้อยที่ควรได้รับการปกป้องในสายตาของพวกท่านอยู่ดี
พ่อแม่ของเธอพยักหน้าด้วยความพอใจ
แต่ลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย ที่นี่กับเมืองหลวงห่างไกลกันมากเกินไป เธอกลัวว่าตัวเองจะไม่สามารถดูแลพ่อแม่ได้หากมีอะไรเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เมื่อคิดได้ดังนี้ เธอก็ไปที่ร้านขายยาเพื่อเอาขี้ผึ้งทาแก้ปวดหลายตลับและแวะไปที่ร้านอาหารเพื่อเอาขนมมาจำนวนหนึ่ง
“คุณลู่!” เธอเคยขึ้นโรงพักมาแล้วหลายครั้ง จึงมีความสัมพันธ์อันดีกับนายตำรวจสวีชางโจว ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเธอเดินขึ้นโรงพักมาในครั้งนี้ เขาก็รีบลุกขึ้นยืนต้อนรับเธอด้วยความกระตือรือร้น
ส่วนนายตำรวจคนอื่น ๆ บนโรงพัก เมื่อหันมาเห็น พวกเขาก็รีบเดินเข้ามาทักทายเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกัน