สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 145 ตัดสินใจเข้าเมืองหลวงเพื่อความก้าวหน้า
บทที่ 145 ตัดสินใจเข้าเมืองหลวงเพื่อความก้าวหน้า
ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาระหว่างเถาหลินเซินกับลู่เจี๋ยหรงกำลังดำเนินมาถึงจุดแตกหักอยู่แล้ว ถ้าเถาหลินเซินได้ยินข่าวลือนี้ เขาจะไม่อยากฆ่าเธอได้อย่างไร?
ลู่เจี๋ยหรงไม่มีทางปล่อยให้ลู่ฉิวเยว่ลอยนวลไปเด็ดขาด!
เธอกัดฟันกรอด ลุกขึ้นยืนชี้หน้าด่าทอลู่ฉิวเยว่ “ทำได้ดีมาก ลู่ฉิวเยว่ ฉันทำกับเธอเหมือนพี่น้องแท้ ๆ ของตัวเอง แต่เธอมาใส่ร้ายฉันแบบนี้!”
“งั้นอธิบายมาสิว่าผู้ชายพวกนี้มาทำอะไรในบ้านเธอ!” ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะพลางชี้มือไปยังกลุ่มอันธพาลทั้งสามคนที่นอนอยู่บนพื้นดิน
ลู่เจี๋ยหรงกำลังตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง เธอคิดหาเหตุผลไม่ออกอีกแล้ว จึงทำได้เพียงกัดฟัน หันไปขยิบตาให้กับแม่ของตน
ป้าลู่พยักหน้า รีบวิ่งไปหยิบไม้กวาดมาขับไล่ผู้คน “ลู่ฉิวเยว่ เธอมันหน้าไม่อาย เธอมาใส่ร้ายลูกสาวฉัน ไสหัวไปให้หมดเดี๋ยวนี้!”
ฉินซือยกมือขึ้นคว้าไม้กวาดมากวัดแกว่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะหันไปมองลู่ฉิวเยว่อย่างสื่อเป็นนัย
เธออยากจะกลับเลยไหม?
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ก่อนจะเดินนำพ่อแม่กลับออกไป
“ไม่คิดเลยนะว่าฉินซือจะสู้เก่งขนาดนี้ อันธพาลพวกนั้นสู้เขาไม่ได้เลยสักคน!” แม่ของลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายด้วยความชื่นชม พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ฉากการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้ เธอเคยเห็นจากในละครโทรทัศน์เท่านั้น เมื่อได้มาพบเห็นกับตาของตัวเองจริง ๆ คุณแม่ลู่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
ฉินซือยิ้มออกมาเล็กน้อย แววตาอ่อนโยน หันไปมองหน้าลู่ฉิวเยว่ที่อยู่ข้างกาย “ฉิวเยว่ก็เก่งไม่แพ้ผมเลยครับ!”
ลู่ฉิวเยว่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แม่ของเธอก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “จริงด้วย ลูกร้ายกาจมาก”
น้ำเสียงหยอกเย้าของแม่ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
“นี่! แม่กำลังชมหรือกำลังว่าหนูกันแน่เนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่บ่นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
แม่ของเธอส่ายหน้าและยิ้มออกมาเบา ๆ แต่ในทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงขมวดคิ้วถามว่า “ตกลงว่าลู่เจี๋ยหรงตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?”
ฉินซือได้แต่ส่ายศีรษะ “ผมก็ไม่รู้ครับ แต่น่าจะไม่ใช่เรื่องดีแน่ ๆ ผมไม่อยากรู้หรอก”
ลู่ฉิวเยว่ก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
…
รถยนต์แล่นมาจอดลงที่หน้าบันไดบ้าน
“นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เสี่ยวฉือกับเลขาหวังอยู่กินมื้อกลางวันด้วยกันก่อนสิ” พ่อของลู่ฉิวเยว่ใช้ไม้เท้าประคองตัวเองลงจากรถพร้อมกับยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลา
ฉินซือพยักหน้าและเดินตามเข้าไปในบ้าน
เลขาหวังยิ้มด้วยความดีใจ ติดตามเจ้านายไปด้วยความกระตือรือร้น นี่ก็ผ่านมานานมากแล้วที่เขาไม่ได้รับประทานอาหารฝีมือของลู่ฉิวเยว่ เลขาหวังรอคอยโอกาสที่เจ้านายจะพามาที่นี่อยู่เสมอ ในเมื่อพ่อของลู่ฉิวเยว่เอ่ยปากชวน เขาก็ไม่เกรงใจอีกแล้ว!
วันนี้ลู่ฉิวเยว่เข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง แต่ในเมื่อเหลือวัตถุดิบอยู่ที่บ้านไม่มากนัก เธอก็ทำได้เพียงไข่เจียวใส่มะเขือเทศ เต้าหู้ผัดซอส กับซุปข้าวโพดอีกหนึ่งอย่างเท่านั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นเมนูอาหารที่เรียบง่าย แต่เมื่อเป็นฝีมือของลู่ฉิวเยว่ พวกมันก็ไม่ใช่อาหารที่เรียบง่ายอีกต่อไป
เลขาหวังก้มหน้าก้มตารับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย
“ผมกำลังจะกลับไปที่เมืองหลวง” ลู่ฉิวเยว่กำลังรับประทานอาหารอยู่เงียบ ๆ พอได้ยินฉินซือก็เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หญิงสาวก็พยักหน้าบอกว่าเข้าใจ
เขาอยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว นั่นแสดงว่าในเมืองหลวงคงมีงานหนักรอเขาอยู่
ฉินซือจ้องมองเข้าไปในดวงตาของลู่ฉิวเยว่ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความคาดหวังเอาไว้ไม่มิด “ได้ยินว่าคุณก็อยากจะย้ายไปอยู่ที่เมืองหลวงเหมือนกันใช่ไหม?”
เขารอคอยวันนี้มานานแล้ว เขาหวังว่าเธอจะไปเมืองหลวงด้วยกัน ฉินซืออยากให้เธอย้ายบ้านไปอยู่ที่เมืองหลวง ซึ่งเป็นสถานที่หลักของเขา
ฉินซืออยากแนะนำลู่ฉิวเยว่ให้เพื่อน ๆ ของเขาได้รู้จัก เขาจะบอกทุกคนว่าเธอเป็นแฟนของเขา และกำลังจะเป็นภรรยาในอนาคต
คนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองมาที่ลู่ฉิวเยว่เป็นตาเดียวกัน ทุกคนล้วนอยากรู้ว่าเธออยากจะไปเปิดร้านที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือไม่
“ใช่ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่จ้องมองเข้าไปในดวงตาของฉินซือ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย “แต่ที่ฉันอยากจะเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อเปิดร้านอาหารนะคะ แต่ฉันจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างหาก”
พ่อแม่ของเธอเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยได้ยินลู่ฉิวเยว่พูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาก่อน
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มให้กับพ่อแม่ของเธอ “เรื่องนี้ไว้คุยกันทีหลังเถอะค่ะ”
พ่อของเธอพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วงเรื่องที่อยู่เลยนะ ผมมีบ้านอยู่ในเมืองหลวง” ฉินซือพูดออกมาด้วยความดีใจ “คุณมาเมืองหลวงเมื่อไหร่ ก็มาอยู่บ้านผมได้เลย”
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ตอบรับในทันที แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน ซึ่งทำให้ฉินซือดีใจมาก แม้แต่ตอนที่เดินกลับออกไปจากบ้าน รอยยิ้มก็ยังไม่หายไปจากใบหน้าของเขา
เมื่อเห็นรถยนต์ของเขาแล่นจากไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็หันกลับมาเดินเข้าบ้าน
พ่อแม่ของเธอนั่งอยู่บนโซฟา เหมือนรอคอยให้เธอเดินกลับมาอยู่แล้ว
ลู่ฉิวเยว่เดินไปนั่งบนโซฟาข้างพวกท่าน หยิบแอปเปิลที่ปอกเอาไว้เข้าปาก กลืนลงคอก่อนพูดว่า “หนูอยากถามความคิดเห็นหน่อยว่าพ่อแม่คิดว่ายังไงบ้างคะ?”
ต้องอย่าลืมว่านี่คือบ้านเกิดของพวกท่าน เธอกลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่ยอมย้ายไปอยู่เมืองหลวงด้วยกัน
แต่จะให้เธอทิ้งพวกท่านไว้แล้วไปเมืองหลวงคนเดียว เธอก็ทำไม่ได้
โชคดีที่พ่อของเธอพยักหน้า เขาตอบว่า “พวกเราจะทำตามที่ลูกต้องการทุกอย่าง”
ถึงแม้เขาจะเสียดายร้านอาหารที่สร้างขึ้นมากับมือไม่น้อย แต่คนเป็นพ่อก็จะดีใจที่สุดถ้าลู่ฉิวเยว่ได้ย้ายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง
ลูกสาวของเขาเป็นคนฉลาด ย่อมมีโอกาสที่จะได้เจริญเติบโตมีความก้าวหน้ามากกว่านี้
“พวกเรายังไม่เคยเห็นเลยว่าเมืองหลวงหน้าตาเป็นยังไง” แม่ของเธอก็พูดออกมาพร้อมกับยิ้มเช่นกัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
นี่คือสิ่งที่คนเป็นแม่ไม่เคยคิดฝันมาก่อน
“งั้นพวกเราก็ไปเมืองหลวงกันเถอะค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและประกาศการตัดสินใจของตนเอง
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เธอก็ต้องรีบจัดการเรื่องธุรกิจของตัวเองให้เรียบร้อย
เธอไปที่ร้านขายยาจีนในวันต่อมา
“อ้าว! คุณลู่กลับมาแล้ว” ลุงเซิงเห็นลู่ฉิวเยว่เดินเข้ามาก็รีบร้องทักด้วยความกระตือรือร้น
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า เธอเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง หลังจากเพิ่งช่วยเหลือชายชรารับลูกค้าเสร็จสิ้น
“คุณลุงคะ ฉันอยากจะย้ายไปเปิดร้านที่เมืองหลวง คุณลุงอยากไปกับฉันไหมคะ?” เธอมองเขาด้วยความคาดหวัง
ลุงเซิงทำงานอยู่ในร้านของเธอมาได้หลายเดือนแล้ว พวกเขามีความเข้าใจกันเป็นอย่างดี ถ้าย้ายไปเปิดร้านในเมืองหลวง ลู่ฉิวเยว่ก็คิดว่าตนเองคงหาหมอจีนฝีมือดีแบบนี้ไม่ได้อีก ดังนั้นเธอจึงหวังให้ชายชราติดตามไปเมืองหลวงด้วยเช่นกัน
ลุงเซิงชะงักเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอยู่ดี ๆ หญิงสาวก็จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
เขาใช้เวลาคิดอย่างเคร่งเครียดก่อนตอบว่า “ผมไปไม่ได้หรอกครับ”
เขาแก่เกินไปแล้ว เขาอยากอยู่ที่บ้านเกิดมากกว่า การไปผจญภัยในเมืองหลวงสมควรเป็นเรื่องราวของคนรุ่นหลัง
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ดูเหมือนเธอจะคาดเดาการตัดสินใจของเขาได้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นลุงอยากจะดูแลร้านนี้ต่อไปไหมคะ?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเราเป็นหุ้นส่วนกันได้นะคะ ฉันจะจ่ายเงินค่ายา ส่วนคุณลุงก็ทำหน้าที่เป็นหมอจีนคอยตรวจคนที่เข้ามาในร้าน แล้วพวกเราก็มาแบ่งเงินกัน”
ลุงเซิงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “ยินดีมากครับ”
เขาทำงานอยู่ในร้านขายยาแห่งนี้มาได้หลายเดือนแล้ว เขามีลูกค้าประจำและถึงกับมีมิตรสหาย ถ้ามีโอกาส เขาก็อยากจะอยู่ดูแลที่นี่ต่อไป
“เดี๋ยวคืนนี้ผมจะกลับไปดูเงินเก็บของตัวเองก่อน แล้ววันพรุ่งนี้ เราค่อยมาตกลงกันนะว่าจะแบ่งเงินกันยังไง” ชายชราพูดพร้อมกับลูบหนวดเคราสีขาวของตัวเอง
“ได้เลยค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่ตอบรับกลับไป “ฉันยังไม่ได้รีบไปเร็ว ๆ นี้หรอกค่ะ คุณลุงไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ”