สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 144 เล่นชู้
บทที่ 144 เล่นชู้
“ทำไมพวกเธอถึงไม่กลับไปก่อนล่ะ หรงหรงของเรารักความสะอาด มีคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านเยอะขนาดนี้ มันทำให้เธออึดอัดน่ะ” ป้าลู่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ให้ฉิวเยว่อยู่คนเดียวก็พอแล้ว”
แม่ของลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเล็กน้อยว่า “ฉันเห็นลูกสาวเธอไปซื้อของที่ตลาดสดอยู่ทุกวัน สองวันที่แล้วก็ยังเห็นเดินข้างถนนอยู่เลย แต่อยู่ดี ๆ ก็เกิดรักความสะอาดขึ้นมาเนี่ยนะ?”
ลู่เจี๋ยหรงก้มหน้าลง ดวงตาเป็นประกายด้วยความรำคาญใจ
ทำไมแม่ของลู่ฉิวเยว่ถึงพูดมากขนาดนี้ ไล่ให้ไปก็ยังไม่ไป แถมยังพูดออกมาให้คนสงสัยเธออีก!
“น้องสะใภ้ เธอกลับไปก่อนเถอะนะ” ป้าลู่เร่งเร้า “หมอบอกว่าคนท้องไม่ควรหงุดหงิด เพราะเดี๋ยวมันจะกระทบต่อพัฒนาการของเด็กในท้อง วันนี้เธอกลับไปก่อนเถอะ”
แม่ของลู่ฉิวเยว่ย่อมรู้ดีว่าแม่ลูกคู่นี้ต้องการจะทำอะไร เธอถึงตั้งใจยั่วโมโหลู่เจี๋ยหรงต่อไปว่า “แหม! พอท้องเข้าหน่อยก็กลายเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาเชียวนะ”
นี่คือถ้อยคำที่แทงใจดำยิ่งนัก นับตั้งแต่ที่ลู่เจี๋ยหรงตั้งครรภ์ เธอก็มักจะมีอารมณ์หงุดหงิดอยู่เสมอ และเมื่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ราดน้ำมันลงบนกองไฟ ความโกรธของเธอก็ปะทุขึ้นมาทันที ลู่เจี๋ยหรงทุบมือลงไปบนโต๊ะด้วยความโมโห กำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่ไม่คิดเลยว่ามือของเธอที่ทุบลงไปบนโต๊ะนั้นกลับขยับไปโดนถ้วยน้ำชาที่วางทิ้งเอาไว้กระเด็นตกแตก เสียงถ้วยน้ำชาแตกดังลั่นบ้าน
ลู่เจี๋ยหรงมีใบหน้าซีดขาวขึ้นมาในทันใด จนต้องรีบหันไปมองห้องทางด้านข้างอย่างรวดเร็ว
จบสิ้นกัน!
ขณะเดียวกัน กลุ่มอันธพาลที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องด้านข้าง เมื่อได้ยินเสียงแก้วแตก พวกมันก็ตื่นตกใจรีบเปิดประตูวิ่งพรวดพราดเข้ามาโดยทันที
ก่อนหน้านี้ ลู่เจี๋ยหรงได้นัดแนะเอาไว้ว่าถ้าเธอโยนแก้วทิ้งลงพื้นเสียงดังพอให้ได้ยินเสียงแก้วแตกเมื่อไหร่ นั่นคือสัญญาณให้อันธพาลกลุ่มนี้เข้ามาจับตัวผู้หญิงที่อยู่ในห้อง และเธอก็จะให้ค่าจ้างกับพวกมันทั้งสามคน คนละ 30 หยวน
แต่เมื่อกลุ่มอันธพาลเข้ามาถึงในห้องนั่งเล่น พวกมันก็ต้องยืนตะลึง เพราะในห้องมีผู้หญิงแปลกหน้าสองคน พวกมันไม่รู้เลยว่าตนเองสมควรจับผู้หญิงคนไหน?
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลเอียงหน้าหันไปถามลู่เจี๋ยหรงว่า “ให้จับตัวคนไหนครับเจ๊?”
ลูกน้องของมันถือเชือกพร้อมมัดตัวคนอยู่ในมือ เตรียมพร้อมที่จะจับตัวคนเต็มที่
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
พ่อของลู่ฉิวเยว่คำรามออกมาในทันใด เขาตบโต๊ะและลุกขึ้นยืน ชี้มือไปยังกลุ่มอันธพาลและหันมาถามลู่เจี๋ยหรง
ลู่เจี๋ยหรงมีดวงตาเป็นประกายตื่นกลัว เธอกลืนน้ำลายด้วยความตื่นตระหนก พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พวกเขาเป็นเพื่อนฉันค่ะ ฉันแค่เชิญมากินอาหารที่บ้าน”
พ่อของลู่ฉิวเยว่ถามด้วยสีหน้าเย็นชา “ชวนมากินอาหารจริงเหรอ? แล้วทำไมต้องไปซ่อนตัวอยู่ในห้องนั้นด้วย?”
ทุกคนที่อยู่รอบตัวหันมาจ้องมองด้วยความสงสัย ลู่เจี๋ยหรงก็รู้สึกเช่นกันว่าคำพูดของตัวเองไม่น่าเชื่อ แต่เธอก็ไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว นอกจากพูดออกไปด้วยความกล้าหาญว่า “พอดีตู้ลิ้นชักในห้องนั้นมันล้มค่ะ ฉันก็เลยให้พวกเขาเข้าไปช่วยยก…”
“หุบปาก!” พ่อของลู่ฉิวเยว่พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เธอคิดว่ามันฟังดูเป็นไปได้หรือไง? บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”
เมื่อได้ยินว่าจะมีการแจ้งตำรวจ กลุ่มอันธพาลก็ตื่นตระหนกเล็กน้อย ในอดีตพวกเขาเคยทำผิดก่ออาชญากรรมมามากมายจึงกลัวตำรวจมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเผชิญหน้ากับตำรวจ
“คุณลุงครับ พวกเราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ อย่าแจ้งตำรวจเลยนะ พวกผมจะไปแล้วครับ” พวกเขารีบถอยออกจากบ้านไปพร้อมกับยิ้มแหย ๆ
เมื่อเห็นกลุ่มอันธพาลกำลังจะกลับออกไป ฉินซือก็ยื่นมือขวางทางเอาไว้และพูดเสียงเย็นชาว่า “ห้ามใครออกจากบ้านหลังนี้ทั้งนั้น”
เขามีแววตาเย็นชาเหมือนพร้อมที่จะฆ่าคนได้ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้ทุกคนตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลตัวสั่นขณะพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณสักหน่อย…”
ลู่เจี๋ยหรงตื่นตระหนก รีบขยิบตาให้กลุ่มอันธพาล ก่อนจะหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าและถือเอาไว้ในมือ
ถ้าพวกเขาหนีกลับไป ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้เงิน!
เมื่อเห็นแบบนั้น หัวหน้ากลุ่มอันธพาลก็ไม่พูดอะไรออกมาอีก
“คิดว่าถ้าไม่บอกฉัน แล้วฉันจะทำอะไรไม่ได้หรือไง?” ฉินซือหัวเราะเยาะ หันไปขยิบตาให้เลขาหวัง
เลขาหวังเข้าใจความหมาย รีบวิ่งไปปิดประตูรั้วหน้าบ้านอย่างรวดเร็ว
ฉินซือหันกลับมากระโดดเตะหัวหน้ากลุ่มชายอันธพาลกลิ้งกระเด็นออกไปที่ลานหน้าบ้าน ก่อนจะลากลูกน้องของมันตามออกไปอีกทั้งสองคน
กลุ่มอันธพาลรีบลุกขึ้นยืน กำลังจะพุ่งเข้าไปต่อยฉินซือ
เมื่อสุนัขข้างถนนอย่างพวกเขาได้มาเผชิญหน้ากับคนที่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้อย่างฉินซือ กลุ่มอันธพาลเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย
ฉินซือเหวี่ยงหมัดสวนกลับไปไม่กี่ครั้งเท่านั้น เหล่าอันธพาลก็ล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป ทำได้เพียงนอนร้องโอดโอยและร้องขอความเมตตาเท่านั้น
“ไม่สู้แล้วครับ ไม่สู้แล้ว…” กลุ่มอันธพาลร้องขอความเมตตา รู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันใด พวกเขาแค่คิดจะหาเงินไปซื้อเหล้าซื้อบุหรี่ก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะต้องถูกทำร้ายเช่นนี้
“ผู้หญิงคนนั้นบอกให้เรามาช่วยเธอจับตัวใครบางคนครับ ถ้าเสร็จงานแล้ว เธอก็จะให้ค่าจ้างเราคนละ 30 หยวน” หัวหน้ากลุ่มอันธพาลชี้มือไปที่ลู่เจี๋ยหรง
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หันหน้ามาขอร้องกับฉินซือต่อไปว่า “พี่ชาย ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนบงการทั้งหมด พวกเราไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆ”
“หุบปาก! อย่ามาพูดจาเหลวไหล!” ลู่เจี๋ยหรงรู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง เธอยกมือชี้หน้าฉินซือและตวาดว่า “คุณมาทำร้ายคนในบ้านของฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณไปให้หมด”
ฉินซือหันกลับไปมองเธอเหมือนกำลังมองคนปัญญาอ่อนคนหนึ่ง “เอาสิ เรียกตำรวจมาเลย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่จะโดนจับ”
ลู่เจี๋ยหรงยกมือกุมท้องของตัวเองและทิ้งตัวลงไปนั่งบนพื้นอย่างหมดแรงแล้วกรีดร้องต่อไปว่า “บ้านเมืองนี้ไม่มีกฎหมายแล้วหรือไง คุณเข้ามาทำร้ายคนอื่นในบ้านฉันได้ยังไง!”
ป้าลู่เห็นว่าลูกสาวเรียนรู้กลยุทธ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี จึงทิ้งตัวลงไปนั่งโวยวายอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน
ลู่ฉิวเยว่แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ เธอแกล้งพูดออกไปด้วยความตื่นตระหนกว่า “เธอพูดอะไรออกมาเนี่ย? ครอบครัวของฉันแล้วก็ฉินซือแค่ตั้งใจมาเยี่ยมเธอเองนะ แล้วจะมีเรื่องทำร้ายผู้คนได้ยังไง? ทำไมพวกเราถึงต้องทำแบบนั้นด้วย?”
“ว่าแต่ทำไมถึงได้มีผู้ชายอยู่ในบ้านเธอเยอะขนาดนี้?” ลู่ฉิวเยว่หยุดชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของลู่เจี๋ยหรงด้วยความตกตะลึง ยกมือที่สั่นเทาชี้ใบหน้าของเธอ “เธอ…แอบมีชู้ใช่ไหม? เธอกลัวว่าพวกเราจะรู้ความจริง เธอก็เลยตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ล้างมลทินให้แก่ตัวเอง”
ลู่ฉิวเยว่ยกมือกุมหน้าอก พูดด้วยความเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง “เธอทำได้ยังไงกันนะ? สามีของเธอออกไปทำงานหนักทุกวัน แต่พอเขาไม่อยู่บ้าน เธอก็แอบเล่นชู้กับผู้ชายคนอื่น! แถมยังไม่ใช่แค่ผู้ชายคนเดียวด้วย…”
กลุ่มอันธพาลถูกทำร้ายนอนร้องโอดโอยอยู่บนลานหน้าบ้าน สามารถเรียกความสนใจของชาวบ้านในละแวกนี้ได้เป็นอย่างดี และเสียงพูดของลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ใช่เบา ๆ คำพูดของเธอจึงลอยไปถึงหูของชาวบ้านที่มายืนจับกลุ่มมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนเดียวด้วยอย่างนั้นเหรอ?
กลุ่มชาวบ้านเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ พวกเขาอยากจะพังประตูรั้วเพื่อเข้าไปดูเหลือเกินว่าเกิดอะไรขึ้นด้านในกันแน่
ลู่ฉิวเยว่หันมาขยิบตาให้กับเลขาหวัง ซึ่งเลขาหวังก็เข้าใจเป็นอย่างดี รีบเดินไปเปิดประตูรั้วอย่างรวดเร็ว
ลู่เจี๋ยหรงมองเห็นได้โดยทันทีว่าชาวบ้านมายืนจับกลุ่มกันหน้าบ้านเธอ แถมกำลังชี้นิ้วมาที่เธอ พร้อมกับกระซิบกระซาบกันอย่างสนุกปากอีกด้วย
“ฉันบอกตั้งนานแล้วไง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ ๆ!”
“เล่นชู้กับผู้ชายตั้งสามคนเชียวนะ เถาหลินเซินช่างโชคร้ายจริง ๆ…”
…
กลุ่มหญิงชาวบ้านที่ไม่ชอบหน้าลู่เจี๋ยหรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ก็ยิ่งเกลียดชังเธอมากไปกว่าเดิม พวกเธอปรารถนาที่จะเหยียบย่ำลู่เจี๋ยหรงให้จมลงไปใต้พื้นดิน
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ลู่เจี๋ยหรงก็มีใบหน้าซีดขาวโดยทันที