สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 143 ความทะเยอทะยาน
บทที่ 143 ความทะเยอทะยาน
“มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ?” คืนนั้น ทันทีที่ลู่ฉิวเยว่เปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอก็เห็นแม่เดินมาหาทันที
แม่ของเธอถอนหายใจ “สองแม่ลูกนั่นกลับมาอีกแล้วน่ะสิ ยืนยันอยากจะให้ลูกช่วยตรวจชีพจรให้หน่อย แม่ไล่ยังไงก็ไม่ไป แม่กลัวว่าพวกเธออาจจะแอบวางแผนร้ายอะไรอยู่ก็ได้”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ แต่เธอก็ไม่สนใจ ป้าลู่กับลู่เจี๋ยหรงเป็นพวกที่ไว้ใจไม่ได้อยู่แล้ว จึงมีความเป็นไปได้สูงที่กำลังวางแผนร้ายอะไรอยู่จริง ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเรากินอะไรกันก่อนเถอะ” ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปล้างมือในห้องครัวและพูดติดตลกว่า “เดี๋ยวนี้ฝีมือทำอาหารของแม่ดีขึ้นแล้วนะคะ”
ลู่ฉิวเยว่มีงานให้สะสางมากมาย จึงไม่มีเวลากลับมาทำอาหารเย็นที่บ้านหลายวันแล้ว หน้าที่นี้จึงตกเป็นของแม่เธอไปโดยปริยาย
ถึงแม้แม่ของเธอจะไม่ได้มีฝีมือทำอาหารดีเท่าตัวเอง แต่ก็จัดได้ว่าเป็นคนที่ทำอาหารอร่อยมากคนหนึ่ง
ผักทั้งหมดที่อยู่ในบ้านของเธอ ลู่ฉิวเยว่ได้นำไปแช่น้ำพุวิญญาณเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เวลาที่มีคนนำมาต้ม ผัด แกง ทอดประกอบอาหารจึงอร่อยเป็นพิเศษ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าด้วยความพอใจ ยกนิ้วโป้งชื่นชมให้แก่แม่ของตน
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เธอใช้น้ำพุวิญญาณผสมอาหารเพื่อบำรุงร่างกายของทุกคน ตอนนี้ คนรอบตัวเธอจึงป่วยน้อยลงแล้ว
“ฉิวเยว่ ลูกอย่าไปยุ่งกับแม่ลูกคู่นั้นเลยนะ แค่มองก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ ๆ” แม่ของลู่ฉิวเยว่อดพูดขึ้นมาไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอและตอบกลับไปว่า “ไม่ได้ค่ะ หนูจะช่วยพวกหล่อนเอง!”
“หือ?” คนเป็นแม่อุทานด้วยความประหลาดใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกสาวถึงต้องทำอย่างนั้น
“แม่ลูกคู่นี้คงไม่ยอมไปไหนง่าย ๆ ถ้าไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ต่อให้เราปฏิเสธครั้งนี้ เดี๋ยวพวกเธอก็ต้องหาเหตุผลกลับมาอีกครั้งหน้า สู้เราตอบตกลงและเปิดโปงพวกเธอไปเลยดีกว่า” ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกายด้วยความเจ้าเล่ห์
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็หันไปบอกกับหวังเซวียนเซวียนว่า “นายก็ตามฉันไปด้วยนะ”
หวังเซวียนเซวียนไม่เข้าใจเรื่องราว แต่ก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
“จะไปไหนกัน? ขอผมไปด้วยคนสิ?” ฉินซือได้ยินหญิงสาวกำลังขอให้หวังเซวียนเซวียนตามไปไหนสักที่ตอนที่เขาเปิดประตูเข้ามาพอดี ชายหนุ่มจึงถามพร้อมกับยิ้มหยอกเย้า
ลู่ฉิวเยว่ตอบตกลงอย่างจริงจัง “ได้สิ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ฉินซือก็เฝ้ามองพ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่เดินปลีกตัวออกไปจากห้องนั่งเล่น เขาจึงหันมาส่งยิ้มหวานให้แก่ลู่ฉิวเยว่
“พระจันทร์ข้างนอกสวยดีนะ พวกเราออกไปเดินเล่นกันเถอะ”
ลมหายใจแผ่วเบาพ่นลดลำคอของลู่ฉิวเยว่ เธออดตัวสั่นด้วยความจั๊กจี้ไม่ได้ แต่ก็แกล้งทำเป็นพูดตามปกติว่า “ก็ได้ วันนี้ฉันอารมณ์ดี ฉันจะออกไปเดินเล่นกับคุณก็แล้วกัน”
ฉินซือมีดวงตาเป็นประกายแวววาวเหมือนได้รับอ้อมกอดที่ไม่คาดคิด
สายลมในฤดูร้อนทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ
ฉินซือเอื้อมมือมาปัดผมที่ตกลงมาปรกอยู่ข้างแก้มของเธอ นิ้วมือของเขาสัมผัสกับใบหน้าเธอแผ่วเบา ลู่ฉิวเยว่จึงอดเอียงศีรษะและหันไปหยอกเย้าเขาไม่ได้ “คุณจะทำอะไรน่ะ? คิดจะฉวยโอกาสกับฉันหรือไง?”
หญิงสาวมีใบหน้าสมบูรณ์แบบ ดวงตาคู่งามเป็นประกายระยิบระยับสะท้อนกับแสงจันทร์ ทำให้ฉินซืออดกลืนน้ำลายไม่ได้จริง ๆ “ใช่ ผมจะฉวยโอกาสจากแฟนผม”
หลังจากพูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ก้มศีรษะลงเข้าหาเธอ
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกวูบวาบไปทั้งใบหน้า จูบของชายหนุ่มอ่อนโยนนุ่มนวล ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้หัวใจ
เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นดึงศีรษะของเขาเปลี่ยนมุมและนำริมฝีปากของเธอเข้าประกบแนบแน่น
ภายใต้แสงไฟ สองหนุ่มสาวจูบกันอย่างเร่าร้อน
ฉินซือดันร่างบอบบางในอ้อมแขนไปจนติดกับกำแพง การตอบสนองของลู่ฉิวเยว่แทบจะทำให้เขาเป็นบ้า ทุกเซลล์ในร่างกายของเขาส่งเสียงโห่ร้องเพื่อเข้าใกล้เธออย่างแนบชิด
…
สองวันต่อมา ครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ก็เดินทางไปถึงบ้านตระกูลเถาพร้อมฉินซือ
“มาทำอะไรกันที่นี่เนี่ย?” ป้าลู่คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นคนมากันเยอะขนาดนี้ เมื่อเธอเปิดประตูออกไป จึงต้องหยุดชะงักโดยทันที
หลังจากตั้งสติได้ ป้าลู่ก็ยิ่งรู้สึกร้อนใจมากกว่าเดิม เธอต้องการจะหลอกพาลู่ฉิวเยว่ขึ้นเตียงเถาหลินเซิน แต่เมื่อมีคนมากมายขนาดนี้ แล้วแผนการของเธอจะสำเร็จได้อย่างไร
“บ้านของเราไม่ได้ใหญ่โตอะไร คงไม่มีที่นั่งรับแขกเยอะขนาดนี้หรอก” ป้าลู่หัวเราะออกมาเบา ๆ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบกลับไปเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเรายืนรอก็ได้ ไม่เป็นไร”
ป้าลู่อยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่แม่ของลู่ฉิวเยว่ก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “ถ้าเจ้าของบ้านเขาไม่ต้อนรับขนาดนี้ พวกเราก็กลับกันเถอะ ฉิวเยว่”
ลู่เจี๋ยหรงกลัวว่าแม่ของตนเองจะทำความลับแตก จึงรีบเดินเข้าไปดึงแขนลู่ฉิวเยว่และร้องบอกทุกคนว่า “เชิญนั่งกันได้ตามสบายเลยค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ คิดว่าอยู่บ้านของตัวเองได้เลย”
ป้าลู่รีบปรับเปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเอาอกเอาใจว่า “อยากดื่มอะไรกันบ้างไหมจ๊ะ?”
ลู่ฉิวเยว่แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ถามกลับไปว่า “มีอะไรให้ดื่มบ้างคะ?”
“มีทุกอย่างที่ต้องการนั่นแหละ บอกมาได้เลย” ป้าลู่พยักหน้า มั่นใจมากว่าคงไม่มีใครรู้เลยว่าเธอกำลังวางแผนอะไรอยู่
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและตอบกลับไปว่า “งั้นขอดื่มนมสดก็แล้วกันค่ะ ต้องเป็นนมสดจากร้านนมชื่อดังที่ขายอยู่ข้างนอกด้วยนะคะ”
ป้าลู่นึกว่าเต็มที่อีกฝ่ายจะสั่งแค่น้ำชาหรือน้ำอัดลม คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะอยากกินของดีขนาดนั้น ดวงตาของเธอจึงปรากฏความเย็นชาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“อ้าว? คุณป้าบอกว่ามีทุกอย่างไม่ใช่เหรอคะ? หนูอุตส่าห์มาหาถึงบ้านเพื่อจะช่วยตรวจให้ลูกสาวป้า หนูอยากดื่มนม แค่นี้หาให้หนูไม่ได้เหรอ?” ลู่ฉิวเยว่ถามด้วยใบหน้าบึ้งตึงราวกับว่าไม่พอใจกับการต้อนรับของป้าลู่เป็นอย่างยิ่ง
“อย่าลืมแผนของเรานะคะ” ลู่เจี๋ยหรงเดินเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ของตนและกระตุกชายเสื้อเพื่อเรียกสติ
หลังจากนั้น ป้าลู่ก็กัดฟันเดินออกจากบ้านไปซื้อนมสดจากร้านชื่อดังด้านนอก เธอเดินกลับมาในอีกสิบนาทีให้หลัง
เมื่อเห็นลู่ฉิวเยว่กำลังดื่มนมอย่างเอร็ดอร่อย ป้าลู่และลู่เจี๋ยหรงผู้เป็นลูกสาวก็รู้สึกเดือดดาลแทบตายแล้ว แต่พวกเธอก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้ ก่อนจะเดินเข้ามาถามว่า “มีใครต้องการอะไรอีกไหม?”
ลู่ฉิวเยว่หันไปมองพ่อของตนเองที่นั่งอยู่ข้างกาย ก่อนพูดว่า “พวกเรามากันตั้งหลายคน ไม่คิดจะเตรียมน้ำชาไว้รับแขกบ้างเลยหรือไง?”
“ต้องเตรียมไว้อยู่แล้วสิ!” ป้าลู่รีบหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องครัว
แต่เธอไม่คิดเลยว่าปัญหาเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่นั่งอยู่ที่นี่ได้แค่ชั่วโมงเดียว เธอก็ร้องสั่งอยากจะรับประทานขนมและผลไม้…
“ลู่ฉิวเยว่!” หลังจากถูกสั่งให้ทำนั่นทำนี่ไม่ต่างจากหญิงรับใช้ ป้าลู่ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอต้องตะโกนออกมาว่า “ทำไมเธอถึงได้เรื่องมากแบบนี้นะ?”
“ทำไมต้องตะโกนใส่เราด้วย?” แม่ของลู่ฉิวเยว่ลุกขึ้นยืน “ก็เธอบอกเองนี่นาว่าเราจะกินอะไรก็ได้ พอลูกสาวฉันบอกว่าตัวเองอยากกินอะไรบ้าง เธอก็มาหาว่าลูกสาวฉันสั่งเยอะมากเกินไปอีก! อย่าลืมสิว่าที่ผ่านมาลูกสาวฉันทำงานหนักขนาดไหน อยู่บ้านเราก็ดูแลกันแบบนี้แหละ เธอไม่ชอบใจใช่ไหม? งั้นพวกเรากลับบ้านกันเถอะ”
ฉินซือพยักหน้าเห็นด้วยและพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ฉิวเยว่ของเรางานยุ่งจะตาย ถ้าพวกคุณไม่บอกว่าอยากจะให้เธอมาช่วยตรวจร่างกายให้ เราก็คงให้เธอนอนพักอยู่ที่บ้านไปแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่กลายเป็นคนเรื่องมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ป้าลู่กัดฟันกรอด แต่เมื่อนึกถึงแผนการของตนเอง เธอก็กล้ำกลืนความโกรธแค้นลงไปและทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ต่อไปโดยไม่ปริปากบ่น
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ป้าลู่ก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาว่า “หรงหรง เป็นอะไรไป?”
เมื่อทุกคนหันไปมอง ก็เห็นว่าลู่เจี๋ยหรงมีใบหน้าซีดขาวเหมือนพร้อมที่จะเป็นลมได้ตลอดเวลา
“ในนี้มีคนอยู่เยอะมากเกินไป หนูรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกค่ะ!” เธอยกมือปาดน้ำตา