สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 138 หวังเซวียนเซวียนขึ้นโรงพัก
บทที่ 138 หวังเซวียนเซวียนขึ้นโรงพัก
“แม่ก็นึกว่าเขาเป็นญาติ เขาอุตส่าห์มาของานทำถึงบ้านเรา แม่ก็พยายามช่วยเท่าที่ทำได้ แต่แม่คิดไม่ถึงเลยว่า…” แม่ของลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความผิดหวังและรับปากว่า “แม่จะไม่รับใครเข้าทำงานพร่ำเพรื่ออีกแล้ว”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าหนูจะไม่ให้แม่ช่วยญาติ ๆ นะคะ แต่ครั้งหน้าแม่ต้องระวังให้มากกว่านี้ เวลาจะรับใครเข้าทำงาน ต้องตรวจดูให้ดีก่อน”
และเนื่องจากหัวข้อสนทนานี้ทำให้บรรยากาศในการรับประทานอาหารค่ำเงียบงันไปชั่วขณะหนึ่ง ป้าสะใภ้ของเธอจึงรีบส่งเสียงหัวเราะเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอย่างรวดเร็ว “ฉิวเยว่ เล่าเรื่องที่ไปแข่งทำอาหารให้พวกเราฟังหน่อยสิ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทุกคนที่โต๊ะอาหารก็หันมาจ้องมองลู่ฉิวเยว่เป็นตาเดียวกัน เมื่อวานนี้พ่อแม่ของฉินซือมาหา พวกเขาจึงยังไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้เลย
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาเล็กน้อย ใบหน้ากลับมาสดใสมากขึ้น “ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ ผ่านมาแล้วสองรอบ ชนะได้อันดับหนึ่งทั้งสองรอบเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็หันหน้าไปมองหวังเซวียนเซวียนซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร แล้วเธอก็ชื่นชมน้องชายว่า “เซวียนเซวียนเก่งมากเลยนะคะ กรรมการทึ่งกับนวัตกรรมในการพัฒนาตู้เย็นของเขามาก แล้วฉินซือก็เคยชมเขาให้หนูฟังหลายครั้งเหมือนกัน”
เมื่อได้รับฟังเช่นนั้น ทุกคนที่โต๊ะอาหารก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และต้องพร้อมใจกันยกนิ้วโป้งชื่นชมหวังเซวียนเซวียน ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเขินอายเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าลูกคนนี้ ไม่ยอมพูดออกมาให้ชัดเจน ตอนฉันถาม มันบอกมาแค่ว่าชนะเข้ารอบแล้ว” ป้าสะใภ้ตีหลังลูกชายของตัวเองเบา ๆ ด้วยความโมโห
หวังเซวียนเซวียนไม่ยอมบอกเล่ารายละเอียดอะไรเลย ถ้าลู่ฉิวเยว่ไม่ได้พูดขึ้นมา พวกเขาก็คงไม่รู้เลยว่ากรรมการชื่นชมลูกชายของตัวเองถึงขนาดนี้
“ไอ้เด็กคนนี้นี่!” คุณลุงพูดขึ้นมาด้วยความปลาบปลื้ม ในอดีตเขาเพียงต้องการให้ลูกชายมีงานทำก็พอใจแล้ว จึงไม่คิดไม่ฝันเลยว่าลูกชายจะมีความสามารถโดดเด่นถึงเพียงนี้!
ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของพ่อแม่ยิ่งนัก!
“แต่ว่า…” เมื่อป้าสะใภ้เห็นลูกชายของตัวเองยังรับประทานอาหารต่อไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เธอก็อดขมวดคิ้วและถามไม่ได้ว่า “เมื่อไหร่เซวียนเซวียนจะมีแฟนกับเขาสักทีละเนี่ย?”
ตอนนี้ลูกชายของเธอเอาแต่สนใจอยู่กับตำราเครื่องจักรกล คนเป็นแม่กลัวว่าถ้าไม่เตือนขึ้นมา เด็กคนนี้ก็คงจะใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่กับตำราเครื่องจักรกลอย่างแน่นอน
คนเป็นพ่อก็หันมองลูกชายด้วยความเศร้าเช่นกัน คนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขาในหมู่บ้านต่างก็ได้อุ้มหลานกันหมดแล้ว ถ้าหวังเซวียนเซวียนไม่รีบหาแฟนสักคน แล้วเมื่อไหร่เขาจะได้อุ้มหลาน?
หวังเซวียนเซวียนไม่ทันตั้งตัวกับคำถามของพ่อแม่ จึงไม่รู้จะตอบอย่างไร
เพราะเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
ลู่ฉิวเยว่เห็นความอึดอัดใจของน้องชาย จึงยิ้มกว้างและช่วยพูดว่า “เซวียนเซวียนยังเด็กอยู่เลยค่ะ พวกเราอย่าเพิ่งรีบร้อนกันดีกว่า คุณลุงคุณป้าคงไม่อยากให้เซวียนเซวียนคบกับใครไปแบบเรื่อยเปื่อยหรอกใช่ไหมคะ?”
หลังจากคิดดูดี ๆ แล้ว คุณลุงกับคุณป้าก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ลู่ฉิวเยว่พูด ดังนั้นพวกเขาจึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่น ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่จะให้หวังเซวียนเซวียนมีแฟนอีก
ในที่สุด เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและหันมาขอบคุณลู่ฉิวเยว่เบา ๆ
ไม่กี่วันต่อมา หวังเซวียนเซวียนกำลังเดินออกมาจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าใจกลางเมือง สมองของเขามีแต่ข้อมูลเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าที่ตนเองเพิ่งไปดูมาเมื่อสักครู่
โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็เดินหลงทางมาอยู่ในตรอกแห่งหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
เมื่อตั้งสติได้ หวังเซวียนเซวียนก็ต้องยกมือตบศีรษะด้วยความหงุดหงิดตัวเอง เขาหมุนตัวกำลังจะเดินกลับไปทางเดิม แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากด้านในตรอก
“ช่วยด้วย…กรี๊ด! อย่ามายุ่งกับฉัน!”
หวังเซวียนเซวียนมีสีหน้าตกตะลึง รีบวิ่งเข้าไปดูตามเสียงร้อง แล้วก็เห็นภาพที่อยู่ด้านในตรอกอย่างชัดเจน
อันธพาลกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมกรอบหญิงสาวผู้น่าสงสารและหัวเราะเยาะใส่เธอ
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ไม่ทราบเลยว่าเสื้อผ้าของเธอฉีกขาดเผยให้เห็นถึงหัวไหล่ที่ขาวเนียนตั้งแต่เมื่อไหร่
“ทำไมล่ะ ฉันช่วยถอดเสื้อให้เธอ ไม่ดีตรงไหน?” เสี่ยวหวงเหมาหัวเราะในลำคอ นั่งยอง ๆ ลงพร้อมกับเริ่มปลดกระดุมเสื้อของตัวเอง
เมื่อหวังเซวียนเซวียนเห็นเช่นนั้น เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที เด็กหนุ่มหยิบไม้หน้าสามที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาและวิ่งเข้าไปฟาดอันธพาลคนนั้นสุดแรงเกิด
“แกเป็นใครวะ!”
กลุ่มอันธพาลเหล่านั้นหันกลับมาตอบโต้ด้วยกำปั้น แต่พวกมันล้วนมีร่างกายผอมแห้ง มีภาพลักษณ์ที่น่ากลัวเอาไว้ใช้ข่มขู่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรหวังเซวียนเซวียนได้เลยสักนิด สุดท้ายพวกมันก็ต้องวิ่งหนีไปด้วยความหวาดกลัว
หวังเซวียนเซวียนถือไม้หน้าสามอยู่ในมือ รอคอยอยู่อีกพักใหญ่ เมื่อเห็นว่าอันธพาลพวกนั้นหลบหนีไปหมดแล้วจริง ๆ เขาจึงได้หันมาหาเด็กสาว
เธอยังคงร้องไห้ ตอนนี้หญิงสาวกลับมาสวมเสื้อผ้าตามปกติแล้ว ใบหน้าและเส้นผมของเธอเต็มไปด้วยคราบสกปรก สภาพดูน่าสงสารเป็นอย่างยิ่ง
หวงฉีฉีฝืนยิ้มมองเขา พูดด้วยความซาบซึ้งใจว่า “ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ น้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอีกครั้ง เธอยิ้มให้หวังเซวียนเซวียน “ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรเหรอคะ? ฉันอยากจะเชิญคุณไปดื่มน้ำชาที่บ้านเป็นการขอบคุณ”
หวังเซวียนเซวียนโบกไม้โบกมือบอกว่าไม่เป็นไร เขาจ้องมองสภาพที่น่าสงสารของเธอและพูดหน้าเครียด “เธอไม่ต้องเลี้ยงน้ำชาฉันหรอก แต่ฉันจะพาเธอไปส่งบ้านเอง”
หวงฉีฉีหวาดกลัวว่าอันธพาลเหล่านั้นจะกลับมาอีก เธอจึงพยักหน้าตกลงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากตรอก ทั้งสองคนก็ได้เห็นกลุ่มนายตำรวจเดินมาพร้อมด้วยกลุ่มอันธพาลเหล่านั้น
หวังเซวียนเซวียนหยุดชะงัก รีบขยับมายืนขวางหน้าเด็กสาว ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“คุณตำรวจครับ ไอ้หมอนั่นแหละ มันลวนลามผู้หญิง!”
หลังจากนั้น เสี่ยวหวงเหมาก็พูดออกมาด้วยความอาฆาตแค้น ไอ้หมอนี่แหละที่เอาไม้มาฟาดหัวเขา!
หวังเซวียนเซวียนกัดฟันกรอด ยกมือชี้หน้ากลุ่มอันธพาลและคำรามว่า “พวกแกต่างหากที่ลวนลามผู้หญิง!”
นายตำรวจมองหน้าคนนั้นทีมองหน้าคนนี้ที ก่อนจะหันไปตะโกนใส่ลูกน้องที่ติดตามมาทางด้านหลังว่า “พาตัวไปโรงพักให้หมด!”
ณ สถานีตำรวจ
หวงฉีฉีรวบรวมความกล้าหาญและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ออกมาทีละคำ
“คนพวกนี้เป็นอันธพาลค่ะ พวกมันลากหนูเข้าไปในตรอกนั้น พวกมันพยายามจะฉีกเสื้อผ้าของหนูออก!” เธอยกมือชี้ไปยังกลุ่มอันธพาล
หวังเซวียนเซวียนพยักหน้ายืนยันกับนายตำรวจ บอกว่าเธอพูดถูกต้องแล้ว
อันธพาลพวกนี้ต้องเข้าคุกสถานเดียว!
เมื่อหัวหน้ากลุ่มอันธพาลที่มีผมสีเหลืองได้ยินดังนั้นก็รีบปฏิเสธทันที มันยกมือชี้หน้าสองหนุ่มสาวพร้อมกับตะโกนว่า “ให้ตายสิ! พวกแกใส่ร้ายฉัน คุณตำรวจครับ ผมเข้าใจผิดไปเอง นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ผู้ชายลวนลามผู้หญิง แต่เป็นเหตุการณ์หญิงสำส่อนพลอดรักกับผู้ชายกลางวันแสก ๆ ต่างหาก!”
หวังเซวียนเซวียนโกรธจนควันออกหูเมื่อได้ยินคำว่า ‘หญิงสำส่อน’ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณตำรวจจับไหล่เขาอยู่ เขาก็คงพุ่งไปต่อยปากหมอนั่นเรียบร้อยแล้ว
หลังจากโต้เถียงกันอยู่พักใหญ่ เสี่ยวหวงเหมาก็ยังยืนกรานว่าตนเองถูกใส่ร้าย ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์
นายตำรวจขมวดคิ้ว รีบสั่งให้ลูกน้องไปเชิญตัวผู้ปกครองของคนเหล่านี้มาโรงพัก
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ลู่ฉิวเยว่รีบติดตามคุณตำรวจมาทันทีที่ได้รับทราบข่าว เธอหันไปเห็นน้องชายมีใบหน้าบวมปูดจมูกฟกช้ำ จึงถามด้วยความเป็นกังวล
หวังเซวียนเซวียนสนใจแต่เรื่องเครื่องจักรกลเท่านั้น เขาจะไปมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นได้อย่างไร!
หลังจากที่ลู่ฉิวเยว่ได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของหวังเซวียนเซวียน พ่อแม่ของฝ่ายหญิงและพ่อแม่ของกลุ่มอันธพาลก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี
พ่อแม่ของฝ่ายหญิงตรงเข้าไปสวมกอดลูกสาวแนบแน่นอย่างรวดเร็ว