สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 137 บัญชีมีปัญหา
บทที่ 137 บัญชีมีปัญหา
ลู่ฉิวเยว่แกล้งเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ลำบากใจ
เมื่อพ่อแม่ของฉินซือได้ยินแบบนั้น ตอนแรกพวกท่านก็ปฏิเสธ แต่เมื่อถูกรบเร้าต่อไป ทั้งสองจึงต้องอยู่ร่วมรับประทานอาหารค่ำด้วยกันในที่สุด
และกลายเป็นว่าพวกพ่อแม่เข้าครัวทำอาหาร
ลู่ฉิวเยว่ตั้งใจจะเข้าครัวไปทำอาหารด้วยตัวเอง แต่เธอก็ถูกพวกท่านไล่ออกมา คุณแม่ฉินส่งจานผลไม้มาให้เธอนั่งรับประทาน และรอคอยอยู่เพียงลำพังในห้องนั่งเล่น
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ภายในห้องมีแสงสว่างจากหลอดไฟสีส้ม เสียงหัวเราะกึกก้องในบรรยากาศยามค่ำ
คุณแม่ฉินยิ้มกว้างตลอดเวลา แม้แต่คุณพ่อฉินเองก็เช่นกัน ปกติท่านจะเป็นคนเคร่งขรึมจริงจัง แต่วันนี้กลับมีสีหน้าอ่อนโยน ถึงกับร่วมดื่มสุรากับคุณพ่อลู่ไปหลายแก้ว
พวกท่านเอาแต่พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องราวความน่ารักของลู่ฉิวเยว่
“ตอนที่ลูกชายของฉันยังเด็ก เขาไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนเลยค่ะ ฉันนึกว่าแกจะต้องเป็นโสดไปตลอดชีวิตซะแล้ว พอได้ยินว่าลูกชายฉันมีแฟน มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันกับสามีมีความสุขมากจริง ๆ” คุณแม่ฉินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่ลู่ได้ยินเช่นนั้นก็มีความสุขเช่นกัน ก่อนหน้านี้เธออดเป็นกังวลไม่ได้ว่าพ่อแม่ของฉินซืออาจจะไม่ชอบใจลู่ฉิวเยว่ แต่ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปเอง ไม่มีทางเลยที่ทั้งสองจะมารังแกลู่ฉิวเยว่
คุณแม่ลู่ได้มอบเมล็ดแตงโมทอดที่นำมาจากโรงงานเป็นของฝากมอบกลับไปให้แก่ผู้มาเยือน ซึ่งทำให้พ่อแม่ของฉินซือมีความสุขมากยิ่งขึ้น และขอบคุณเธอครั้งแล้วครั้งเล่า
“ลูกนั่งคิดอะไรอยู่? ไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ” หลังผ่านพ้นช่วงอาหารค่ำ คุณแม่ลู่ก็เห็นว่าลูกสาวออกไปนั่งอยู่ที่ระเบียงข้างนอกคนเดียว เธอจึงอดเดินเข้าไปลูบศีรษะสอบถามไม่ได้
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองหิ่งห้อยที่ลอยอยู่ในอากาศแล้วตอบว่า “หนูว่าจะไปเปิดร้านอาหารในเมืองหลวง แม่คิดว่าไงบ้างคะ?”
แม่ของเธอประหลาดใจ “ในเมืองหลวงเนี่ยนะ?”
“ใช่แล้วค่ะ!” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
“งั้นก็ดีน่ะสิ” คุณพ่อลู่เดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ และพูดว่า “แล้วร้านอาหารของลูกที่เปิดอยู่ที่นี่ล่ะ?”
แม่ของเธอก็ขมวดคิ้วด้วยความเป็นกังวลเช่นกัน ใจจริงย่อมอยากให้ลูกสาวได้มีร้านอาหารเพิ่มขึ้น แต่ถ้าลูกสาวไปเปิดร้านอาหารอยู่ในเมืองหลวง แล้วใครจะดูแลร้านอาหารที่นี่?
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ พูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “หนูแค่คิดเฉย ๆ ค่ะ ก็เลยอยากจะปรึกษาพ่อกับแม่ก่อน ถ้าหนูไปเปิดร้านอาหารในเมืองหลวง พวกเราก็ต้องย้ายไปที่นั่นกันหมดทั้งครอบครัว เมื่อถึงตอนนั้น หนูก็จะขายร้านอาหารที่นี่ให้กับคนอื่น”
เมื่อได้รับคำตอบ พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ก็รู้สึกเศร้าใจ ร้านอาหารของพวกเขาถูกสร้างขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อย พวกเขาจึงเกิดความรู้สึกผูกพันอยู่พอสมควร
แต่เมื่อลองคิดทบทวนดูแล้ว ถ้าได้ย้ายไปเปิดร้านอาหารในเมืองหลวงก็คงดีเหมือนกัน พวกท่านยังไม่เคยได้เข้าเมืองหลวงมาก่อนเลยในชีวิตนี้
ชีวิตในเมืองหลวงอาจจะมีความสุขมากกว่าชีวิตในเมืองชนบทก็เป็นได้
ลู่ฉิวเยว่บอกพ่อแม่ว่าอย่าเพิ่งคิดมาก ให้พวกท่านแยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนตัวเธอเองก็ลุกขึ้นไปล้างหน้า เตรียมตัวที่จะเข้านอนเช่นกัน
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้กลับไปเยี่ยมดูร้านอาหารและร้านขายยาของเธอมาพักใหญ่แล้ว ในใจจึงเกิดความเป็นกังวลเล็กน้อย ดังนั้นวันต่อมาเธอจึงไปตรวจที่ร้านอาหาร
“อ้าว! เซฟลู่กลับมาแล้ว!” ลูกค้าประจำหลายคนในร้านอาหารต้อนรับลู่ฉิวเยว่ด้วยรอยยิ้มทันทีที่เห็นหน้าเธอ
เธอเองก็ยิ้มตอบกลับไปและสั่งให้เด็กเสิร์ฟนำติ่มซำมามอบให้แก่ลูกค้าประจำเหล่านั้นเป็นกรณีพิเศษ
ลูกค้าประจำเหล่านั้นขอบคุณเธอด้วยความดีใจ
“ตอนนี้ธุรกิจของคุณไปได้สวยมากเลยนะครับ มีลูกค้าเข้าตลอดเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งอดชื่นชมไม่ได้ บ้านของเขาอยู่แถวนี้ เขาจึงรู้ดีว่าร้านอาหารของเธอมีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนอยู่ตลอดเวลา
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มและพยักหน้า “ขอบคุณที่มาอุดหนุนกันนะคะ”
หลังจากพูดจบแล้ว หญิงสาวก็เดินไปที่เคาน์เตอร์และหยิบสมุดบัญชี เหตุผลหลักที่เธอมาที่นี่ในวันนี้ ก็เพื่อมาเอาสมุดบัญชีนี่เอง
หลังจากนั้น เธอก็ไปที่ร้านขายยาจีนและร้านขายเมล็ดแตงโมทอด ก่อนจะนำสมุดบัญชีกลับมาทั้งหมด
หลังจากตรวจสอบดูแล้ว ก็พูดได้ว่าร้านอาหารของเธอมีผลประกอบการค่อนข้างดี เช่นเดียวกับร้านขายยาจีนและร้านขายเมล็ดแตงโมทอด
หืม?
ลู่ฉิวเยว่หรี่ตาลงอย่างกะทันหัน จ้องมองไปที่มุมด้านล่างของสมุดบัญชี
มีการสั่งซื้อเมล็ดแตงโมมา 100 กิโลกรัม แต่มียอดขายเพียง 50 กิโลกรัมเท่านั้น แล้วอีกครึ่งหนึ่งหายไปไหน?
ลู่ฉิวเยว่รีบตรวจสอบสมุดบัญชีทุกเล่มด้วยความร้อนรน หลังจากนั้นเธอก็พบว่าปัญหาอยู่ที่ร้านขายเมล็ดแตงโมทอดนั่นเอง
หญิงสาวมีสีหน้าบึ้งตึง เดินถือสมุดบัญชีตรงไปที่ร้านขายเมล็ดแตงโมทอด
“ในบัญชีนี้หมายความว่ายังไง?” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม โยนสมุดบัญชีใส่หน้าชายคนหนึ่งอย่างแรง
ผู้ชายคนนั้นมีอายุประมาณ 40 ปี เขากำลังนั่งสัปหงกอยู่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เมื่อถูกสมุดบัญชีกระแทกหน้า เขาก็สะดุ้งตื่นและรีบลุกขึ้นนั่งหลังตรงอย่างรวดเร็ว
เมื่อพบว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็คือลู่ฉิวเยว่ เขาก็ชักสีหน้าไม่พอใจ “มีอะไรพูดคุยกันดี ๆ ไม่ได้หรือไง?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะเยาะ ก่อนจะชี้มือไปยังสมุดบัญชี “ในบัญชีบอกว่าเราสั่งซื้อเมล็ดแตงโมสดมา 100 กิโลกรัม แต่เรามียอดขายแค่ 50 กิโลกรัมเท่านั้น เกิดอะไรขึ้น?”
“เมล็ดแตงโมสดพวกนั้นพอเอาไปทอดออกมาก็กลายเป็นของเสียไง เรื่องแค่นี้ไม่เข้าใจได้ยังไง?” ชายวัยกลางคนมองเธอด้วยความไม่พอใจ สายตาที่เขาจ้องมองมาเหมือนกำลังมองคนโง่คนหนึ่ง
เมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่าย ลู่ฉิวเยว่ก็หัวเราะเยาะทันที “เมล็ดแตงโมทอดไม่มีทางเสียเยอะขนาดนี้แน่ อย่างมากก็ไม่เกิน 20 กิโลกรัมเท่านั้น แต่นี่เสียไปตั้งครึ่งหนึ่งได้ยังไง! อย่ามาเล่นลูกไม้กับฉันเด็ดขาด! จำเอาไว้ให้ดี! ไม่อย่างนั้น ฉันจะส่งคุณไปสถานีตำรวจ!”
สถานีตำรวจ?
ชายวัยกลางคนหยุดชะงักและรีบลุกขึ้นยืนทันที “ก็แค่เงินไม่กี่สิบหยวน จะไปแจ้งตำรวจทำไม? ผมอาวุโสมากกว่าคุณนะ และงานนี้ก็เป็นงานที่เลี้ยงดูผมกับครอบครัว ผมจะไปเล่นลูกไม้กับคุณได้ยังไง อีกอย่าง คุณรวยแล้ว ทำไมคุณต้องมาสนใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ด้วย ขี้งกมากเกินไป ธุรกิจของคุณคงเจ๊งในอีกไม่นาน”
“แล้วจะไม่ให้ฉันสนใจได้ยังไงคะ?” ลู่ฉิวเยว่ตอบโต้กลับไปด้วยความฉุนเฉียว “ก็นี่มันเงินของฉันทั้งนั้น? ฉันไปขอเงินคุณมาลงทุนหรือไง? ฉันอาจจะขี้งก ธุรกิจของฉันอาจจะเจ๊งในอีกไม่นาน แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่เคยคิดชั่ว ๆ ขโมยเงินของคนอื่นแบบนี้!”
ชายวัยกลางคนถูกเธอพูดแทงใจดำไปขนาดนั้น ก็ต้องยกนิ้วชี้หน้าด้วยความโกรธแค้น
ลู่ฉิวเยว่ปัดนิ้วของเขาออกไปและพูดด้วยความเหยียดหยามว่า “คืนเงินมาเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!”
เมื่อถูกขอให้คืนเงิน ชายวัยกลางคนก็หมุนตัวเดินหนีออกไปจากร้านโดยทันที จะให้เขาคืนเงินงั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!
“แน่ใจนะคะว่าต้องการจะหนีไปแบบนี้?” ลู่ฉิวเยว่พูดเสียงแข็ง “วันนี้ถ้าคุณออกจากประตูร้านไป ฉันจะแจ้งตำรวจจริง ๆ ด้วย!”
แต่ชายวัยกลางคนก็ไม่สนใจคำขู่ของเธอ เขาเดินออกไปอย่างสบายใจ ถ้าเขาหนีไปจริง ๆ เธอจะหาตัวเขาเจอได้อย่างไร? ลู่ฉิวเยว่ก็แค่ขู่เขาเท่านั้นเอง
เมื่อเห็นร่างของอีกฝ่ายหายลับไปจากสายตา ลู่ฉิวเยว่ก็หัวเราะในลำคอออกมาด้วยความเย็นชา ปิดสมุดบัญชี และขึ้นรถมุ่งหน้าไปที่สถานีตำรวจ
เธอนำเรื่องนี้มาบอกกับที่บ้านในคืนนั้น
คุณแม่ลู่เป็นคนจ้างผู้ชายคนนี้มาเอง ท่านบอกเธอว่าเขาเป็นญาติของท่านเอง
แม่ของเธอไม่คิดเลยว่าญาติของตนเองจะมีพฤติกรรมชั่วร้ายเช่นนี้ นอกจากจะช่วยงานลู่ฉิวเยว่ไม่ได้แล้ว ยังมาก่อปัญหารบกวนอีกด้วย ใบหน้าของคนเป็นแม่จึงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
ลู่ฉิวเยว่ได้แต่ถอนหายใจและปลอบโยน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ เดี๋ยววันพรุ่งนี้หนูจะจ้างนักบัญชีคนใหม่ก็แล้วกัน”
“แต่ว่า…” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ครั้งหน้าเราอย่าจ้างญาติที่ไม่สนิทมาดูแลเรื่องการเงินอีกนะคะ นอกจากอาจจะมีปัญหากันแล้ว พวกเขาอาจจะเอาเราไปพูดไม่ดีให้ใครต่อใครฟังก็ได้ กว่าจะแก้ไขอะไรได้ทัน ภาพลักษณ์ของพวกเราก็คงเสียหายหมดพอดี”