สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 135 ตัดขาด
บทที่ 135 ตัดขาด
กลุ่มคุณลุงคุณป้าเหล่านี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา พวกท่านกลับเชื่อมั่นในการวินิจฉัยของลู่ฉิวเยว่ถึงเพียงนี้ แต่หญิงสาวก็ยังไม่อยากรับภาระใหญ่เช่นนี้โดยไม่จำเป็น
หญิงวัยกลางคนยิ้มรับ แต่ก็ยังยืนยันให้เธอเขียนใบสั่งยาให้อยู่ดี
ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว แต่ก็อดโน้มน้าวไม่ได้ว่า “คุณป้าคะ คุณป้ามีสัญญาณของโรคเกาต์แล้ว คุณป้าจะละเลยไม่ได้นะ”
“ได้เลย ป้ารู้แล้ว”
ลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในที่สุด
กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ 17:00 น. แล้ว
บรรดาคุณลุงคุณป้าลุกขึ้นยืนร่ำลา กำชับลู่ฉิวเยว่ว่าถ้าผลิตขี้ผึ้งรอบใหม่ได้เมื่อไหร่ ก็อย่าลืมติดต่อพวกเขาด้วย หลังจากนั้นทุกคนก็เดินกลับขึ้นรถยนต์ของตนเอง
ห้องนั่งเล่นกลับมาอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ฉินเซียวมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปในทันใด เธอหันมาชักสีหน้าใส่ฉินซือด้วยความไม่พอใจว่า “ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วให้ช่วยพูดให้พี่เขยแกหน่อย ทำไมแกถึงไม่พูดอะไรเลย แกเป็นใบ้หรือไง? หรือว่าแกดูถูกพวกเรา? คงไปได้นิสัยไม่รักดีแบบนี้มาจากใครบางคนสินะ!”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็หันมามองหน้าลู่ฉิวเยว่ด้วยแววตาดุดัน สีหน้าเหยียดหยาม บอกชัดเจนว่าใครบางคนที่เธอพูดถึงนั้นก็คือลู่ฉิวเยว่นั่นเอง
ฉินซือมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที เขาจ้องมองตรงไปที่ฉินเซียวจนทำให้คนเป็นพี่ตื่นกลัว
เขาพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ผมจะไม่ทำแบบนี้ ถ้าพี่จะไม่มาให้ผมเห็นหน้าอีกในอนาคต แต่ถ้าครั้งหน้าพี่ยังกล้ามาก่อกวนฉิวเยว่แบบนี้อีก งั้นพวกเราก็มาตัดพี่ตัดน้องกันเถอะ”
“ว่าไงนะ?” ฉินเซียวมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาในทันใด เขาจะตัดขาดเธอเพราะผู้หญิงบ้านนอกอย่างลู่ฉิวเยว่เนี่ยนะ? นี่เขาเห็นคำหวานจากปากของนางแพศยาลู่ฉิวเยว่ดีกว่าสายสัมพันธ์พี่น้องที่เติบโตกันมาตลอดชีวิตอีกเหรอ?
ลู่ฉิวเยว่เบื่อหน่ายเกินกว่าจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องของสองพี่น้อง เธอหันไปพูดกับฉินซือว่า “เซวียนเซวียนอยากให้ฉันพาไปเดินเที่ยวร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ฉันขอตัวก่อนนะ” แล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบของเขาเลย
ฉินเซียวร้อนรนขึ้นมาทันที เธอยังไม่รู้สูตรการทำขี้ผึ้งของลู่ฉิวเยว่เลยนะ?
“บอกให้เธอกลับมาเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวตะโกน
แต่เธอเป็นคนที่อยากจะขับไล่ให้ลู่ฉิวเยว่ออกไปพ้นหน้ามาโดยตลอดไม่ใช่เหรอ?
ฉินซือชำเลืองมองพี่สาว ไม่ทราบเลยว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อเห็นแผ่นหลังของลู่ฉิวเยว่เดินออกไปไกลมากขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มก็รีบคว้ากระเป๋าบนโต๊ะและเดินตามไป
“คุณมาทำอะไรอีกเนี่ย?” ลู่ฉิวเยว่หันกลับไปมองชายหนุ่มที่ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ และยังเดินต่อไปไม่ยอมหยุด
ฉินซือส่งกระเป๋าให้เธอ “ไม่เอากระเป๋าไปด้วยแล้วจะซื้อของยังไง?”
“ขอบคุณค่ะ คุณกลับไปก่อนเถอะ คืนนี้เซวียนเซวียนกับฉันจะไปนอนบ้านเช่าก็แล้วกัน” ลู่ฉิวเยว่โบกมือให้เขา ฉินเซียวยังอยู่ที่บ้านแบบนี้ เธอไม่มีทางกลับมาเด็ดขาด ผู้หญิงคนนั้นเป็นเหมือนหมาบ้าที่พร้อมกัดคนได้ตลอดเวลา
ฉินซือรู้ดีว่าพี่สาวของเขาร้ายกาจขนาดไหน เขาจึงกำชับให้หวังเซวียนเซวียนคอยดูแลลู่ฉิวเยว่ให้ดี และถ้าได้บ้านเช่าเมื่อไหร่ ก็ให้ติดต่อกลับมาบอกด้วย
เมื่อเห็นฉินซือเดินตามลู่ฉิวเยว่ออกไปด้วยสีหน้างุ่นง่านขนาดนั้น ฉินเซียวก็รู้สึกโกรธแค้นจนอกแทบแตกตาย
ถ้าน้องชายไม่เดินเร็วมากเกินไป เธอก็คงลุกขึ้นตามไปด่าซ้ำแน่นอน
“ทำไมพี่ไม่กลับบ้าน?” เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูกลับเข้ามาและเห็นใบหน้าบึ้งตึงของฉินเซียว เขาก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น
ลู่ฉิวเยว่ควรจะได้อยู่ในบ้านหลังนี้ ควรจะได้รับประทานอาหารค่ำอย่างอบอุ่นกับเขา แต่ตอนนี้ ทุกอย่างต้องถูกทำลายลงไปด้วยฝีมือพี่สาวกับพี่เขยของเขาเอง
ม่อป๋อซงยิ้มออกมาด้วยความอึดอัดใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
เมื่อคิดถึงแผนการของตนเอง ฉินเซียวก็ฉีกยิ้ม สะกดกั้นความโกรธ และพูดว่า “นี่มันบ้านฉัน ฉันอยู่ไม่ได้หรือไง?”
ฉินซือไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยอีกแล้ว เขาจ้องมองเธออย่างเย็นชา “ผมไม่สนใจนะว่าพวกพี่จะพยายามประจบเอาใจหลินเฉิงยังไง แต่อย่ามายุ่งกับฉิวเยว่อีก เธอไม่ใช่บันไดให้พี่ปีน ถ้าพี่ยังทำแบบนี้อีก ผมจะฟ้องพ่อแม่จริง ๆ ด้วย”
ฉินเซียวยืนตัวแข็งทื่อให้กับคำพูดอันเกรี้ยวกราดของน้องชายจนเกือบจะเก็บอารมณ์ไม่อยู่
ม่อป๋อซงสังเกตเห็นจึงรีบจับมือภรรยา หันไปมองตลับขี้ผึ้งที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาและชี้ให้เธอดู
ความโกรธแค้นของหญิงสาวสงบลงในทันใด เธอยิ้มหวานอย่างเอาใจ ฉินซือแกล้งทำเป็นถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เห็นว่าขี้ผึ้งของลู่ฉิวเยว่ใช้ได้ดีมากเลยนี่ เธอไปเรียนวิธีทำมาจากที่ไหน? แกพอจะรู้สูตรทำบ้างหรือเปล่า?”
ฉินซือหัวเราะออกมา ในที่สุดก็รู้แล้วว่าพี่สาวของเขาวางแผนอะไรอยู่ เขาลุกขึ้นยืนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “พี่ฉินเซียว อย่าได้ลองคิดทำอะไรชั่วร้ายอีกเด็ดขาด”
“แกเอาแต่พูดแบบนี้กับฉันทุกวัน แกยังเห็นฉันเป็นพี่อยู่บ้างไหมเนี่ย?” ฉินเซียวลุกขึ้นยืนมองหน้าน้องชายอย่างไม่ชอบใจเช่นกัน
เมื่อนึกถึงการเลื่อนตำแหน่งของตนเอง ม่อป๋อซงที่มักจะอยู่เงียบ ๆ มาเสมอก็ลุกขึ้นยืนและพยายามเกลี้ยกล่อมเช่นกันว่า “ถึงยังไงพวกเราก็เป็นครอบครัวเดียวกันนะ แค่สูตรทำขี้ผึ้งนิดหน่อยเอง ลู่ฉิวเยว่คงไม่ว่าอะไรหรอก”
ฉินซือหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ในที่สุดพี่เขยของเขาก็ถอดหน้ากากออกมาแล้วสินะ?
ฉินซือพูดว่า “ครอบครัวเดียวกันอะไรล่ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกพี่ไม่ชอบหน้าฉิวเยว่ขนาดไหน? แต่ตอนนี้พอตัวเองได้ผลประโยชน์ ก็มาบอกว่าเป็นครอบครัวเดียวกันเนี่ยนะ ไม่อายปากกันบ้างหรือไง”
“ถ้าผู้หญิงคนนั้นยอมเอาสูตรทำขี้ผึ้งมาให้ฉัน ฉันจะไม่ขัดขวางพวกแกอีกแล้ว” ฉินเซียวตัดสินใจพูดออกมาหลังจากเงียบไปพักใหญ่
ฉินซือหัวเราะในลำคอ “พี่จะขัดขวางหรือเปล่า มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกผมอยู่ดี”
“ฉินซือ ทำไมแกถึงเป็นแบบนี้!” ฉินเซียวโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ในที่สุดก็ไม่สามารถทนเก็บความเดือดดาลเอาไว้ได้อีกต่อไป เธอยกมือชี้หน้าด่าทอฉินซือ
วันนี้ม่อป๋อซงก็รู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาเช่นกัน เพราะเขาไม่มีหวังที่จะได้เลื่อนตำแหน่งอีกแล้ว เขาจึงแค่ยืนอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ภรรยาอาละวาดต่อไป
เมื่อเห็นว่าพี่สาวหยิบของที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาทำท่าจะขว้างปา บนหน้าผากของฉินซือก็มีเส้นเลือดขึ้นปูดโปน ถ้าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงล่ะก็ เขาคงจะต้องสั่งสอนบทเรียนเธอไปแล้ว!
“ปัง!”
ชายหนุ่มหมุนตัวเดินกลับออกมาและกระแทกประตูปิดเสียงดัง
เขาเดินขึ้นรถด้วยความโมโห หลังจากขับรถออกมาแล้วเขาก็หยุดที่ตู้โทรศัพท์และโทรไปหาพ่อแม่ของตนเอง
[สวัสดีค่ะ] แม่ของเขารับสายอย่างรวดเร็ว
ฉินซือกัดฟันกรอด ไม่สามารถระงับความโกรธแค้นเอาไว้ได้อีกและบอกเล่าถึงวีรกรรมที่พี่สาวได้ก่อเอาไว้ในวันนี้ทั้งหมด
[ว่าไงนะ? ทำไมถึงได้ร้ายกาจแบบนั้น!] เสียงของแม่เขาที่ดังผ่านโทรศัพท์บอกชัดถึงความโมโห และพ่อของเขาก็คงอยู่ข้างๆ เช่นกัน ฉินซือได้ยินเหมือนเสียงที่เขี่ยบุหรี่ถูกเขวี้ยงทิ้งแตกดังเพล้ง
ฉินซือพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมรับมือกับฉินเซียวไม่ไหวแล้วครับ หลังจากนี้พวกเราเป็นแค่คนแปลกหน้า ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป!”
แม่ของเขาอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ฉินซือพูดต่อไปว่า “ไม่ต้องกล่อมให้ผมเปลี่ยนใจหรอกครับ ผมไม่อยากมีพี่สาวหน้าไม่อายแบบนี้!”
พูดจบ เขาก็ขอตัววางสายด้วยความไม่สบอารมณ์
ในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อพ่อแม่ของเขาได้รับทราบข่าว พวกท่านก็อยากพาตัวลูกสาวที่ดื้อรั้นอย่างฉินเซียวกลับมาสั่งสอนจริง ๆ
ลูกสาวของพวกเขากล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร! การศึกษาตลอด 20 ปีที่ผ่านมาไม่เคยทำให้เธอเป็นคนที่ดีได้เลยหรือไง?
คุณแม่ฉินหมุนโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว
[กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ แม่สั่งให้แกกลับมาเดี๋ยวนี้ ถ้าคืนนี้แกไม่กลับมา วันพรุ่งนี้แม่จะไปหักขาแก!]
ฉินเซียวตกตะลึงสุดขีดเมื่อได้ยินเสียงคำรามด้วยความโกรธทันทีที่รับโทรศัพท์