สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 131 ฉีกหน้าฉินเซียว
บทที่ 131 ฉีกหน้าฉินเซียว
ตอนที่พนักงานหญิงคนนั้นได้ยินว่าฉินซือมีเลขาส่วนตัว เธอก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาในทันใด เธอคิดว่าถ้าพวกเขากลับมา เธอก็จะรีบไปขอโทษลู่ฉิวเยว่และผูกมิตรกับผู้ชายคนนั้น แต่เธอไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเดินไปร้านฝั่งตรงข้ามแทน!
ใบหน้าของพนักงานหญิงบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ เธอจ้องมองแผ่นหลังของลู่ฉิวเยว่ด้วยความดุร้าย
แบบนี้มันตั้งใจเย้ยหยันกันนี่นา!
พนักงานหญิงของร้านฝั่งตรงข้ามเป็นหญิงสาวใบหน้ารูปไข่ เธอพูดจาดีและมีมนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม เธอช่วยลู่ฉิวเยว่นำสินค้าใส่ถุงให้อย่างรวดเร็ว
การที่มีลูกค้ากระเป๋าหนักย่อมทำให้ผู้อื่นอิจฉา โดยเฉพาะส่วนแบ่งจากการขายนมผงไม่ใช่ราคาถูก ๆ ยิ่งเป็นนมผงที่นำเข้าจากต่างประเทศด้วยแล้ว พวกเธอก็จะได้ส่วนแบ่งมากกว่านมผงปกติหลายเท่า ขนาดคนทั่วไปยังซื้อกระป๋องเดียวไม่ได้ แต่ลูกค้าหญิงคนนี้ซื้อถึงสามกระป๋อง นี่แสดงให้เห็นว่าครอบครัวของเธอต้องรวยมากแน่นอน
ฉินซือรีบขยับเข้าไปช่วยถืออย่างรวดเร็ว นมผงเหล่านี้มีน้ำหนักเกือบสองกิโลกรัม ระหว่างทางต้องเดินอีกไกล เขาไม่อยากให้ลู่ฉิวเยว่เดินหิ้วของหนักแบบนี้
จังหวะที่ทั้งสองคนจะเดินออกจากห้างสรรพสินค้า พวกเขาก็ได้พบเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคย
ฉินเซียวไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับน้องชายที่นี่ เธอยิ้มเหยียดหยามให้ลู่ฉิวเยว่โดยไม่รู้ตัว แต่ไม่ทราบเลยว่าหลังจากนั้นฉินเซียวเกิดความคิดอะไรขึ้นมา เธอจึงได้เปลี่ยนแปลงสีหน้าอย่างรวดเร็วและเดินยิ้มแย้มเข้าไปหาพวกของฉินซือ
“โลกกลมอะไรขนาดนี้ ฉินซือมาเดินเล่นที่นี่เหมือนกันเหรอเนี่ย”
ม่อป๋อซงก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่แทนที่เขาจะทักทายตามปกติ เขาก็หันไปพูดกับชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างตัวด้วยความเคารพว่า “นี่น้องเขยผมเองครับ ฉินซือ”
หลินเฉิงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง พยักหน้าทักทายฉินซือเบา ๆ
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเซียวก็ยิ้มกว้างพร้อมกับพูดว่า “นี่คือคุณหลินเฉิงที่พี่เคยเล่าให้นายฟังไงล่ะ เขาเป็นหัวหน้างานของพี่เขยนาย” น้ำเสียงมีความยกย่องเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากนั้น ฉินเซียวก็ยิ้มหวานให้แก่หลินเฉิง ก่อนจะชี้มือมาที่ฉินซือ “เรื่องขี้ผึ้งเมื่อครั้งที่แล้ว ก็เป็นเพราะความช่วยเหลือจากฉินซือนี่ล่ะค่ะ”
ฉินซือเข้าใจได้โดยทันทีว่านี่ก็คือหัวหน้างานที่พี่สาวของเขาต้องการจะนำขี้ผึ้งแก้ปวดไปมอบให้นั่นเอง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทางไม่ได้อบอุ่นสักเท่าไหร่ เขาจึงแค่พยักหน้าตอบรับกลับไปเบาๆ เหมือนกัน
ฉินซือไม่ใช่คนที่จะต้องมาประจบเอาใจผู้ใด และเขาก็ไม่อยากให้คนอื่นมาประจบเอาใจเขาด้วยเช่นกัน
“ฉินซือ นายทำอะไรของนายเนี่ย หัดมีสัมมาคารวะหน่อยสิ!” เมื่อเห็นฉินซือทำตัวแบบนั้น ฉินเซียวก็ขมวดคิ้วดุออกมาทันที
ฉินซือทำหน้าบึ้งและไม่พูดอะไร แต่การที่พี่สาวดุเขาทำให้ลู่ฉิวเยว่ไม่พอใจขึ้นมาทันที
เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แล้วจะมาดุกันทำไม! สงสัยพี่สาวของเขาคงสมองไม่ปกติแล้วแน่ ๆ
“ไม่เป็นไร ก็แค่ทักทายกันเท่านั้น” เมื่อเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดใจ หลินเฉิงจึงส่งเสียงพูดขึ้นมา
ฉินเซียวมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เธอรีบหันกลับไปยิ้มประจบว่า “เดี๋ยวรอบหน้า ฉันจะบอกให้ฉินซือส่งขี้ผึ้งไปอีกหลายขวดเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซือก็พูดด้วยความไม่พอใจว่า “ขี้ผึ้งพวกนั้นเป็นของฉิวเยว่ พี่ต้องบอกเธอเอง บอกผมไปก็ไม่มีประโยชน์”
ฉินเซียวรู้สึกอับอายขายหน้าขึ้นมาทันที แต่เธอจะยอมก้มหัวให้กับหญิงบ้านนอกคนนั้นได้อย่างไร ฉินเซียวรีบพูดกับหลินเฉิงทันทีว่า “ผู้หญิงคนนี้ชื่อลู่ฉิวเยว่ เธอมาตามตื๊อฉินซือของเราน่ะค่ะ เธอชอบน้องชายของฉันมาก แล้วก็เชื่อฟังน้องชายฉันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นบอกใครก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“ผมต่างหากที่เป็นฝ่ายไปตามตื๊อฉิวเยว่ พี่ครับ อย่าทำให้คนอื่นหงุดหงิดด้วยการพูดอะไรแบบนี้เลย เกิดเธอไม่ยอมแต่งงานกับผมขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ อีกอย่าง เธอกำลังจะเป็นน้องสะใภ้ของพี่ ไม่ได้เป็นคนรับใช้ของพี่สักหน่อย สิ่งที่พี่พูดออกมามันฟังดูไม่ดีเลย”
ฉินซือรู้สึกโมโหกับคำพูดของพี่สาวจริง ๆ จึงต้องพูดออกไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง
ฉินเซียวถึงกับหน้าชาด้วยความอับอายมากกว่าเดิม บรรยากาศระหว่างสองพี่น้องยิ่งมีแต่ความอึดอัดใจมากขึ้น
ลู่ฉิวเยว่เกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง แต่เธอก็ไม่อยากจะฉีกหน้าฉินเซียวมากไปกว่านี้แล้ว
เมื่อเห็นบรรยากาศเป็นเช่นนี้ หลินเฉิงก็รู้แล้วว่าเขาอาจจะไม่ได้ขี้ผึ้งทาแก้ปวดผ่านทางม่อป๋อซงอีกในอนาคต เพราะฉะนั้นเขาจึงหันมาพูดกับลู่ฉิวเยว่ซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซือว่า “ที่ผมต้องใช้ขี้ผึ้งทาแก้ปวดของคุณนั้น ก็เพราะผมได้รับบาดเจ็บจากสนามรบตอนยังหนุ่มน่ะครับ แถมตอนนี้อายุเยอะแล้ว ก็เลยมีโรคคนแก่รุมเร้า ผมจะปวดกระดูกเสมอเวลาอากาศเย็น ขี้ผึ้งทาแก้ปวดของคุณให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก คุณผู้หญิง คุณช่วยขายให้ผมหน่อยได้ไหมครับ ราคาเท่าไหร่ผมก็ยอมจ่ายครับ”
หลินเฉิงเคยส่งคนไปซื้อที่ร้านขายยาเมื่อหลายวันก่อน แต่คนที่ร้านขายยาก็แจ้งว่าขี้ผึ้งชนิดนี้จะเก็บเอาไว้ขายให้แก่ลูกค้าประจำเท่านั้น ต่อมา หลินเฉิงจึงพยายามติดต่อไปที่บรรดาลูกค้าประจำ แต่ด้วยความที่ขี้ผึ้งทาแก้ปวดมีจำนวนจำกัด ลูกค้าประจำเหล่านั้นจึงไม่ยอมขายต่อให้กับเขา
“ได้เลยค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ถ้าฉันกลับไปเมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันจะรีบส่งมาให้นะคะ”
เธอขัดแย้งกับฉินเซียว แต่เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณคนนี้ ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงไม่อยากเสียโอกาสทำเงินให้แก่ตนเอง
“คุณขายราคาเท่าไหร่เหรอครับ? เดี๋ยวผมจะให้เงินคุณก่อนเลย” หลินเฉิงเดินเข้ามาหาด้วยความดีใจ
ลู่ฉิวเยว่ยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ฉินเซียวก็ขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
เธอเดินเข้ามาจับแขนของลู่ฉิวเยว่และดึงให้ไปยืนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะพูดประจบหลินเฉิงว่า “พวกเราเป็นเพื่อนกัน ไม่ต้องจ่ายเงินหรอกค่ะ การจ่ายเงินเป็นเรื่องสำหรับคนนอกเท่านั้น”
ลู่ฉิวเยว่สะบัดมือของฉินเซียว เมื่อเธอได้รับการสนับสนุนจากฉินซือ หญิงสาวจึงกัดฟันพูดออกไปยิ้มๆ ว่า “ฉันเป็นนักธุรกิจนะคะ ฉันขายสินค้าแลกเงิน ไม่ทราบว่าคุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
ฉินเซียวรู้สึกรำคาญใจเหลือเกินที่ลู่ฉิวเยว่ หญิงบ้านนอกคนนี้ไม่ยอมเข้าใจอะไรเลย
เธอพยายามขยิบตาให้ลู่ฉิวเยว่หลายครั้งเป็นการสื่อสารความหมายอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าลู่ฉิวเยว่ย่อมรู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร แต่เธอก็แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจและหันหน้ามองไปทางอื่น
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวกำลังจะจบลงด้วยดีอยู่แล้ว แต่ฉินเซียวก็เข้ามาทำให้เรื่องวุ่นวายอีกครั้ง หลินเฉิงจึงพูดขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมคุยกับคุณผู้หญิงคนนี้เอง คุณไม่ต้องมายุ่ง!” เขารีบผลักฉินเซียวที่ยืนขวางหน้าให้หลบไปข้าง ๆ ทันที
แล้วเขาก็ยิ้มให้ลู่ฉิวเยว่อย่างอ่อนโยน “ไม่ทราบว่าคุณจะคิดราคาเท่าไหร่ครับ?”
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย “ตลับละ 50 เหมาค่ะ คุณจะจ่ายเงินไว้ก่อน 100 หยวนก็ได้นะคะ แล้วเดี๋ยวฉันจะทยอยส่งให้คุณเอง”
หลินเฉิงพยักหน้า รีบนำเงิน 100 หยวนออกมาจ่ายให้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเซียวก็เกือบจะอกแตกตายด้วยความโกรธ ถ้าลู่ฉิวเยว่รับเงินนั่นเอาไว้ แล้วสามีของเธอจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งได้อย่างไร? ลู่ฉิวเยว่กำลังทำลายผลประโยชน์ของพวกเขา!
ลู่ฉิวเยว่ไม่สนใจสีหน้าของฉินเซียว หลังจากนิ่งคิดอะไรบางอย่าง เธอก็พูดกับหลินเฉิงว่า “แต่ถ้าคุณรีบ ฉันไปซื้อวัตถุดิบทำขี้ผึ้งมาทำให้คุณได้เลยนะคะ”
หลินเฉิงได้ยินดังนั้นก็ยิ่งมีความสุขกว่าเดิม เขาตกลงเห็นชอบทันทีและพาลู่ฉิวเยว่ออกไปจากห้างสรรพสินค้า
เมื่อเห็นทั้งสองคนเดินออกไปด้านนอก ฉินเซียวก็ทุบไหล่ฉินซือด้วยความโมโหและพูดอย่างโกรธเคืองว่า “ดูเธอสิ! ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจอะไรเลยนะ!”
ฉินซือทำหน้าบึ้งและก้าวถอยหลังหลบกำปั้นของพี่สาว
“ไม่ได้การแล้ว แกต้องไปบอกให้แฟนแกช่วยให้พี่เขยแกเลื่อนตำแหน่งให้ได้!” หญิงสาวไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่าย ๆ
ฉินซือมีสีหน้าเย็นชามากขึ้น เมื่อเห็นว่าลู่ฉิวเยว่เดินออกไปไกลแล้ว เขาก็รีบผลักพี่สาวออกและเดินออกไปจากห้างสรรพสินค้า “เรื่องนี้ผมช่วยไม่ได้หรอก บอกผมไปก็ไม่มีประโยชน์”
ลู่ฉิวเยว่เดินทางไปถึงร้านขายยาจีนด้วยรถยนต์ของหลินเฉิง
“นี่คือวัตถุดิบทั้งหมดค่ะ” เธอจดรายชื่อวัตถุดิบที่ต้องการลงบนกระดาษขาวและยื่นส่งให้ชายวัยกลางคนผู้นั้น
บนกระดาษเป็นรายชื่อสมุนไพร 25 ชนิด แต่มีเพียง 15 ชนิดเท่านั้นที่จะถูกนำมาใช้ทำขี้ผึ้งแก้ปวด
แต่ที่เธอต้องเขียนชื่อสมุนไพรเอาไว้เยอะๆ ก็เพราะป้องกันการแอบดูจากคนอื่น เพื่อที่จะได้ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่ต้องใช้ทำขี้ผึ้งนั้นแท้จริงแล้วมีอะไรบ้าง
หลังจากจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อย พวกเขาก็เดินกลับออกมาจากร้านขายยาจีนพร้อมกัน หลินเฉิงรู้สึกมีความสุขมากและยืนยันที่จะเชิญลู่ฉิวเยว่ไปรับประทานอาหารค่ำด้วยกัน