สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 130 เพื่อนบ้านที่ไม่รู้จัก
บทที่ 130 เพื่อนบ้านที่ไม่รู้จัก
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
แขนยาว ไหล่กว้าง เอวแคบ เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนี้เข้ากับเขาได้ดีอย่างสมบูรณ์แบบ
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าจริงจังและพยักหน้าเล็กน้อย “ฉันว่าคุณแต่งตัวแบบนี้ดีมากเลยนะ ลองไปส่องกระจกดูสิว่าคุณชอบไหม”
ฉินซือยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอบอกว่าเขาดูดี มันอาจจะดีจริง ๆ ก็ได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่เสียเวลาไปส่องกระจกเลย เขาลองนำเสื้อตัวอื่นไปเปลี่ยนแล้วเดินออกมาให้เธอดู ซึ่งทำให้ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาด้วยความตลก
หญิงสาวอาศัยจังหวะที่เขากลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อ เลือกเสื้อให้เขาได้อีกหลายตัว และนั่นก็ทำให้ฉินซือมีความสุขมากกว่าเดิมหลายเท่า
“คุณผู้หญิงคะ ทั้งหมด 90 หยวนค่ะ” พนักงานหญิงที่ทำหน้าที่ขายเสื้อผ้าในวันนี้จัดการนำเสื้อผ้าเหล่านั้นบรรจุใส่ถุงอย่างรวดเร็วและพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
เธอเองก็มีความสุขเช่นกัน เพราะเธอจะได้รับส่วนแบ่งจากการขายเสื้อผ้าในวันนี้ด้วย ดังนั้นพนักงานหญิงจึงไม่ต้องห่วงเรื่องยอดขายประจำเดือนนี้อีกแล้ว
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าเล็กน้อย เธอกำลังจะหยิบกระเป๋า แต่ฉินซือก็ยื่นเงินออกมาเสียก่อน
เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เดี๋ยวผมจ่ายเอง”
ลู่ฉิวเยว่อ้าปากค้าง ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ ชายหนุ่มก็ช่วยเธอรูดซิปปิดกระเป๋าเงินด้วยท่าทางจริงจัง
ลู่ฉิวเยว่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เขาจ่ายเงิน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอมักจะปฏิเสธการจ่ายเงินจากเขาเสมอ แต่ถ้าครั้งนี้เธอยังปฏิเสธอีก ฉินซือก็อาจจะเกิดความรำคาญใจขึ้นมาได้
หลังเดินออกมาจากร้านขายเสื้อผ้าแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็เดินเที่ยวชมสิ่งของที่แปลกหูแปลกตาในห้างสรรพสินค้าไปเรื่อยโดยที่มีฉินซือเดินตามพร้อมกับถุงใส่ของอีกสามใบ
เธอบอกว่าจะช่วยถือเอง แต่เขาก็ปฏิเสธ ชายหนุ่มบอกว่าหน้าที่ของเธอในวันนี้คือการซื้อของและมีความสุขเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องอื่นอีกแล้ว
ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ลู่ฉิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ในชาติที่แล้ว พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก ลู่ฉิวเยว่จึงเป็นคนที่ต้องพึ่งพาตนเองมาแต่ไหนแต่ไร และมักจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ถ้าฉินซือไม่เข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอ ลู่ฉิวเยว่ก็คงไม่มีทางรู้เลยว่าความรู้สึกของการที่ถูกคนอื่นดูแลเอาใจใส่นั้นเป็นอย่างไร
ทันใดนั้น ลู่ฉิวเยว่ก็หยุดยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์แห่งหนึ่ง
“มีอะไรเหรอ?” ฉินซือเดินตามเข้ามา
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า บนชั้นวางของเต็มไปด้วยนมผงกระป๋อง เช่นเดียวกับแคลเซียมอัดเม็ด
เธออยากจะซื้อให้พ่อแม่ พวกท่านอายุมากขึ้นแล้ว จำเป็นต้องเสริมแคลเซียม
“คุณคะ ขอฉันดูนมกระป๋องตรงนั้นหน่อยได้ไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปพูดกับพนักงานหญิงด้วยความสุภาพ
พนักงานหญิงคนนั้นกำลังนั่งเล่นเล็บของตัวเองด้วยความเหม่อลอย เมื่อเธอได้ยินเสียงเรียกก็รีบเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้างทันที “ได้เลยค่ะ รอสักครู่นะคะ” พูดจบแล้ว หญิงสาวก็หมุนตัวไปหยิบนมกระป๋องที่ลูกค้าต้องการลงมา
ลู่ฉิวเยว่แอบสังเกตเห็นว่าพนักงานหญิงใช้สายตาพิจารณาเธอโดยละเอียด ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย แต่สีหน้าของลู่ฉิวเยว่ก็ยังเป็นปกติ เธอรับกระป๋องนมผงมาตรวจดูข้อมูลอย่างรวดเร็ว
นมผงกระป๋องในยุคนี้ไม่เหมือนนมผงกระป๋องในศตวรรษที่ 21 เพราะในยุคนี้จะมีนมผงกระป๋องแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้น แม้แต่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังก็จะมีขายเพียง 5 – 6 ยี่ห้อ แถมส่วนใหญ่ก็ยังบรรจุอยู่ในถุงอีกด้วย
ลู่ฉิวเยว่ตรวจดูอย่างจริงจัง และชี้มือไปที่นมผงกระป๋องยี่ห้ออื่นๆ “ฉันขอดูทั้งหมดเลยได้ไหมคะ?”
สีหน้าของพนักงานขายบ่งบอกชัดเจนว่าไม่พอใจ แต่เธอก็หันกลับไปหยิบนมผงกระป๋องเหล่านั้นมาให้ด้วยความขุ่นเคือง
ในใจเธอกำลังด่าลูกค้าหญิงคนนี้ว่าเรื่องมากจริง ๆ
ในที่สุด ลู่ฉิวเยว่ก็เลือกนมผงมาได้สองกระป๋อง ซึ่งน่าจะพอให้พ่อแม่ของเธอดื่มได้ไปอีก 1-2 เดือน นมผงกระป๋องเหล่านี้ดื่มกินได้ในชีวิตประจำวันอย่างสะดวกสบาย ครั้งหน้าถ้าได้มาเมืองหลวงอีก ลู่ฉิวเยว่ก็ตั้งใจจะมาซื้อเพิ่มอย่างแน่นอน
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ราคาเท่าไหร่คะ ช่วยใส่ถุงให้ด้วยนะคะ”
เมื่อเห็นว่าลูกค้าคนนี้จะซื้อนมผงถึงสองกระป๋อง พนักงานขายก็มีสีหน้ายิ้มแย้มขึ้นมาอีกครั้ง เธอจ้องมองสินค้าในมือของอีกฝ่ายและพูดว่า “นมผงสองยี่ห้อนี้เป็นของนำเข้านะคะ ราคาทั้งหมด 15 หยวน และต้องใช้คูปองซื้อนมผงหนึ่งกิโลกรัมด้วยค่ะ”
เมื่อได้ยินว่าต้องใช้คูปองในการซื้อนมผงอีก มือที่กำลังถือเงินสดของลู่ฉิวเยว่ก็หยุดชะงัก เธอรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากที่สังคมจีนเริ่มเกิดการปฏิรูป การใช้ตั๋วหรือคูปองก็ลดน้อยลงมากแล้ว เธอเกือบลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าจำเป็นต้องใช้สิ่งของเหล่านั้นสำหรับการจ่ายเงินอยู่ด้วย
“ไม่ต้องใช้คูปองได้ไหมคะ? ฉันยอมจ่ายเงินเพิ่มก็ได้” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงเจรจา
เมื่อพนักงานขายเห็นว่าเธอไม่มีคูปอง สีหน้าก็กลับมาเย็นชาอย่างรวดเร็ว “ถ้าไม่มีคูปอง แล้วจะมาซื้อนมกระป๋องหาพระแสงอะไร!” พนักงานหญิงพูดด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามทันที ซึ่งคนที่เดินผ่านไปผ่านมาหันมามองด้วยความสงสัย พร้อมกันนั้นก็ยกมือชี้มาที่ลู่ฉิวเยว่และซุบซิบอะไรบางอย่าง
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “ก็แค่ถามค่ะ จะโมโหทำไมคะ?”
ฉินซือได้ยินการโต้เถียงกันระหว่างที่เขายืนดูนาฬิกาอยู่ที่ร้านข้าง ๆ ชายหนุ่มจึงรีบเดินกลับมาหาทันที
“มีอะไรกัน?”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้าเล็กน้อยและถามเขาว่า “คุณมีคูปองสำหรับซื้อนมผงติดตัวมาบ้างไหม?”
“ไม่มีเลย” ฉินซือเข้าใจได้โดยทันที แล้วเขาก็ส่ายศีรษะ “แต่ผมออกไปโทรให้เลขาหวังเอามาส่งให้ได้นะ”
ลู่ฉิวเยว่รีบผลักมือให้เขาออกไป ฉินซือนึกว่าเธอเห็นด้วย เขามองซ้ายมองขวา กำลังจะดึงเธอไปยังทิศทางของตู้โทรศัพท์ แต่ลู่ฉิวเยว่ก็จับแขนของเขาเอาไว้ก่อน “ยุ่งยากเกินไป ฉันมีวิธี”
“วิธีอะไร?” ฉินซือเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ชี้มือไปยังชายท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ คนหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล “ดูเขาคนนั้นสิ!”
ฉินซือหรี่ตาลง เข้าใจความคิดของหญิงสาวขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าและเดินตามเธอไป
“คุณลุงคะ!” ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปหาผู้ชายคนนั้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร “ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
ผู้ชายคนนี้กำลังทำสิ่งผิดกฎหมาย เขาหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกเรียก เขาหันกลับมามองหน้าผู้หญิงแปลกหน้าด้วยดวงตาเบิกโตและยกมือชี้ตัวเองด้วยความลังเล “คุณเรียกผมเหรอ?”
“ใช่ค่ะ เรียกลุงนั่นแหละ ทำไมถึงจำกันไม่ได้เนี่ย? หนูหวังหลิงหลิง ลูกสาวของหลี่ฉุยฮวาที่อยู่ข้างบ้านของลุงไง” ลู่ฉิวเยว่พูดด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “วันนี้หนูลืมเอาคูปองมา ลุงให้หนูยืมก่อนได้ไหม กลับไปแล้วเดี๋ยวหนูให้แม่ใช้คืนให้”
“อ้อ…ได้สิ!” เมื่อได้ยินคำว่าคูปอง ชายคนนั้นก็เข้าใจทันที “เธออยากจะได้คูปองแบบไหนล่ะ? ลุงมีหมดทุกอย่างเลย!”
ลู่ฉิวเยว่จ้องมองคูปองที่อีกฝ่ายหยิบออกมาให้ดู ก่อนจะชี้ไปที่คูปองสองสามใบและถามว่า “เดือนที่แล้วหนูยังไม่ได้จ่ายค่าไข่ให้ลุงเลย เดี๋ยวหนูจ่ายให้ตอนนี้เลยแล้วกัน ไม่งั้นหนูก็คงลืมอีก!”
“ค่าไข่ 3 หยวนนะ!” ชายคนนั้นมีไหวพริบดีเยี่ยมไหลตามน้ำได้อย่างสมบทบาท
เมื่อการซื้อขายสำเร็จลงด้วยดี ลู่ฉิวเยว่ก็ต้องยิ้มออกมาเล็กน้อยขณะเดินกลับไปที่ร้านขายนม
ฉินซือเฝ้าดูด้วยความประหลาดใจอยู่ทางด้านหลัง เขาไม่นึกเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะมีทักษะการแสดงดีเยี่ยมถึงขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ได้รู้มาก่อน เขาคงนึกว่าผู้ชายคนนั้นกับลู่ฉิวเยว่เป็นเพื่อนบ้านกันจริงๆ แล้ว
ลู่ฉิวเยว่ยกมือกรีดนิ้วอวดแผ่นคูปองที่ได้มา ก่อนจะยิ้มเหยียดหยามเล็กน้อย “นี่ใช่ไหมจ๊ะ?”
“ใช่!”
ทั้งสองคนกลับไปที่ร้านขายนมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ไปที่ร้านเดิม แต่เธอเลือกไปยังร้านที่อยู่ไม่ห่างออกไปและซื้อนมผงสามกระป๋อง เช่นเดียวกับแคลเซียมอัดเม็ดอีกสามกล่อง เพราะจะให้หวังเซวียนเซวียนด้วยกล่องนึง
ตอนนี้เขาเพิ่งมีอายุได้ 17 ปีเท่านั้น ยังมีเวลาให้เขาได้สูงมากกว่านี้ ถ้ากินแคลเซียมและขยันออกกำลังกาย หวังเซวียนเซวียนก็จะต้องสูงมากกว่านี้อย่างแน่นอน