สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 129 ซื้อเสื้อให้ฉินซือ
บทที่ 129 ซื้อเสื้อให้ฉินซือ
ซูเจิ้นถามด้วยความร้อนใจ เพราะเครื่องปรุงในร้านอาหารของเขาถูกใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “เดี๋ยววันมะรืนนี้ฉันจะเอามาส่งนะคะ เถ้าแก่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
ซูเจิ้นได้ยินดังนั้นก็ดีใจมาก เขายิ้มรับกลับไปว่า “ผมรู้จักนักธุรกิจที่ร่ำรวยอยู่คนหนึ่ง เขาอยู่ในวงการอาหารเหมือนกัน ผมว่าเขาน่าจะสนใจเครื่องปรุงของคุณแน่ ๆ ถ้าคุณสนใจ เดี๋ยวผมจะช่วยแนะนำให้ได้นะครับ”
ถ้าคนอย่างซูเจิ้นเรียกใครสักคนว่าเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย นั่นก็หมายความว่าอีกฝ่ายคงร่ำรวยอย่างแท้จริง
ลู่ฉิวเยว่รีบรับคำด้วยความดีใจ “ขอบคุณเถ้าแก่ซูมากเลยค่ะ”
เธอไม่คิดเลยว่าการเข้าเมืองหลวงในครั้งนี้จะทำให้ตนเองได้พบกับโอกาสใหญ่ขนาดนี้!
“ผมแค่ช่วยเหลือเล็กน้อยเองครับ” ซูเจิ้นส่ายหน้า “ส่วนขั้นตอนต่อไปจะสำเร็จหรือไม่ ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับตัวของเชฟลู่เองเท่านั้น”
ไม่กี่วันต่อมา ซูเจิ้นก็ส่งข้อความมาบอกให้ลู่ฉิวเยว่ไปพบเจอเขาที่ร้านอาหาร
ด้วยเหตุนี้เอง หญิงสาวจึงแต่งตัวอย่างเป็นทางการเพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้ดูมีความเป็นนักธุรกิจ จากนั้นโดยสารรถยนต์ของฉินซือไปที่ร้านอาหาร
“เชฟลู่ เชิญทางนี้ครับ!” เมื่อลู่ฉิวเยว่ก้าวลงจากรถ เธอก็ได้ยินเสียงเรียก หญิงสาวหันไปมองก็เห็นว่าเป็นผู้ช่วยของซูเจิ้นนั่นเอง
เธอเคยพบเขามาแล้วครั้งหนึ่งตอนที่นำเครื่องปรุงไปส่งที่ร้านอาหารของซูเจิ้น
“เชฟลู่ คุณเฟิงมาถึงแล้วครับ กรุณาตามผมไปด้วย” ผู้ช่วยเดินเข้ามาและพูดทันที
ลู่ฉิวเยว่รีบพยักหน้าให้แก่ฉินซือ ก่อนจะเดินตามเขาไป
ประตูห้องอาหารถูกเปิดออก แล้วเธอก็ได้พบกับคนที่ตนเองกำลังจะต้องเจรจาธุรกิจตั้งแต่แรกเห็น
เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ปี รูปร่างค่อนข้างท้วม สวมสูทสีเทาดำ เขากำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับซูเจิ้น พวกเขากำลังพูดคุยกันด้วยท่าทางสบาย ๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าประตูห้องอาหารถูกเปิดออก เขาก็หันหน้ามามองเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่เดินเข้าไปหาและพยักหน้าทักทายด้วยรอยยิ้ม “ฉันคงทำให้พวกคุณสองคนรอนานเลยสินะคะ”
ซูเจิ้นยิ้มออกมาเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ “ไม่หรอกครับ พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
จังหวะที่พวกเขากำลังพูดคุยทักทายกันพอเป็นพิธี เด็กเสิร์ฟก็เดินเข้ามาพร้อมกับจานอาหารพอดี
เนื้อย่าง หมูตุ๋น ไก่ผัดพริก…
ลู่ฉิวเยว่อดประหลาดใจไม่ได้กับอาหารที่ถูกปรุงขึ้นมาด้วยเครื่องปรุงของเธอ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าซูเจิ้นจะใส่ใจถึงขนาดนี้ เธอยิ้มให้เขาด้วยความปลื้มปิติ
เขาต้องการจะช่วยเธอในการเจรจาธุรกิจครั้งนี้จริง ๆ
“ซูเจิ้น อาหารในร้านของคุณอร่อยมากกว่าเดิมตั้งเยอะ แค่ผมดมกลิ่น ผมก็รู้แล้วว่าอร่อยกว่าเมื่อก่อน” เฟิงเซินอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้ม
ซูเจิ้นยิ้มเล็กน้อย หยิบตะเกียบคีบเนื้อย่างอย่างรวดเร็ว “เป็นเพราะเครื่องปรุงของเชฟลู่น่ะครับ”
เฟิงเซินหันหน้ามามองลู่ฉิวเยว่ด้วยความประหลาดใจและเข้าใจเจตนาของซูเจิ้นโดยทันที มิน่าล่ะ อีกฝ่ายถึงชวนเขามารับประทานอาหารที่นี่ ที่แท้ก็เพราะต้องการจะแนะนำหญิงสาวคนนี้ให้รู้จักนั่นเอง
นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ยิ้มออกมาและชื่นชมลู่ฉิวเยว่
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ เฟิงเซินก็ยื่นข้อเสนอให้ตามที่คิดจริง ๆ
“ไม่ทราบว่าเครื่องปรุงของคุณลู่ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ พอจะช่วยผลิตมาส่งให้ผมอีกสักคนได้ไหมครับ? ผมอยากจะเปิดร้านหม้อไฟอยู่เหมือนกัน”
ลู่ฉิวเยว่รีบตอบกลับไปด้วยความดีใจว่า “ถ้าคุณเฟิงเซินสนใจ พวกเราก็มาร่วมมือกันได้ค่ะ”
หลังจากนั้น เธอก็พูดออกมาอีกครั้ง “แต่ว่าร้านหม้อไฟต้องใช้เครื่องปรุงหลายชนิด ไม่ทราบว่าคุณเฟิงเซินสนใจจะเปิดร้านหม้อไฟที่ไม่เหมือนคนอื่นบ้างไหมคะ?”
เมื่ออีกฝ่ายได้ยินแบบนั้น ดวงตาของเฟิงเซินก็เป็นประกายขึ้นมาทันที “สนใจสิครับ”
อาหารที่อยู่บนโต๊ะในวันนี้ต่างก็ทำขึ้นมาจากเครื่องปรุงของลู่ฉิวเยว่ เขาได้ลองรับประทานดูแล้ว พวกมันอร่อยมาก เขาจึงคิดว่าเครื่องปรุงสำหรับใส่หม้อไฟของเธอก็จะต้องอร่อยเช่นกัน
เมื่อพูดถึงการร่วมมือทางธุรกิจ ลู่ฉิวเยว่ก็มีสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังขึ้นมาทันที “แต่ฉันมีข้อแม้ค่ะ”
“บอกมาได้เลยครับ” เฟิงเซินพยักหน้า
“คุณเฟิงต้องส่งคนมารับเครื่องปรุง หลังจากที่คุณรับไปแล้ว ถ้าพบว่ามีปัญหาเรื่องคุณภาพ เดี๋ยวพวกเราจะรับผิดชอบให้เองค่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด นักธุรกิจใหญ่ก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในแววตาปรากฏความชื่นชมขึ้นมาอย่างชัดเจน “คุณลู่อายุยังน้อย แต่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลจริง ๆ นับตั้งแต่ยุคโบราณ คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณนี่แหละครับที่จะเปลี่ยนยุคสมัยของพวกเราได้”
ซูเจิ้นก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “ถูกต้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเคยเห็นคนรุ่นใหม่ฉลาดปราดเปรื่องขนาดนี้ อนาคตข้างหน้าของเชฟลู่จะต้องสดใสอย่างแน่นอน”
ลู่ฉิวเยว่ถูกชมจนหน้าแดงและโบกไม้โบกมือปฏิเสธ
ในที่สุด การเจรจาธุรกิจก็จบลง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันว่าจะมีการเซ็นสัญญาในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้
เมื่อเฟิงเซินกลับไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็บอกลาและขอตัวกลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน ฉินซือบอกว่าเขาจะรอเธออยู่ข้างนอก ดังนั้นตอนนี้เขาคงรอจนเบื่อแย่แล้ว
“มาขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย!” ฉินซือเอาแต่จ้องมองดูประตูร้านอาหารอยู่ตลอดเวลา เมื่อเขาเห็นเธอ เขาก็ยิ้มและโบกมือเรียก
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอและรีบเดินเข้าไปหา “ฉันคงทำให้คุณคอยนานเลยสินะ”
ฉินซือหัวเราะตอบกลับมา “ยิ้มแฉ่งกลับมาแบบนี้ ทุกอย่างราบรื่นดีใช่ไหม?”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
ชายหนุ่มพูดขึ้นมาทันทีว่า “คุณเจรจาธุรกิจครั้งใหญ่สำเร็จได้แบบนี้ ทำไมพวกเราไม่ไปฉลองกันล่ะ? คุณเคยบอกว่าอยากจะสำรวจเมืองหลวงไม่ใช่เหรอ? งั้นวันนี้เราไปนั่งรถเที่ยวกันดีไหม?”
ลู่ฉิวเยว่กำลังมีความสุข เธออยากจะเดินเที่ยวชมห้างสรรพสินค้าในเมืองหลวงอยู่พอดีจึงตอบตกลงในทันที
“งั้นเราไปเดินห้างกันดีไหม? พวกเราคงไม่ได้มีโอกาสเข้าเมืองหลวงบ่อย ๆ คุณอยากได้อะไรก็ซื้อไปเถอะ เราจะได้ซื้อของขวัญให้คุณลุงกับคุณป้าด้วย” ฉินซือให้คำแนะนำ เขาพบว่าลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่มานานแล้ว ตอนนี้เธอยังสวมเสื้อผ้าที่วางขายในปีที่แล้วอยู่เลย
“งั้นไปเดินห้างกันก็ได้ค่ะ” ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า
แล้วทั้งสองคนก็ไปถึงที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองในที่สุด
ลู่ฉิวเยว่อดเงยหน้ามองไม่ได้ ห้างสรรพสินค้าเป็นตึกสูงห้าชั้น ใหญ่โตมากกว่าห้างสรรพสินค้าในต่างจังหวัดประมาณ 2-3 เท่า มีผู้คนเดินเข้าออกตลอดเวลา บรรยากาศคึกคักแจ่มใส
ห้างสรรพสินค้าในเมืองหลวงย่อมมีสินค้าวางขายมากกว่าห้างในต่างจังหวัด แม้แต่บรรดาเสื้อผ้าที่วางขายก็ทันสมัยมากกว่าในต่างจังหวัดเช่นกัน
“เข้าไปดูที่ร้านนั้นกันดีไหม?” ฉินซือเห็นว่าเธอสนใจเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า จึงชี้มือไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ตรงหน้าทันที
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มกว้าง เดินเข้าไปเลือกเสื้อผ้าให้พ่อกับแม่หลายชุด แล้วก็ซื้อไปฝากคุณลุงคุณป้าของเธออีกหลายชุด พวกท่านได้รับของขวัญเหล่านี้ต้องดีใจมากแน่ ๆ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเลือกเสื้อผ้าอยู่พักใหญ่ แต่ไม่มีเสื้อผ้าของตัวเธอเองเลย ฉินซือก็พูดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า “คุณก็เลือกเสื้อผ้าให้ตัวเองหน่อยเถอะ วันนี้คุณคุยธุรกิจสำเร็จไม่ใช่หรือไง? ทำไมไม่ให้ของขวัญตัวเองบ้าง?”
ลู่ฉิวเยว่หยุดชะงัก เธอเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้เหมือนกัน
หญิงสาวยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบรับอย่างรวดเร็วแล้วหันกลับไปเลือกเสื้อผ้าต่อ
ในที่สุด เธอก็ได้กระโปรงมาสองตัว เสื้อผ้าที่จัดเป็นชุดอีกสามชุด ถ้าฉินซือไม่ยืนยันอย่างหนักแน่น เธอก็คงไม่ซื้อกระโปรงพวกนั้นหรอก ในอดีต เวลาใส่กระโปรงเธอมักจะทำอะไรไม่สะดวก เธอจึงชอบสวมกางเกงมากกว่า
“ฉินซือ มานี่สิ” ระหว่างที่ส่งเสื้อผ้าให้คนขาย เธอก็หันไปพูดกับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตู
ฉินซือกำลังยืนมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแก้เบื่อ เมื่อเขาได้ยินเสียงเรียก จึงได้สติและหันกลับไปถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ เธอชี้ไปยังเสื้อเชิ้ตสีขาวที่อยู่ในมือของเธอ “ฉันว่าเสื้อตัวนี้เหมาะกับคุณ ลองใส่ดูหน่อยสิ”
ฉินซือดีใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดเลยว่าเธอจะซื้อเสื้อให้เขาด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว
สีหน้ามีความสุขของเขาช่างคุ้มค่าจริง ๆ
ลู่ฉิวเยว่อดมองด้วยความหมั่นไส้ไม่ได้ “จะดีใจอะไรขนาดนั้น”
“ก็แฟนผมอุตส่าห์ซื้อเสื้อให้ทั้งที จะไม่ให้ดีใจได้ยังไง” ฉินซือพูดพร้อมกับยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
พนักงานขายที่เป็นสาวน้อยเองก็อดรู้สึกหมั่นไส้หนุ่มสาวคู่นี้ขึ้นมาไม่ได้ และเธอเองก็อยากจะมีความรักขึ้นมาบ้างเหมือนกัน