สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 126 ซูเจิ้นขอซื้อสูตรอาหาร
บทที่ 126 ซูเจิ้นขอซื้อสูตรอาหาร
ส่วนลู่ฉิวเยว่ที่นอนอยู่ห้องติดกันนั้นหลับใหลอย่างสุขสบาย
วันต่อมายังไม่มีการแข่งขัน หวังเซวียนเซวียนที่นั่งเบื่ออยู่ในโรงแรมจึงออกไปเดินชมร้านค้า ส่วนฉินซือก็มีเพื่อนเชิญตัวไปพูดคุย ในโรงแรมจึงหลงลู่ฉิวเยว่อยู่เพียงคนเดียวด้วยความเบื่อหน่าย
ทันใดนั้น มือของเธอก็สัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นสูง ก่อนจะนำนามบัตรออกมาจากกระเป๋า
นี่คือนามบัตรของซูเจิ้น ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมเซิงหัวที่ให้ไว้เมื่อวันก่อน เขาบอกว่าสนใจเครื่องปรุงของเธอและอยากจะร่วมธุรกิจด้วย
“เซิงหัว…” ลู่ฉิวเยว่พึมพำออกมาเบา ๆ คิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีมาก พอดีกับที่วันนี้เธอไม่มีอะไรทำ ดังนั้นลู่ฉิวเยว่จึงไปขอยืมโทรศัพท์จากเคาน์เตอร์ด้านล่างและโทรไปหาซูเจิ้น
“สวัสดีค่ะ? ฉันขอเรียนสายคุณซูเจิ้นหน่อยค่ะ” เมื่อมีคนรับสาย ลู่ฉิวเยว่ก็พูดออกไปทันที
มีการตอบรับเบา ๆ หลังจากได้ยินเสียงซ่า ๆ อยู่ไม่นาน เธอก็ได้ยินเสียงผู้ชายที่คุ้นหู
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าใครครับ?” ซูเจิ้นกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่แถวนั้นพอดี จึงมารับสายได้อย่างรวดเร็ว
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะในลำคอ “เถ้าแก่ซู นี่ฉันเองค่ะ”
ซูเจิ้นสะดุ้งโหยง หัวใจพองโตด้วยความยินดี เมื่อวานนี้เขารอโทรศัพท์เธอทั้งวัน คิดว่าเธอไม่อยากทำธุรกิจร่วมกับเขา ซูเจิ้นถึงกับนอนไม่หลับ พยายามวางแผนเกลี้ยกล่อมหญิงสาวอีกครั้ง แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นฝ่ายโทรมาหาเองอย่างนี้!
“เชฟลู่ ผมจำคุณได้!” เสียงแห่งความประหลาดใจของเขาทำให้ลู่ฉิวเยว่ต้องยิ้มออกมา
“เถ้าแก่บอกเอาไว้เมื่อวันก่อนว่าสนใจเครื่องปรุงของฉัน ไม่ทราบว่าเรามานัดพบกันดีไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่ย้ายโทรศัพท์มาถืออีกมือหนึ่งและพูดออกไป
ถึงเขาจะคาดเดาได้อยู่แล้ว แต่ซูเจิ้นก็ยังอดดีใจไม่ได้เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขายิ้มแย้มออกไปอย่างสดใสขณะรับคำว่า “บ่ายวันนี้เป็นยังไงครับ? ถ้าคุณไม่สะดวก จะเลือกเป็นวันอื่นก็ได้ ผมรอได้เสมอ เอาที่เชฟสะดวกมากที่สุดก็แล้วกัน!”
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูง ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจครั้งนี้มากทีเดียว
“บ่ายวันนี้เลยก็ได้ค่ะ” เธอตอบตกลง แล้วทั้งสองคนก็นัดพบกันที่โรงแรมเซิงหัว
เมื่อลู่ฉิวเยว่ไปถึงโรงแรมในตอนบ่าย ซูเจิ้นก็ไปถึงเรียบร้อยแล้ว เขานั่งรอเธออยู่ที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ในห้องล็อบบี้ กาแฟในถ้วยถูกดื่มได้เกินครึ่ง หมายความว่าเขาคงมารอเธออยู่นานแล้ว
ลู่ฉิวเยว่เดินยิ้มเข้าไปหา เธอดึงเก้าอี้อีกตัวหนึ่งออกและนั่งลง “เถ้าแก่มาถึงเร็วจังนะคะ”
ซูเจิ้นยิ้มอย่างสุภาพ ถ้าไม่กลัวว่าเธอจะตกใจมากเกินไป เขาก็อยากจะนัดคุยทันทีที่วางโทรศัพท์ลงเลยด้วยซ้ำ
ซูเจิ้นเห็นมากับตาแล้วว่าเชฟลู่คนนี้มีฝีมือทำอาหารเก่งกาจขนาดไหน เขาจึงเชื่อมั่นว่าเครื่องปรุงของเธอต้องยอดเยี่ยมเช่นกัน
ซูเจิ้นจินตนาการได้เลยว่าถ้าเอาเครื่องปรุงของเธอมาใช้กับอาหารในโรงแรมของเขา ธุรกิจอาหารและโรงแรมของเขาก็จะพัฒนามากขึ้นอย่างแน่นอน!
“เชฟลู่ล้อเล่นแล้ว” เขาหัวเราะและตรงเข้าประเด็นทันที “พวกเรามาคุยธุรกิจกันเลยดีไหมครับ?”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้าและชี้มือไปที่กระเป๋าที่เธอพกติดตัวมาด้วย “นี่คือเครื่องปรุงของฉันค่ะ เถ้าแก่ลองดูก่อน ถ้าเถ้าแก่ชอบใจ เราค่อยมาคุยธุรกิจกัน”
ซูเจิ้นยิ่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจ รีบสั่งให้คนนำเครื่องปรุงเหล่านี้ไปปรุงอาหาร และถึงกับเดินไปดูวิธีการทำในห้องครัวด้วยตัวเอง
บรรดาพ่อครัวในห้องอาหารเพิ่งจะเคยเห็นเจ้าของโรงแรมเป็นครั้งแรก แถมครั้งนี้เจ้าของโรงแรมยังมายืนดูการทำอาหารอย่างใกล้ชิด พวกเขาจึงอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ ปรารถนาที่จะทำอาหารที่อร่อยที่สุดในชีวิตของตนเองออกมา
อาหารจานใหม่ถูกปรุงอย่างรวดเร็ว เมื่อเปิดฝาครอบออก กลิ่นอันหอมหวลก็ลอยตลบไปทั่วห้องครัว บรรดาพ่อครัวตกตะลึง ต้องยืดคอมองบรรดาผักที่อยู่ในหม้อ พวกเขาไม่คิดเลยว่าเครื่องปรุงที่เจ้าของโรงแรมนำมาให้ใส่ในอาหารนั้นจะทำให้อาหารธรรมดา ๆ มีหน้าตาน่ารับประทานได้ถึงขนาดนี้
ซูเจิ้นอดกลืนน้ำลายไม่ได้ รีบหยิบตะเกียบมาชิมอย่างเร็วไว
เนื้อนุ่ม น้ำซอสเข้มข้น
อร่อยมาก!
ดวงตาของเขาเป็นประกาย เชฟลู่ก็คือเชฟลู่ สมแล้วที่เธอทำอาหารได้เก่งจริง ๆ!
เมื่อเห็นสีหน้าของเขา ลู่ฉิวเยว่ก็รู้แล้วว่าเรื่องราวทุกอย่างจบลงแล้ว เธอยิ้มกว้างและพูดออกไป “เป็นยังไงบ้างคะ? พวกเราคงมาคุยเรื่องการร่วมธุรกิจกันได้แล้วใช่ไหม?”
ซูเจิ้นพยักหน้าอีกครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผายมือออกไปเชิญเธอให้เดินไปยังห้องดื่มน้ำชา ซึ่งที่จริงแล้วเอาไว้ใช้รับแขกนั่นเอง
“ไม่ทราบว่าเชฟจะช่วยขายสูตรทำอาหารพวกนั้นได้ไหมครับ?” เมื่อทั้งสองนั่งลง ผู้เป็นเจ้าของโรงแรมอย่างซูเจิ้นก็ถามออกมาทันที
ถ้าสูตรทำอาหารเหล่านั้นถูกขายให้กับโรงแรมของเขา พวกมันก็จะกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อประจำโรงแรมทันที และดึงดูดลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก
ซูเจิ้นมองเห็นได้เลยว่ากำลังมีเงินก้อนโตไหลเข้ามาในกระเป๋าของเขา
อย่างไรก็ตาม ลู่ฉิวเยว่ทำลายความฝันของเขาลงอย่างรวดเร็วด้วยการส่ายหน้าและพูดเสียงแข็งว่า “ฉันไม่ขายสูตรทำอาหารค่ะ แต่ฉันจะผลิตเครื่องปรุงส่งให้โรงแรมของคุณ แต่จะไม่ทำธุรกิจนอกเหนือไปจากนี้เด็ดขาด!”
ซูเจิ้นพยายามจะโน้มน้าวใจเธอต่อไปด้วยการเสนอเงินให้ก้อนโต แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี
หลังจากลังเลอยู่เล็กน้อย ซูเจิ้นก็ไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้ารับข้อเสนอของเธอ แต่เขาก็ยังมีความสุขอยู่ดี ถึงเธอจะไม่ขายสูตรทำอาหารให้กับโรงแรมของเขา แต่โรงแรมของเขาก็ยังได้เครื่องปรุงของเธอมาทำอาหารอยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาร่วมธุรกิจกันเถอะครับ เชฟลู่!” เขายิ้มและยื่นมือออกไปข้างหน้า
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “มาร่วมมือกันเถอะค่ะ!”
หลังจากพูดจบแล้ว ซูเจิ้นก็สั่งให้เลขาไปพิมพ์สัญญาออกมาทันที แล้วพวกเขาก็เซ็นสัญญากันอย่างรวดเร็ว
การตกลงธุรกิจผ่านไปอย่างราบรื่น ลู่ฉิวเยว่รู้สึกมีความสุขมาก สีหน้าของเธอผ่อนคลายมากขึ้น กลายเป็นหญิงสาวที่ดูใจดีและร่าเริงขึ้นมาทันตาเห็น
ตอนแรก ลู่ฉิวเยว่เข้าร่วมการแข่งขันทำอาหารครั้งนี้ก็เพื่อพิสูจน์ความสามารถของตนเองและอยากจะโปรโมตร้านอาหารของเธอ แต่เธอไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับความประหลาดใจครั้งใหญ่!
ไม่กี่วันหลังจากพูดคุยเรื่องธุรกิจ การแข่งขันทำอาหารรอบที่ 2 ก็เริ่มต้นขึ้น ลู่ฉิวเยว่ยังมีความสามารถโดดเด่นมากกว่าคนอื่น ๆ เธอชนะครองอันดับ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น และเหลียงซิงก็เข้ารอบมาเป็นอันดับ 2 ซึ่งทำให้เขาโกรธแค้นจนควันออกหู
ในมุมที่ไม่มีใครมองเห็น ดวงตาของเขาเป็นประกายชั่วร้ายไม่ต่างจากแม่มดใจร้ายในนิทานหลอกเด็ก ถ้ามีใครมาพบเห็นเข้าก็จะต้องตกใจอย่างแน่นอน
“เหลียงซิง นายทำได้ อย่างน้อยนายก็รักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ได้!” หนี่เหนียนซินผู้ได้ตำแหน่งอันดับ 6 ตบไหล่ปลอบใจและถอนหายใจด้วยความชื่นชม
ในรอบที่แล้วเขาได้ที่ 3 แต่มารอบนี้เขาตกลงมาอยู่ที่ 6
แต่ถึงอย่างนั้น หนี่เหนียนซินไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขายิ่งทำให้เหลียงซิงโมโหที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ลู่ฉิวเยว่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะมันไม่ต่างจากการถูกพูดใส่หน้าว่า ‘นายแพ้ให้กับผู้หญิงคนนั้นอีกแล้ว’ เหลียงซิงจึงสะบัดมืออีกฝ่ายออกไปจากหัวไหล่ด้วยความเหยียดหยามและพูดว่า “นายสนใจตัวเองเถอะ อันดับตกไปอยู่ตั้งที่ 6 ฉันไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไงนะ แต่ถ้าเป็นฉัน ฉันคงอายจนสู้หน้าคนไม่ได้แล้วล่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็หมุนตัวเดินจากไปด้วยความหงุดหงิด ทิ้งให้หนี่เหนียนซินยืนอยู่ที่ตรงนั้นด้วยความพิศวง
สงสัยไอ้หมอนี่จะบ้าไปแล้ว!
ในขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนมีบรรยากาศอันคุกรุ่น ลู่ฉิวเยว่ก็กำลังถูกรายล้อมด้วยคณะกรรมการ พวกเขาพูดคุยอย่างมั่นใจเกี่ยวกับฝีมือการทำอาหารของเธอ ส่วนผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าเคร่งเครียด อยากจะเก็บเกี่ยวความรู้จากคำแนะนำของเธอเช่นกัน
ซึ่งเหลียงซิงเดินผ่านมาเห็นภาพนี้เข้าอย่างพอดิบพอดี