สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 124 พี่สาวมาขอขี้ผึ้งทาแก้ปวด
บทที่ 124 พี่สาวมาขอขี้ผึ้งทาแก้ปวด
ฉินซือถึงกับชะงักไปเล็กน้อย
“ระบบจำลองการทำงานของตู้เย็นไม่มีปัญหาครับ” หวังเซวียนเซวียนอาศัยช่องว่างที่ทุกคนเงียบรายงานผลการแข่งขันของตนเองขึ้นมา “แต่เรายังต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมในภายหลังอีกไม่น้อยเลย”
เสียงของเขาทำให้ฉินซือกลับมาได้สติ ชายหนุ่มพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ
หวังเซวียนเซวียนพูดต่อไปว่า “แต่ผมตรวจดูข้อมูลของตู้เย็นละเอียดแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาหรอกครับ”
เมื่อพูดถึงเรื่องราวที่ตนเองสนใจ ดวงตาของเด็กหนุ่มก็เป็นประกายขึ้นมา
“อ้อ จริงด้วยสิครับ!” ในทันใดนั้น หวังเซวียนเซวียนจดจำอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที “ทีมงานบอกผมว่าถ้าชนะการแข่งขันในครั้งนี้ พวกเขาจะมีเงินรางวัลพิเศษให้พวกเราพัฒนาและทำการวิจัยต่อด้วยครับ”
ฉินซือเบิกตาโต จ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยความชื่นชม “ให้ตายเถอะ น้องชายคนนี้คงจะต้องเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในแผนกพัฒนาของโรงงานฉันอย่างแน่นอน!”
เหตุผลที่เขาเลือกให้หวังเซวียนเซวียนไปเรียนต่อตั้งแต่แรกก็เพราะฉินซือเห็นถึงพรสวรรค์ในเรื่องเครื่องยนต์กลไกและความหลงใหลของเด็กหนุ่ม แต่แน่นอนว่าบางส่วนก็เป็นเพราะลู่ฉิวเยว่ด้วยเช่นกัน
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเติบโตเร็วเหลือเกิน สมควรแล้วที่เขาเป็นญาติผู้น้องของลู่ฉิวเยว่!
ลู่ฉิวเยว่พึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอย่างยิ่ง เธอชื่นชมหวังเซวียนเซวียนโดยไม่ลังเล ทำเอาเด็กหนุ่มออกอาการเขินจนหน้าแดงและโบกมือไม่ให้เธอชมเขาอีก
…
รถยนต์แล่นเข้ามาจอดในโรงแรมอย่างช้า ๆ ลู่ฉิวเยว่นั่งสัปหงกพิงหน้าต่างรถยนต์ได้สติขึ้นมาทันที เธออ้าปากหาว เปิดประตู และก้าวลงจากรถ
เนื่องจากวันนี้ทุกคนเหนื่อยล้ากันมามากแล้ว เธอจึงแนะนำให้พวกเขาแยกย้ายกันไปพักผ่อน
ฉินซือสังเกตเห็นว่าบนศีรษะของเธอมีเมล็ดแตงโมติดอยู่ เขาจึงอมยิ้มเดินเข้าไปจะช่วยแกะออกให้ แต่ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้นด้านหลังว่า
“คุณฉินคะ ทางบ้านโทรมาค่ะ”
เขาโอบไหล่ลู่ฉิวเยว่อยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะหันไปมองและพบว่าคนพูดก็คือหญิงสาวที่นั่งประจำเคาน์เตอร์นั่นเอง
ฉินซือพยักหน้าตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ”
หลังจากพูดออกมา เขาก็ช่วยประคองลู่ฉิวเยว่เดินขึ้นบันได เธอหันมาพูดอะไรบางอย่างกับเขา แต่เมื่อเห็นว่าเขายืนยันจะไปส่งเธอขึ้นห้องให้ได้ ลู่ฉิวเยว่ก็ไม่ได้โต้เถียงกับเขาอีกแล้ว
เธอง่วงนอนจนไม่เหลือพลังจะมาโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป
หลังจากส่งแฟนสาวกลับเข้าห้องเรียบร้อย ชายหนุ่มก็รีบเดินกลับลงมาพยักหน้าให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์ “รบกวนขอโทรศัพท์หน่อยครับ”
เขามาพักในโรงแรมนี้หลายครั้งแล้ว เจ้าของโรงแรมนี้เป็นเพื่อนเขาเอง บางครั้งถ้าทางบ้านมีเรื่องเร่งด่วนก็จะโทรมาที่โรงแรม และพนักงานที่เฝ้าเคาน์เตอร์ก็จะมาแจ้งเขาเป็นประจำ
[ฮัลโหล?]
เมื่อกดโทรศัพท์ไปที่หมายเลขปลายทางเรียบร้อยแล้ว ฉินซือก็ขมวดคิ้วทันที “พี่โทรมาหาผมทำไม?”
คนที่อยู่ปลายสายก็คือฉินเซียว
[ฉันกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว แกก็กลับมากินมื้อค่ำที่บ้านหน่อยเถอะ คุณป้าทำอาหารจานโปรดไว้ให้แกตั้งเยอะ] ฉินเซียวแกล้งทำเป็นไม่หงุดหงิดใจและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ผมไม่ว่าง” ฉินซือชำเลืองมองไปที่ขั้นบันไดโดยไม่รู้ตัว เขาไม่อยากจะไปที่ไหนทั้งนั้น
ฉินเซียวมีน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาทันที [แกจะไม่ว่างได้ยังไง? ก็ในเมื่อตอนนี้แกอยู่ที่โรงแรม บ้านของแกก็อยู่ไม่ไกล แค่กลับบ้านมากินอาหารค่ำมันจะใช้เวลาสักเท่าไหร่เชียว? ฉินซือ ถ้าแกไม่มา ฉันจะเป็นฝ่ายไปหาแกเอง!]
นี่มันอะไรกัน? เขามีเวลาไปอยู่กับผู้หญิง แต่ไม่มีเวลากลับมากินข้าวกับครอบครัวเนี่ยนะ? ผู้หญิงที่ชื่อลู่ฉิวเยว่มีค่ามากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ฉินซือกัดฟัน สีหน้าเย็นชาปานน้ำแข็ง สุดท้ายก็ต้องตอบตกลง
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ชอบหน้าฉินเซียวตั้งแต่แรก ถ้าพวกเธอมาเจอกัน อาจจะเกิดการทะเลาะขึ้นมาได้ วันนี้ลู่ฉิวเยว่อุตส่าห์อารมณ์ดีมากขึ้นแล้ว เขาไม่อยากจะให้พี่สาวมาทำให้เธอต้องขุ่นเคืองใจอีก
10 นาทีให้หลัง ฉินซือก็เปิดประตูเข้าไปในบ้านตระกูลฉินที่เมืองหลวง
“มีเรื่องอะไร?” เขาพูดกับหญิงสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขา ดวงตาของฉินเซียวก็ลุกวาว
“อะไร? พี่สาวจะพบน้องชายไม่ได้เลยหรือไง?” เธอแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจสีหน้าของเขาและดึงเขาให้นั่งลงเพื่อพูดคุยกัน
หลังจากพูดคุยกันไปได้พักหนึ่ง เธอก็เห็นว่าน้องชายมีสีหน้าอ่อนโยนมากขึ้น หลังจากนั้น ฉินเซียวก็ยิ้มและพูดว่า “ตอนที่แกยังเด็ก แกก็รู้ว่าฉันกับพี่เขยเตรียมตัวเลื่อนตำแหน่งครั้งนี้มานานแล้ว พวกเราขาดแค่ขี้ผึ้งทาแก้ปวดเท่านั้น แกช่วยพี่หน่อยเถอะนะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ใจดีกับแกมาเสมอ พี่แค่ขอให้ช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้ แกคงไม่ปฏิเสธหรอกใช่ไหม?”
ฉินซือกับพี่สาวเติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เด็กจนโต เธอใจดีกับเขามากจริง ๆ ดังนั้น ฉินซือจึงเริ่มใจอ่อนลงเล็กน้อย
“งั้นพี่ก็ต้องไปขอโทษลู่ฉิวเยว่ก่อน เธอเป็นผู้หญิงที่มีเหตุผล…”
“ว่าไงนะ?!” แต่ชายหนุ่มก็ถูกพี่สาวขัดจังหวะขึ้นมาโดยที่ยังพูดไม่ทันจบ ฉินเซียวพูดด้วยความโกรธแค้นและรังเกียจว่า “พี่จะไม่ไปขอโทษนังผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด นังนั่นไม่มีค่าคู่ควรกับแกเลยสักนิด พี่ไม่อยากเห็นพวกแกอยู่ด้วยกัน!”
ฉินซือมีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาในทันใด เขาหัวเราะเยาะบอกออกไป “ถ้าพี่ดูถูกเธอขนาดนี้ ก็อย่าเอาขี้ผึ้งของเธอไปใช้เลย”
เมื่อพูดจบแล้ว ชายหนุ่มก็หมุนตัวเดินออกมา กระแทกประตูห้องนั่งเล่นปิดเสียงดังปัง ทำให้ฉินเซียวที่ยืนอยู่ข้างหลังโกรธแค้นจนอกแทบแตกตาย
ผู้หญิงบ้านนอกที่ชื่อลู่ฉิวเยว่นั่นมีอะไรดีนักหนา ที่เขาทำกับพี่สาวแท้ ๆ แบบนี้ก็เพราะผู้หญิงคนนั้น!
จ้าวซูซินเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถ แถมยังหน้าตาดี เติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ดีและมีความรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง ฉินเซียวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมน้องชายของตัวเองถึงมองข้ามจ้าวซูซินไปเช่นนี้
ฉินเซียวขมวดคิ้วขึ้นมาในทันใด
หรือจะเป็นเพราะว่าเขาเห็นของสวย ๆ งาม ๆ อย่างจ้าวซูซินจนเคยชินแล้ว?
ฉินเซียวรีบโทรเรียกให้จ้าวซูซินมาที่เมืองหลวงโดยทันที
วันต่อมา
เมื่อไม่มีเรื่องรบกวน ลู่ฉิวเยว่ก็นอนหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืน เธอลงมาเป็นเพื่อนฉินซือที่ด้านล่างของโรงแรมตอน 9 โมงเช้า ตั้งใจว่าจะออกไปหาอะไรกินข้างนอกด้วยกัน
“ฉินซือ!”
ไม่ทราบเลยว่าฉินเซียวมาปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อเห็นเขาเดินลงบันไดมา เธอก็รีบก้าวฉับ ๆ เข้าหาทันที
ฉินซือหยุดชะงักและรีบหันไปมองหน้าลู่ฉิวเยว่ เธอยิ้มออกมาเล็กน้อย แต่เขารู้สึกขนลุกและหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ฉินซือหันกลับไปถามพี่สาวด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “พี่มาทำอะไรที่นี่อีก?”
“พี่มีอะไรจะบอกแก เราไปหาร้านอาหารนั่งคุยกันดีไหม?” ฉินเซียวจ้องมองใบหน้าของลู่ฉิวเยว่เขม็ง ก่อนจะหันไปยิ้มให้ฉินซือ
คนเป็นน้องชายต้องการจะปฏิเสธ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเธอจะไม่ยอมปล่อยเขาไป
“ฉินซือ ถ้าแกไม่ไป งั้นฉันก็จะรออยู่ที่นี่ทั้งวัน!” เมื่อเห็นน้องชายกำลังจะเดินหนี ฉินเซียวก็ข่มขู่ด้วยความโกรธแค้น
“พวกเรายังไม่ได้กินมื้อเช้ากันเลย รีบไปกันเถอะค่ะ” เมื่อเห็นความอับอายของเขา ลู่ฉิวเยว่ก็พูดขึ้นมาก่อนเป็นคนแรกพร้อมกับดึงแขนให้เขาเดินออกไปจากโรงแรม
ฉินซือรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งสองคนคิดไม่ถึงเลยว่าเมื่อผลักประตูเปิดเข้าสู่ร้านอาหาร ตนเองก็จะได้พบกับจ้าวซูซิน ฉินซือยิ่งไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เขาไม่เข้าใจเลยว่าพี่สาวต้องการจะทำอะไร
เขาหันไปมองลู่ฉิวเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เมื่อคิดได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเริ่มกลับมาดีเหมือนเก่าแล้ว ฉินซือก็ตั้งใจจะหันหลังกลับโดยทันที
“พี่ฉินซือ ทำไมพี่ถึงได้ใจดำแบบนี้?” จ้าวซูซินรู้สึกหน้าชา รีบวิ่งอ้อมไปขวางทางเขา พูดด้วยความโกรธแค้นว่า “เธอเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอกที่ไม่มีความรู้อะไรเลย เธอไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แล้วทำไมฉันถึงสู้เธอไม่ได้?”