สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 122 การแข่งขันรอบพิเศษ
บทที่ 122 การแข่งขันรอบพิเศษ
เมื่อเห็นว่าคนดูเริ่มไม่ชอบใจ บรรดาผู้เข้าแข่งขันที่ตกรอบไปก่อนหน้านี้ก็รีบส่งเสียงโวยวายขึ้นมาเช่นกัน
พวกเขามาที่นี่ต่างก็วัดกันที่ฝีมือการทำอาหาร แล้วทำไมถึงต้องมาแพ้คนที่ใช้เส้นสายด้วย
“กรรมการต้องตัดสินอย่างยุติธรรม!”
ในระหว่างที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ลู่ฉิวเยว่ซึ่งเป็นชนวนเหตุของปัญหาก็มีสีหน้าเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง เธอถึงกับแอบหันไปชำเลืองมองฉินซือที่นั่งอยู่ในกลุ่มคนดูเป็นระยะ
เขามีใบหน้าบึ้งตึง เหมือนกับว่าไม่พอใจในการประท้วงครั้งนี้
เขาหันกลับมาสบตาเธอพอดี แล้วฉินซือก็ชะงักไป ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้และมีสีหน้าอ่อนโยนลง มีความอบอุ่นไม่ต่างจากดอกไม้บานในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ความเย็นชานั้นละลายหายไปในทันที
ลู่ฉิวเยว่รู้สึกหัวใจสั่นไหวจนต้องรีบมองไปทางอื่น
“พวกเราให้คะแนนอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว!” ชายชราผู้มีจอนผมสีขาวเป็นหัวหน้ากลุ่มคณะกรรมการระเบิดเสียงคำรามออกมาผ่านไมโครโฟน
เสียงของเขาดังและทรงพลังกังวานไปทั่วหอประชุม บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบทันที
เมื่อชายชราพูดออกมา กรรมการคนอื่น ๆ ก็พร้อมใจกันพยักหน้า “ผมขอเอาชื่อเสียงเป็นเดิมพันเลยว่าพวกเราให้คะแนนอย่างยุติธรรมที่สุดแล้ว ไม่มีการใช้เส้นสายอย่างแน่นอน!”
คณะกรรมการยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าตำแหน่งผู้ที่ได้คะแนนอันดับ 1 สมควรตกเป็นของลู่ฉิวเยว่โดยชอบธรรม
แต่ในทันใดนั้น หูของหญิงสาวก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะ เธอหันไปมองและได้เห็นกับใบหน้าของคนแปลกหน้า
คนผู้นั้นมีนามว่าเหลียงซิง เป็นผู้เข้าแข่งขันที่ได้เข้ารอบสุดท้ายมาพร้อมกับเธอ และเธอได้ยินมาว่าเขาเป็นลูกศิษย์คนสนิทของเชฟทำอาหารชื่อดังประจำเมืองอีกด้วย
แต่แล้วไงล่ะ
ลู่ฉิวเยว่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง เธอเดินไปยืนประจำตำแหน่งของตนเองด้วยความมั่นใจ ไม่สนใจสายตาเหยียดหยามของผู้ใดทั้งสิ้น
เหตุผลที่เธอไม่ตื่นตระหนกก็เพราะทราบดีว่าชายชราผู้เป็นหัวหน้าคณะกรรมการนั้นก็คือซูเต๋อเหนียน นักวิจารณ์อาหารชื่อดัง ในชาติที่แล้ว ลู่ฉิวเยว่เคยเห็นเขาออกทีวีอยู่หลายครั้ง และเขาก็เป็นคนดังมากในวงการอาหาร นอกจากจะมีความสามารถโดดเด่นแล้ว ยังขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์ร้ายอีกด้วย
ชายชราเป็นคนดื้อรั้น มักจะเชื่อมั่นในลิ้นของตัวเองเสมอ และไม่เคยสนใจภูมิหลังหรือครอบครัวของใครเลย
ตราบใดที่ชายชราคนนี้อยู่ที่นี่ ลู่ฉิวเยว่ก็จะต้องได้ตำแหน่งอันดับ 1 อย่างแน่นอน!
ลู่ฉิวเยว่ค่อนข้างชื่นชมท่านในชาติที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่อาจารย์ซูเสียชีวิตลงไปตอนที่เธอเริ่มมีชื่อเสียงพอดี ท่านจึงไม่เคยมีโอกาสได้ชิมอาหารฝีมือเธอมาก่อน
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ!” ไม่ทราบเลยว่าฉินซือเดินขึ้นมาบนเวทีตั้งแต่เมื่อไหร่ ในมือของเขาถือช่อดอกไม้มาด้วย เขาจ้องมองตาเธอและยิ้มออกมาเล็กน้อย
ลู่ฉิวเยว่ถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะหันไปเห็นว่าคนอื่น ๆ ก็ได้รับดอกไม้เช่นกัน เธอจึงเอื้อมมือไปรับช่อดอกทานตะวันของเขามาแต่โดยดี
นี่คือสิ่งที่เขามอบให้เธออย่างเปิดเผย
ลู่ฉิวเยว่เลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย “คุณขึ้นมาทำไม?”
ฉินซือหัวเราะออกมาเบา ๆ “ผมมามอบดอกไม้ให้แฟนไม่ได้หรือไง?” หลังจากพูดจบแล้ว เขาก็แกล้งทำตัวสุภาพ โอบไหล่เธอเบา ๆ ก่อนจะเดินลงจากเวทีไปหน้าตาเฉย
พิธีการมอบรางวัลจบลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เพิ่งเป็นเวลา 11:00 น. เท่านั้น
กลุ่มคนดูทยอยเดินทางกลับกันไปแล้ว แต่กลุ่มผู้เข้าแข่งขันยังคงอยู่
คณะกรรมการแต่ละท่านต่างก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการอาหาร จึงถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้รับคำแนะนำจากพวกท่าน
และในฐานะผู้ที่ทำคะแนนได้เป็นอันดับ 1 ลู่ฉิวเยว่จึงได้รับความสนใจมากที่สุด เธออยากจะเข้าไปพูดคุยกับอาจารย์ซู ดังนั้นเธอจึงเดินตามทุกคนไปยังที่นั่งของคณะกรรมการ
คณะกรรมการค่อนข้างประทับใจในฝีมือการทำอาหารของสาวน้อยผู้นี้ เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา พวกท่านก็ส่งเสียงหัวเราะและบอกให้เธอนั่งลงที่เก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งเพื่อพูดคุยกัน
“หมายเลข 3 …เธอชื่อลู่ฉิวเยว่ใช่ไหม?” ซูเต๋อเหนียนยิ้มออกมาด้วยความสดใส รอยตีนกาที่หางตาจึงเห็นได้ชัดเจน
เมื่อได้ยินดังนี้ ลู่ฉิวเยว่ก็พยักหน้ารับคำด้วยความดีใจ “ใช่แล้วค่ะ อาจารย์ซู ฉันชื่อลู่ฉิวเยว่ค่ะ!”
“ทำไมเธอถึงทำอาหารบ้าน ๆ ได้อร่อยขนาดนี้ล่ะ?” ซูเต๋อเหนียนถามออกมาด้วยความสงสัย คณะกรรมการอีกหลายท่านที่อยู่รอบข้างก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกท่านได้พบเห็นผู้เข้าแข่งขันทำเมนูอาหารบ้าน ๆ ออกมาได้อย่างมหัศจรรย์ถึงเพียงนี้
ลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบกลับไปเล็กน้อย “ถ้าสามารถควบคุมความร้อนและใช้มีดได้อย่างชำนาญ คนเราก็จะสามารถดึงความอร่อยของวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ ต่อให้มันจะเป็นเมนูอาหารธรรมดา แต่ก็จะมีความอร่อยที่ไม่ธรรมดาอีกแล้ว”
ซูเต๋อเหนียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เธอพูดถูกแล้ว แต่แทบจะไม่มีใครเลยที่สามารถควบคุมส่วนผสมได้อย่างแม่นยำเท่ากับเธอ นี่แสดงให้เห็นว่าเธอคงฝึกฝนมาหนักไม่ใช่น้อย”
คณะกรรมการคนอื่น ๆ ก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม มีผู้ใดบ้างจะไม่ชื่นชอบสาวน้อยที่มีฝีมือการทำอาหาร รักการเรียนรู้ และยังชอบการฝึกฝนอีกด้วย?
ลู่ฉิวเยว่กระแอมไอออกมาเล็กน้อย พูดด้วยความถ่อมตัวว่า “กรรมการทุกท่านชื่นชมฉันเกินไปแล้ว ฉิวเยว่ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะเลยค่ะ หวังว่าอาจารย์ทุกท่านจะให้คำแนะนำฉันได้บ้างนะคะ”
ไม่หลงระเริงไปกับชัยชนะ ไม่เศร้าไปกับความพ่ายแพ้ ในตอนนี้ แววตาที่อาจารย์ทุกคนจ้องมองมายิ่งมีความประทับใจมากขึ้น สาวน้อยคนนี้จะต้องกลายเป็นเชฟทำอาหารชื่อดังในอนาคตอย่างแน่นอน
ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็จ้องมองเธอด้วยความเคารพ ยกเว้นแต่เหลียงซิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ด้านหน้าสุด แววตาแสดงความเหยียดหยามไม่ปิดบัง
“ผู้เข้าแข่งขันเหลียง คุณมองแบบนี้ มีอะไรอยากจะพูดหรือเปล่า?” กรรมการคนหนึ่งหันไปเห็นเข้าพอดี จึงยิ้มเล็กน้อยและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ผมว่าที่คุณลู่เข้ามาแข่งในครั้งนี้ก็เพื่อจะมาฉวยโอกาสมากกว่า” เหลียงซิงพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น สีหน้ายิ่งแสดงความเหยียดหยามมากกว่าเดิม “ผมเองก็อยากจะเรียนรู้เรื่องมารยาเหมือนเธอบ้าง บางทีพวกอาจารย์อาจจะชอบอาหารของผมมากขึ้นก็ได้”
เมื่อถูกเด็กรุ่นหลังพูดจาก้าวร้าวใส่เช่นนี้ คณะกรรมการบางส่วนก็ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที
ในอดีต เหลียงซิงอาศัยความที่ตัวเองเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์ไป๋ จึงแทบไม่เคยเห็นหัวผู้ใดมาตลอด แต่ทุกคนก็นึกไม่ถึงเลยว่าชายหนุ่มจะกล้าแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาในวันนี้
ซูเต๋อเหนียนไม่ได้รู้สึกรำคาญใจ แต่กลับยิ้มเหยียดหยามออกมาและกล่าวว่า “ในเมื่อคุณเหลียงไม่พอใจ งั้นพวกเรามาวัดฝีมือกันเลยดีไหม?”
หลังจากพูดจบแล้ว ชายชราก็หันมามองที่ลู่ฉิวเยว่ “ไม่ทราบว่าเธอจะตกลงไหม?”
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า “ด้วยความยินดีเลยค่ะ”
แล้วผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคนก็จะต้องเลือกทำอาหารจากวัตถุดิบที่มีอยู่บนเวทีในการแข่งขันรอบพิเศษ
“เดี๋ยวคนอาจจะบอกได้ว่าผมรังแกคุณ งั้นผมจะให้คุณลู่เลือกก็แล้วกันว่าจะทำเมนูอะไร” เหลียงซิงเชิดคางขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคุณเหลียงมากค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอไม่ได้กลัวเกรงเลยสักนิดและเลือกที่จะทำเมนูเนื้อตุ๋นซอสแดง
“เยี่ยม!”
เหลียงซิงร้องออกมาด้วยความดีใจและอดสงสารความโชคร้ายของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ เพราะว่าเมนูที่เธอเลือกมานั้นเป็นเมนูที่เขาถนัดมากที่สุด ในวันนี้ เขากับเธอจะต้องมาแข่งกันทำอาหารในเมนูที่เขามีความชำนาญเป็นอย่างยิ่ง แล้วจะไม่ให้เขาสงสารเธอได้อย่างไร!
หลังจากพูดจบแล้ว การเตรียมวัตถุดิบก็เริ่มขึ้นทันที
กลุ่มคนดูเริ่มเข้ามาล้อมรอบผู้เข้าแข่งขันทั้งสองคน ผู้ชมบางส่วนที่กลับออกไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้งหลังทราบข่าว
หนึ่งในลูกศิษย์คนสนิทของเชฟร้านอาหารชื่อดังประจำเมืองกำลังจะแข่งทำอาหารกับผู้ที่ชนะอันดับ 1 ในการแข่งขันประจำวันนี้ นี่คือการประชันฝีมือกันระหว่างเทพเจ้าแห่งการทำอาหาร เป็นเรื่องราวที่ไม่สมควรพลาดด้วยประการทั้งปวง!