สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 12 ออกโรง (รีไรท์)
บทที่ 12 ออกโรง (รีไรท์)
บทที่ 12 ออกโรง (รีไรท์)
“ยังจะกล้าปกป้องลูกตัวเองอยู่อีกเรอะ? ไปอธิบายกับตำรวจดีกว่า ไปเดี๋ยวนี้!”
คนกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามามัดลู่เจี๋ยหรง
หญิงสาวกรีดร้องด้วยความตกใจ เลือดบนศีรษะกระเซ็นไปทั่วห้องเหมือนเกิดเหตุอาชญากรรม
ลุงลู่และภรรยาไม่สามารถหยุดพวกเขาได้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้ชาวบ้านพาตัวบุตรสาวไปส่งตำรวจ
“ลู่ฉิวเยว่ คนใจดำ! ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปแน่!”
…
“เยว่เยว่ ไปเชิญคุณฉินกับเลขาหวังมาทานอาหารเย็นได้แล้ว”
ขณะเดียวกัน คุณลุงกับป้าสะใภ้กำลังช่วยฉินซือจัดหาคนงาน พวกเขายุ่งมากจนตัวเป็นเกลียว พ่อแม่ของเธอไปช่วยเป็นครั้งคราว เรื่องทั้งหมดภายในบ้านจึงตกไปอยู่ที่ลู่ฉิวเยว่
“ค่ะ!” เธอตอบรับ จากนั้นจึงเช็ดมือแล้วเดินไปที่บ้านหลังถัดไป
ฉินซือทำงานเก่งตามความคาดหวังจากนายอำเภอ เช้าวันต่อมา หลังจากตรวจสอบเสร็จ เลขาหวังก็ได้ย้ายสัมภาระจำนวนมากเข้าไปในบ้านหลังติดกัน
ตอนนี้ลู่ฉิวเยว่เรียกพวกเขามากินข้าวสามมื้อต่อวันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
“เชฟลู่!”
เธอได้ยินเสียงเลขาหวังก่อนที่จะก้าวเข้าไปในลานบ้านเสียอีก
“ฉันมาเชิญพวกคุณไปทานอาหารเย็นน่ะค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ยิ้ม
หากมองไปที่ห้องนั่งเล่นจะพบว่าฉินซือออกมาจากห้องแล้ว เขาสงสัยว่าวันนี้เชฟลู่เตรียมอาหารอร่อยอะไรเอาไว้ให้ตนเองทานบ้าง
“ขอโทษที่ต้องให้มาตามนะ เชฟลู่ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้”
เสียงท้องร้องโครกครากดังชัดเจน เลขาหวังชักจอายจึงกระแอมไอแก้เขิน
ฉินซือสีหน้าไม่เปลี่ยนสี ชายหนุ่มเดินผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องการยอมรับว่าคนงี่เง่าคนนี้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
“หมุดที่ดินถูกปักแล้ว โรงงานจะเริ่มก่อสร้างได้ในอีกไม่กี่วัน” เขาพูดเบา ๆ
ลู่ฉิวเยว่พยักหน้า ลูกสาลี่มีอายุการเก็บรักษาเช่นกัน ยิ่งโรงงานเสร็จเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น
“คุณฉิน…” เธอเปิดปากทันที “ฉันต้องการเซ็นสัญญาเงินปันผลกับคุณเป็นการส่วนตัว”
บ้านใหญ่ตระกูลลู่ไม่ใช่คนดี ไม่นานมานี้ พวกเขามาคอยสอดส่องที่หมู่บ้านเยว่เหลียงหลายครั้งด้วยท่าทีว่ามีความคิดคดโกง
ถ้ารู้ว่าเธอมีหุ้นต้องเดือดร้อนแน่ ๆ
เมื่อถึงเวลานั้น ครอบครัวของพวกเธอจะยิ่งลำบากขึ้นกว่าเดิมถ้าต้องมานั่งกำจัดสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของครอบครัวออกไป
อีกอย่าง ยังมีคนชั่วอย่างเอ้อหม่านตี้ ถ้าเขารู้เรื่องหุ้น เขาอาจมีความคิดที่อยากจะทำอะไรชั่วร้ายขึ้นมาอีกก็เป็นได้
เรื่องนี้เหมือนกองไฟดึงดูดแมงเม่า เธอไม่ต้องการให้ตัวเองและครอบครัวตกอยู่ในอันตรายอีก
ฉินซือพยักหน้า “เดี๋ยวเรามาคุยกัน”
ชายหนุ่มหิวแล้ว ตอนนี้เขาสนใจแค่ว่าจะกินอะไรดีจึงหวังว่าผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาจะเดินเร็วขึ้น
ครอบครัวหนึ่งกำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุข แต่อีกฝั่งหนึ่ง อารองสวีกลับอารมณ์ไม่ดีเลย
เมื่อเห็นหลานชายกำลังเคี้ยวข้าวเสียงดังต่อหน้า เขาก็ยิ่งโกรธ
“กินให้มันดี ๆ หน่อยสิ แกนี่มันไม่ได้ดั่งใจเลยจริง ๆ!”
ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายคนนี้ เขาคงไม่ทำลายสัญญากับหมู่บ้านเยว่เหลียงโดยไม่ได้รับอนุญาต และเขาคงไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากผู้บังคับบัญชาที่ไม่ได้รับสาลี่ในจำนวนที่กำหนด
สิ่งที่เกลียดที่สุดคือหมู่บ้านเยว่เหลียง ทำไมต้องตั้งโรงงานบรรจุกระป๋องตอนที่เขากำลังเก็บเกี่ยวสาลี่ด้วย
สวีต้าหลินรู้สึกผิด เขาก้มหน้าลงและไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย
ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ “ในเมื่อหมู่บ้านเยว่เหลียงตั้งโรงงานเพื่อเก็บสาลี่ เราก็ปล่อยให้พวกเขาล้มเหลวไปสิ เมื่อถึงตอนนั้น เราจะมีสาลี่มากเท่าที่เราต้องการ และเราสามารถรวบรวมได้ในราคาไม่กี่เหมาด้วย”
ในเวลานั้น เขายังสามารถจับลู่ฉิวเยว่มาอยู่ในกำมือได้อีกด้วย
ตั้งแต่รู้ว่าลู่ฉิวเยว่ไม่ได้ถูกเอ้อหม่านตี้ล่วงเกิน สวีต้าหลินก็มองหน้าสวย ๆ ของเธอด้วยความคิดชั่วร้าย
เขาคิดถึงเธอในฝันทุกคืน ทั้งคันหัวใจ ทั้งร้อนรุ่มไปหมด
คนในหมู่บ้านเยว่เหลียงไม่รู้เลยว่าแผนการทำลายโรงงานได้เริ่มขึ้นแล้ว และพวกเขายังคงเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่สำหรับการเปิดโรงงานในอีกไม่กี่วัน
วันที่เริ่มก่อสร้างมีแดดจ้า ไม่เพียงแต่พวกของฉินซือและลู่ฉิวเยว่เท่านั้น แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็มาด้วย
เมื่อจุดประทัดเสร็จ ทุกคนก็กล่าวอวยพร นี่เป็นโครงการใหญ่ของหมู่บ้าน โรงงานขนาดใหญ่สามารถทำให้หมู่บ้านของพวกเขาร่ำรวยได้ ยิ่งหมู่บ้านของพวกเขาเป็นหมู่บ้านเดียวในสิบลี้แปดหมู่บ้านที่ได้รับเกียรตินี้ ไม่ว่าใครก็มีความสุข
ลู่ฉิวเยว่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนด้วยใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม โรงผลิตกระป๋องนี้ถือเป็นก้าวแรกในอาชีพของเธอ
ทว่าเรื่องกลับไม่ราบรื่นอย่างที่คิด
“หยุด ๆๆ พวกเรามาจากกรมที่ดิน”
เสียงตำหนิอย่างโกรธเกรี้ยวดังมาจากด้านหลัง ชาวบ้านหลายคนถูกผลักล้มลงกับพื้นโดยไม่ทันตั้งตัว
ฉินซือและลู่ฉิวเยว่ต่างก็ขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง
คนที่มาเป็นชายพุงป่องวัยกลางคน มีผู้ใต้บังคับบัญชาสองสามคนอยู่ข้างหลัง ท่าทีดูมุ่งร้าย
“ใครอนุญาตให้คุณสร้างโรงงานที่นี่ ออกไปให้หมด!”
“เราได้รับการอนุมัติแล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่” เลขาหวังพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“อนุมัติ? หลังจากการตรวจสอบในแล้ว การอนุมัติของคุณมีเงื่อนไขไม่ถูกต้อง!” รองผู้อำนวยการหลี่เย้ยหยัน
“คุณแน่ใจนะว่าการขอคำร้องของพวกเราไม่ถูกต้องจริง ๆ?” ลู่ฉิวเยว่รู้สึกขบขัน พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คนเดียวที่สามารถเชิญสำนักงานที่ดินให้ทำเรื่องเสียหายแบบนี้ได้คือสวีต้าหลินและอารองของเขา
รองผู้อำนวยการหลี่เอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์ “ใช่! สำนักงานที่ดินทำทุกอย่างตามที่ฉันพูด! หากคุณต้องการเริ่มการก่อสร้าง คุณต้องจ่ายเงินให้สำนักงานที่ดิน 50,000 หยวนก่อน”
“จ่าย 50,000 หยวนให้สำนักงานที่ดินเหรอ ฉันเกรงว่าเงินทั้งหมดคงเข้ากระเป๋าพวกคุณต่างหาก!” คนรอบ ๆ หัวเราะ
ใบหน้าของรองผู้อำนวยการหลี่บึ้งตึง เขากัดฟันจ้องมองชายคนนั้นเขม็ง
“ไปทำงานต่อ” ฉินซือไม่ใส่ใจที่จะพูดคุยกับคนต่ำต้อย เขากวักมือเรียกคนงานกลุ่มหนึ่งให้เข้ามาหา “เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้เอง”
“รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” รองผู้อำนวยการหลี่ไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อน เขาทั้งหงุดหงิดทั้งโกรธ เด็กเหลือขออย่างอีกฝ่ายกล้าเพิกเฉยต่อเขาได้อย่างไร
“คุณจะเอายังไง” ฉินซือเย้ยหยัน ก่อนจะมองเขาอย่างเฉยเมย
เสียงของเขาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง กลิ่นอายแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาทำเอารองผู้อำนวยการหลี่ตกใจ
หลังจากแสดงปฏิกิริยาแล้ว เขาก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น “เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้แกทำงานบนที่แห่งนี้แน่!”
เลขาหวังที่ยืนฟังอยู่ใกล้ ๆ อดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ใครเล่าจะกล้าพูดแบบนี้กับเจ้านายเขา
แม้แต่นายอำเภอก็ยังต้องปฏิบัติต่อเจ้านายด้วยความสุภาพ แต่จู่ ๆ คนโง่ที่ไม่รู้จักฟ้าจักดินกลับมาอวดเบ่งบารมีเสียนี่
เขาชี้คนงี่เง่าที่กำลังพูดเรื่องไร้สาระด้วยท่าทีขยะแขยง “จับมันโยนออกไปเร็ว ๆ อย่าให้แสลงตาเจ้านายของพวกเราอีก!”
คนงานรีบวิ่งไปข้างหน้า รองผู้อำนวยการหลี่และสมุนของเขาถูกลากออกไปอย่างไร้ความปราณี สถานที่ก่อสร้างจึงกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ลุงของลู่ฉิวเยว่รู้สึกโดนถอนผมหงอกด้วยเรื่องตลกพวกนี้ เขาจึงไม่ยอมจบง่าย ๆ
บ่ายวันนั้น ความจริงก็เปิดเผย มันเหมือนที่ลู่ฉิวเยว่คาดไว้ สวีต้าหลินและอาของเขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ในที่สุดก็มีคนจากเมืองหลวงเข้ามาลงทุน นายอำเภอปรารถนาให้หวังฟู่กุ้ยสามารถกุมฉินซือไว้ในมือได้
ถ้าไม่ใช่เพราะติดงานสำคัญ วันนี้เขาก็คงมาร่วมพิธีเปิดการก่อสร้างโรงงานเช่นกัน
เมื่อได้ยินเลขาหวังรายงานว่ามีคนก่อกวนพิธีเปิดการก่อสร้างโรงงาน นายอำเภอก็โกรธจนควันขึ้นหัว เขาเรียกตัวรองผู้อำนวยการหลี่มาเข้าพบ ก่อนจะตะโกนใส่ว่า
“ไอ้โง่! แกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? นั่นคือผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของอำเภอเรา ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อเชิญเขามา แกคิดบ้าอะไรอยู่ ถึงไปก่อกวนเขาแบบนั้น!”
เกือบจะมีปัญหาใหญ่แล้วไหมล่ะ!
รองผู้อำนวยการหลี่สะดุ้ง เหงื่อเย็นไหลจากหน้าผากจนชุ่มคอเสื้อ
“ผมผิดไปแล้วครับเจ้านาย ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง เห็นแก่ที่ผมทำงานหนักเพื่ออำเภอมาหลายปีแล้ว ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะ” เขาว่าพลางน้ำตาไหล
“ออกไป!” นายอำเภอกัดฟัน พลางครุ่นคิดว่าจะนำเจ้าหน้าที่ทุจริตคนนี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร
จะปล่อยไปงั้นเหรอ? ฝันเถอะ!
ส่วนรองผู้อำนวยการหลี่มีความสุขมาก เขารีบจากไปก่อนนายอำเภอจะเปลี่ยนใจ
…
“สวีต้าหลิน! ไอ้นรก แกกล้าดียังไงมาทำให้ฉันต้องเดือดร้อนแบบนี้”
สวีต้าหลินถูกรองผู้อำนวยการหลี่ตบ จิตใจของเขาพลันปั่นป่วน
ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกชื่อได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธด้วยความร้อนรน “ผมเปล่านะครับ!”
“แกรู้ไหมว่าใครเป็นผู้ดูแลโรงงาน? เขาเป็นคนใหญ่คนโตจากเมืองหลวง แม้แต่นายอำเภอก็ยังสนับสนุนเขา แกกล้าดียังไงมายุให้ฉันทำลายการสร้างโรงงานแห่งนี้? สวีต้าหลิน จำเอาไว้ให้ดี! แกจะต้องตายด้วยมือของฉัน!” รองผู้อำนวยการหลี่ด่าและเตะชายหนุ่มอย่างแรงที่หน้าอก
สวีต้าหลินตกใจ เขาไม่กล้าที่จะต่อต้าน ทำได้เพียงนึกเกลียดลู่ฉิวเยว่อยู่ในใจ
ทั้งหมดเป็นความผิดของนังนั่น!