สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 115 เกิดเหตุขึ้นกับพ่อของลู่ฉิวเยว่
บทที่ 115 เกิดเหตุขึ้นกับพ่อของลู่ฉิวเยว่
คำพูดเหล่านั้นร้ายกาจเสียจนม่อป๋อซงยังตกตะลึง เขาอยากจะหยุดภรรยา แต่หญิงสาวพูดเร็วมากจนเขาไม่สามารถห้ามได้อีกแล้ว
แม่ของลู่ฉิวเยว่ตัวสั่นด้วยความโกรธและรีบขับไล่แขกออกไปทันที
เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินเซียวก็คิดว่าตนเองต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว เธอโกรธแค้นขึ้นมาทันที หลายปีที่ผ่านมา ขนาดพ่อแม่ยังไม่กล้าชี้นิ้วว่าเธอเลยด้วยซ้ำ แล้วแม่ของลู่ฉิวเยว่กล้าดีอย่างไรมาไล่เธอ!
ฉินเซียวพุ่งเข้าไปคว้าแขนแม่ของลู่ฉิวเยว่และยื้อยุดฉุดกระชากกันนัวเนีย
พ่อของลู่ฉิวเยว่กับม่อป๋อซงกลัวเหตุการณ์นี้เป็นที่สุด พวกเขาพยายามเข้าไประงับเหตุ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะใช้เรี่ยวแรงมากเพียงใด ก็ไม่สามารถแยกหญิงสาวต่างวัยทั้งสองคนออกจากกันได้อีกแล้ว มิหนำซ้ำ พวกเขายังถูกลูกหลงโดนตบหน้าไปอีกหลายฉาดด้วย
จังหวะนั้นเอง ฉินเซียวรู้สึกได้ว่ามีคนจะเดินเข้ามากระชากตัวเธอ หญิงสาวจึงหันกลับไปผลักออกตามสัญชาตญาณ แล้วเธอก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวินาทีต่อมา
เนื่องจากพ่อของลู่ฉิวเยว่มีขาไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว เมื่อถูกหญิงสาวผลักโดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็กลิ้งกระเด็นตกบันไดไปทันที
เลือดไหลทะลักนองเต็มพื้นและยังมีเลือดไหลออกมาจากศีรษะของเขาอีกด้วย
แม่ของลู่ฉิวเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัว ใบหน้าขาวซีด รีบวิ่งเข้าไปหาสามีอย่างรวดเร็ว พ่อของลู่ฉิวเยว่หมดสติไปแล้ว ไม่ว่าเรียกเท่าไหร่ ก็ไม่ตอบสนองอีกต่อไป
“ฉันไม่ได้ทำนะ…ฉันไม่ได้ทำ!” ฉินเซียวได้แต่ส่ายหน้าด้วยความร้อนรน กระตุกชายเสื้อสามีและร้องไห้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจ เขาจะเข้ามากระชากตัวฉันก่อน ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้…”
ม่อป๋อซงได้แต่จับมือภรรยาและปลอบโยนเธออยู่ตรงนั้น
“พวกเรารีบไปกันเถอะ! รีบไปกันก่อนดีกว่า!” ฉินเซียวกระตุกชายเสื้อสามีอย่างเร่งเร้า
ม่อป๋อซงจ้องมองชายที่นอนอยู่บนพื้นด้วยความลังเลใจ พวกเขาไม่ควรรีบกลับไป อย่างน้อยก็ต้องส่งพ่อของลู่ฉิวเยว่ไปโรงพยาบาลเสียก่อน
เมื่อเห็นสามีไม่ยอมไป ฉินเซียวก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกด้วยความหวาดกลัวเพียงลำพัง เธอแค่อยากจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
“ฉินเซียว!” ม่อป๋อซงร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เมื่อเห็นภรรยาวิ่งหนีไปแล้ว เขาก็ลังเลใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็วิ่งตามไป
วันนี้ ซงเสิ่งเดินทางมาสั่งเมล็ดแตงโมทอดอีกล็อตใหญ่ ลู่ฉิวเยว่เดินทางกลับมาถึงที่บ้านอย่างมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ในมือของเธอหิ้วถุงผักมาด้วย หญิงสาวตั้งใจจะกลับมาฉลองที่บ้าน แต่เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได เธอก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น
มีรอยคราบเลือดกองใหญ่เปื้อนอยู่ตรงตีนบันได สะดุดตาเธอเป็นอย่างยิ่ง
ลู่ฉิวเยว่กลืนน้ำลายด้วยความตึงเครียด รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาชอบกล
วินาทีต่อมา พี่สาวข้างบ้านก็เปิดประตูออกมาและก็ตกใจที่เห็นลู่ฉิวเยว่
“พ่อของเธอยังอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอกลับมาแล้วล่ะ?”
ลู่ฉิวเยว่หัวใจสั่นไหว รีบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
ในชีวิตทั้งสองชาติภพของเธอ นี่คือครั้งแรกที่ลู่ฉิวเยว่ตื่นกลัวขนาดนี้
เมื่อลู่ฉิวเยว่ไปถึงโรงพยาบาล พ่อของเธอก็ได้สติขึ้นมาแล้ว เขากำลังนั่งพิงหัวเตียงพูดคุยกับภรรยา ซึ่งประตูห้องยังปิดอยู่ จึงไม่มีใครได้ยินว่าทั้งสองคนพูดคุยอะไรกัน
“พ่อคะ!” ลู่ฉิวเยว่เปิดประตูอย่างนุ่มนวลและเดินเข้ามา เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ต่างก็หันมามองที่เธอพร้อมกัน
แม่ของเธอยิ้ม พยายามพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเป็นการปลอบประโลม “ลูกคงตกใจแย่เลยสินะ”
ลู่ฉิวเยว่ส่ายหน้า “พ่อเป็นยังไงบ้างคะ?”
“แค่หัวกระแทกนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอก ลูกไม่ต้องกังวล คุณหมอรักษาได้” แม่ของลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมา
“แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมถึงตกบันไดได้คะ?” ลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว พ่อของเธอขาไม่ดี ในอดีตเวลาขึ้นลงบันไดก็มักจะระวังตัวเสมอ เธอจึงไม่เชื่อว่าท่านจะพลัดตกจากบันไดมาด้วยตนเอง
คนเป็นแม่พึมพำอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก่อนจะกัดฟันและบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น หัวใจของลู่ฉิวเยว่ร้อนผ่าวขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นทันที ก่อนหน้านี้ เธอเคยได้ยินมาแล้วว่าฉินซือมีพี่สาว แต่เธอคิดไม่ถึงเลยว่าพี่สาวของเขาจะเป็นคนเช่นนี้
หลังจากผลักพ่อเธอตกบันไดแล้ว พี่สาวของฉินซือก็ไม่ได้ช่วยพาพ่อเธอส่งโรงพยาบาลแต่อย่างใด ผู้หญิงคนนั้นรีบหลบหนีไปเพราะกลัวความผิด! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าลุงข้างบ้านช่วยแม่เธอนำตัวพ่อส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา เรื่องที่เลวร้ายมากกว่านี้อาจจะเกิดขึ้นก็เป็นได้!
“ฉินซือไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วยใช่ไหมคะ?” ลู่ฉิวเยว่พยายามสะกดความโกรธแค้นในใจอยู่พักใหญ่และถามออกมาเพื่อปกป้องฉินซือ
พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่พยักหน้า แน่นอนว่าฉินซือต้องไม่รู้เรื่องนี้
ฉินซือเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมา ถ้าเขาได้รู้เรื่องนี้มาก่อน เขาจะต้องเตือนลู่ฉิวเยว่ล่วงหน้าอย่างแน่นอน และทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่เผชิญหน้ากันอย่างรุนแรงเช่นนี้
นอกจากนี้ พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่ก็รู้ดีว่าลูกสาวของตนเองรักฉินซือ จึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเลิกลากันอย่างกะทันหัน
“แต่จะว่าไป” แม่ของลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว พูดด้วยความเป็นกังวล “พี่สาวของเขาดูเป็นคนร้ายกาจมาก เยว่เยว่ แม่รู้ว่าลูกรักฉินซือ แต่ลูกน่าจะลองคิดดูให้ดี การแต่งงานระหว่างพวกลูกอาจจะไม่ใช่เรื่องที่สมควร…”
พ่อของเธอก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ลู่ฉิวเยว่ก็พยักหน้าเช่นกัน หลังจากรับฟังคำพูดของพ่อแม่แล้ว เธอก็ตอบว่า “พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูเข้าใจดี”
ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก ฉินซือตั้งใจจะไปกินมื้อกลางวันที่บ้านตระกูลลู่ แต่เขาก็ต้องรีบมาที่โรงพยาบาลทันทีที่ได้ทราบข่าว เขาไม่คิดเลยว่าจะได้ยินตระกูลลู่ปรึกษากันเรื่องนี้
เขาไม่เคยคิดเลยว่าพี่สาวของตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ!
“คุณลุง คุณป้าครับ ผมขอโทษด้วยนะครับ ผมดูแลเรื่องในครอบครัวได้ไม่ดีพอ เรื่องนี้ผมจะต้องมีคำอธิบายมาให้อย่างแน่นอน! ผมจะบอกให้พี่ฉินเซียวมาขอโทษคุณลุง” หลังจากพูดจบแล้ว ฉินซือก็โค้งคำนับด้วยความนอบน้อม “พ่อแม่ของผมชอบฉิวเยว่มาก สิ่งที่พี่สาวผมพูดออกมามีแต่คำโกหก ทุกคนอย่าเข้าใจผิดเลยนะครับ”
พ่อของลู่ฉิวเยว่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เธอจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม มานั่งคุยกันเถอะ”
ฉินซือลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปพร้อมกับวางจานผลไม้ที่ตนเองซื้อมาลงบนโต๊ะข้างเตียง
แต่เขาก็ยังไม่นั่งลง
“ฉินซือ ลุงกับป้ารู้ว่าเธอมีเจตนาดี แต่ว่า…” แม่ของลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเป็นกังวล
ฉินเซียวดูเป็นคนใจร้อนวู่วาม ถ้าถูกฉินซือบังคับให้มาขอโทษ ฉินเซียวย่อมเกิดความไม่พอใจอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น พี่น้องก็จะทะเลาะกันเอง พ่อแม่ของฉินซือก็จะต้องไม่พอใจอย่างแน่นอน
“คุณลุงกับคุณป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการเรื่องนี้เอง” ฉินซือโมโหจนไม่มีหน้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากพูดคุยได้ไม่กี่คำ เขาก็รีบเดินทางกลับ
ลู่ฉิวเยว่ไม่ได้พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ เธอยังรู้สึกโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเซียว พ่อของเธอก็ไม่ต้องพบเจอเรื่องราวแบบนี้หรอก
คุณแม่ที่เห็นแบบนั้นก็บอกให้ลูกสาวเดินออกไปหาฉินซือ แต่ลู่ฉิวเยว่หันหน้าหนีไปทางอื่นและไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
เมื่อฉินซือออกมาจากโรงพยาบาล เขาก็เปิดประตูขึ้นรถยนต์และขับรถตรงไปที่บ้านทันที
บ้านตระกูลฉิน
พ่อแม่ของฉินซือกำลังสวมกอดฉินเซียวด้วยความดีอกดีใจ ในขณะที่ม่อป๋อซงนั่งเงียบอยู่บนโซฟาด้านข้าง
วันนี้สองหนุ่มสาวดูใจลอยผิดปกติ
ไม่ว่าผู้เป็นแม่จะถามอะไรออกมา ลูกเขยและลูกสาวก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย เธอนึกว่าทั้งสองคนทะเลาะกัน จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้ถอยกันคนละก้าว
“ปัง!”
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรง ฉินซือกลับมาแล้ว!
พ่อแม่ของเขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ฉินซือเป็นคนใจเย็นเสมอมา แล้วทำไมวันนี้ถึงได้ทำตัวแบบนี้?
พ่อของเขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉินซือก็เดินมาถึงที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว
“พี่ฉินเซียว! พี่ไปที่บ้านตระกูลลู่ทำไม! พี่มายุ่งเรื่องของผมทำไม!” เขาคำรามด้วยความโมโห
ฉินเซียวรู้สึกผิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เธอก็เกือบร้องไห้ออกมาทันที ทำได้เพียงนั่งห่อตัวอยู่บนมุมโซฟาเท่านั้น