สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 114 เลิกเกาะแกะฉินซือได้แล้
บทที่ 114 เลิกเกาะแกะฉินซือได้แล้ว
เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ซูซูลาออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงาน เธอเคยอยู่ในร้านอาหารมาหลายแห่ง ลู่ฉิวเยว่เป็นเจ้านายที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเจอ
พนักงานได้เงินเดือนสูงและได้รับความเคารพ
ฉินเซียวไม่อยากจะเชื่อ เธอไม่เคยเห็นเจ้านายที่ไหนดูแลลูกน้องดีแบบนี้มาก่อน ฉินเซียวคิดว่าเด็กเสิร์ฟคนนี้คงตั้งใจยกยอปอปั้นเจ้านายของตัวเองจนเกินจริงต่างหาก
ฉินเซียวยังคงมีสีหน้าเย็นชาและไม่พูดอะไร
ซูซูไม่ทราบถึงอารมณ์ของอีกฝ่าย เด็กสาวจึงพูดชื่นชมลู่ฉิวเยว่ต่อไป
“นอกจากคุณลู่จะหน้าตาสะสวยแล้ว เธอยังเป็นคนที่มีความสามารถมาก ๆ เลยค่ะ ฉันได้ข่าวว่าเธอทำเมล็ดแตงโมทอดขายดีมาก แต่ละครั้งขายได้หลายร้อยกิโลกรัม แล้วดูเหมือนเธอจะรู้พวกเรื่องเครื่องจักรกลอีกด้วย…”
เมื่อได้ยินถึงเรื่องเครื่องจักรกล ฉินเซียวก็หัวเราะเยาะออกมาทันที “ไม่เอาน่า เธอจะอวยเจ้านายตัวเองยังไงก็ให้มีความจริงหน่อยเถอะ ผู้หญิงบ้านนอกอย่างลู่ฉิวเยว่จะเข้าใจเรื่องเครื่องจักรกลได้ยังไง อ่านหนังสือยังไม่น่าจะออกเลยด้วยซ้ำ!”
คำพูดของผู้หญิงคนนี้ไม่ต่างจากน้ำเย็นที่ราดรดลงบนศีรษะของซูซู ใบหน้าของเด็กเสิร์ฟสาวเย็นชาขึ้นมาในทันใด “คุณคะ ได้โปรดระมัดระวังคำพูดด้วยค่ะ!”
ลู่ฉิวเยว่เป็นบุคคลต้นแบบในใจเธอ เป็นคนที่เธอให้ความเคารพมากที่สุด ซูซูอยากจะเป็นเหมือนลู่ฉิวเยว่ในอนาคต แล้วเธอจะให้คนอื่นมาดูถูกลู่ฉิวเยว่ง่าย ๆ ได้อย่างไร
“แล้วไงล่ะ? ฉันพูดไม่ถูกตรงไหน? เจ้านายเธอเป็นแค่ผู้หญิงบ้านนอก แล้วก็ยังเป็นคนหน้าไม่อายที่แย่งแฟนคนอื่นด้วย!”
“คุณพูดเหลวไหลอะไรของคุณ!” ซูซูโกรธจนอยากจะฉีกกระชากร่างของอีกฝ่ายออกเป็นชิ้น ๆ
ฉินเซียวเดือดดาลมากยิ่งขึ้น “ทำไม? เธอจะทำอะไร? เจ้านายของเธอเป็นนางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริง ๆ นี่นา เจ้านายของเธอพยายามเข้าหาครอบครัวของฉินซืออยู่ทุกวัน เจ้านายของเธอเกาะติดเขาไม่ยอมปล่อย หน้าไม่อายสิ้นดี!”
ซูซูเข้าใจได้โดยทันทีว่าคุณผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นญาติของฉินซือและอีกฝ่ายก็คงไม่ชอบเจ้านายของเธอสักเท่าไหร่
ซูซูหัวเราะเยาะตอบกลับไปและคิดว่ามันเป็นเรื่องตลก “เจ้านายของฉันเนี่ยนะที่เกาะติดฉินซือ คุณพูดอะไรของคุณคะ? ฉินซือเป็นคนที่มาเกาะติดเจ้านายของพวกฉันต่างหาก! เขามาที่ร้านของพวกเราทุกวัน แล้วเขาก็ขี้หึงด้วย!”
ขี้หึงอย่างนั้นเหรอ?
ฉินเซียวและสามีไม่อยากเชื่อเลยว่าฉินซือจะเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ แต่เด็กเสิร์ฟสาวคนนี้ก็มีสีหน้าหนักแน่น ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับว่านี่เป็นความจริง
ฉินเซียวกัดฟันกรอด รู้สึกอับอายในตัวของน้องชายขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“นั่นก็เป็นเพราะนางจิ้งจอกลู่ฉิวเยว่ยั่วยวนฉินซือก่อน ไม่งั้นฉินซือจะตกอยู่ในสภาพนี้ได้ยังไง? เจ้านายของเธอเป็นผู้หญิงหิวเงิน เป็นพวกที่ชอบเข้าหาคนรวย ๆ น่ะสิ!”
ในหัวใจของฉินเซียว ลู่ฉิวเยว่ก็คงเป็นพวกผู้หญิงที่ชอบเข้าหาคนรวยทั่วไป
แต่นั่นกลับกลายเป็นเรื่องตลกที่ซูซูขบขันมากที่สุดในปีนี้
“คุณเอาแต่พูดว่าเจ้านายของเราเป็นนักขุดทอง แต่ครอบครัวของคุณคงมีเงินไม่สู้ครอบครัวของเจ้านายฉันหรอกค่ะ ถ้าเรื่องของความร่ำรวย เจ้านายของพวกเราไม่แพ้ใครอยู่แล้ว!” เด็กเสิร์ฟอีกคนหนึ่งทนไม่ไหวจึงต้องเดินเข้ามาช่วยพูดด้วยเช่นกัน
ฉินเซียวโกรธแค้นจนอยากจะโต้แย้งกลับไป แต่ม่อป๋อซงก็ห้ามเอาไว้เสียก่อน “คุณไม่ควรมาดูถูกใครในที่ของพวกเขานะ”
กลุ่มเด็กเสริฟจ้องมองเธอด้วยแววตาดุร้าย ม่อป๋อซงมั่นใจว่าถ้าภรรยาของตนเองกล้าพูดอะไรออกมาอีกแม้แต่คำเดียว กลุ่มเด็กเสิร์ฟก็คงพร้อมใจกันรุมเข้ามาแน่ ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็รู้สึกสงสัยในตัวของหญิงสาวที่ชื่อลู่ฉิวเยว่คนนี้อยู่เหมือนกัน ทำไมพนักงานในร้านอาหารถึงปกป้องเธอขนาดนี้
“เอาล่ะ งั้นเรามาลองชิมอาหารดูหน่อยเป็นไง” ม่อป๋อซงปลอบโยนภรรยาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เมื่อเขาได้ลองชิมแล้ว ชายหนุ่มก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป แม้แต่เชฟในร้านอาหารใหญ่ ๆ ในตัวเมืองก็ยังทำไม่อร่อยเท่านี้เลยด้วยซ้ำ
โชคดีที่ฉินเซียวเป็นคนมีเหตุผลอยู่บ้าง เมื่อเธอได้ยินคำทัดทานจากสามี หญิงสาวก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
ฉินเซียวลองรับประทานไข่ตุ๋นเป็นอย่างแรก
เธอรอคอยมาตลอดช่วงเช้าและโต้เถียงกับเด็กเสิร์ฟสาวอยู่เมื่อสักครู่ ตอนนี้จึงรู้สึกหิวจนปวดท้องไปหมดแล้ว
ขนาดไข่ตุ๋นเย็นแล้วยังอร่อยขนาดนี้ ถ้ารับประทานตอนร้อน ๆ จะอร่อยขนาดไหนนะ?
ฉินเซียวอดคิดขึ้นมาไม่ได้
แต่เธอก็รีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ถึงแม้อาหารจะอร่อย แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนร้ายกาจอยู่ดี!
“ไม่กินแล้ว!” เธอวางตะเกียบลงอย่างรุนแรง ก่อนจะหยิบกระเป๋าและเดินออกไปข้างนอก ถ้าเธออยู่ในร้านนานมากกว่านี้ เธอต้องอกแตกตายแน่ ๆ
ม่อป๋อซงไม่มีทางเลือกนอกจากจ่ายเงินค่าอาหารและเดินตามภรรยาออกไป เขาคุ้นเคยกับความอารมณ์ร้อนของเธออยู่แล้ว
“จะกลับบ้านเลยเหรอ?” เมื่อเดินไปถึงที่รถ ม่อป๋อซงก็พบว่าภรรยาเข้าไปนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับเรียบร้อยแล้ว เขาจึงนั่งประจำตำแหน่งหลังพวงมาลัยอย่างคล่องแคล่ว
เมื่อชายหนุ่มสตาร์ตรถเรียบร้อย หญิงสาวก็หัวเราะออกมาด้วยความเย็นชา “ใครบอกคุณว่าฉันจะกลับบ้าน? พวกเราจะไปบ้านตระกูลลู่!”
ม่อป๋อซงขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้าน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขับรถไปตามทิศทางที่เธอบอก
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าฉินเซียวจะสืบข้อมูลที่อยู่ของลู่ฉิวเยว่มาเรียบร้อยแล้วจากป้าแม่บ้านในร้านอาหารเมื่อเช้านี้
เพราะพวกเขาขับรถไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างรวดเร็ว
ณ บ้านตระกูลลู่
พ่อแม่ของลู่ฉิวเยว่กำลังนั่งรับชมโทรทัศน์อยู่บนโซฟา ในเวลาเดียวกันนั้นก็ช่วยกันจัดแจงวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร เพื่อที่ลูกสาวกลับบ้านมาเมื่อไหร่ ก็จะได้เข้าครัวทำอาหารได้ทันที
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสียงหัวเราะในโทรทัศน์ พ่อของลู่ฉิวเยว่ได้ยินอย่างชัดเจนจึงหันไปมองด้วยความประหลาดใจ “ใครมากันนะ?”
พูดจบแล้วเขาก็เดินกะเผลกไปเปิดประตู
“พวกคุณเป็นใคร?” เมื่อเห็นคนแปลกหน้าสองคนยืนอยู่หน้าประตู พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ แต่เขาสังเกตเห็นว่าผู้หญิงหน้าตาคล้ายกับฉินซือ จึงพอจะคาดเดาคำตอบได้
“สวัสดีครับ ผมม่อป๋อซงเป็นพี่เขยของฉินซือ ส่วนผู้หญิงคนนี้คือฉินเซียว เป็นพี่สาวของฉินซือครับ” ม่อป๋อซงรับหน้าที่แนะนำตัวพร้อมกับยิ้มกว้าง
พ่อของลู่ฉิวเยว่ยิ้มตอบกลับไปแล้วเปิดประตูด้วยความกระตือรือร้น “ยังหนุ่มยังสาวกันอยู่เลยนะครับ เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อนครับ”
เขาพอใจในตัวของฉินซือเป็นอย่างยิ่ง จึงรู้สึกดีกับม่อป๋อซงและฉินเซียวตั้งแต่แรกเห็น
แต่สิ่งที่ทำให้ชายวัยกลางคนประหลาดใจเล็กน้อยก็คือ ทำไมหน้าตาของพี่สาวฉินซือถึงดูไม่ค่อยสบอารมณ์แบบนั้น
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา เธอก็พูดว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อจะคุยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างฉินซือของพวกเรากับลู่ฉิวเยว่ของคุณ”
พ่อของลู่ฉิวเยว่ขมวดคิ้ว “คุณฉิน หมายความว่ายังไงกันครับ?”
“คุณไม่รู้หรือคะว่าฉันหมายความว่ายังไง? ฉันอยากให้คุณช่วยดูแลลู่ฉิวเยว่ให้ดีหน่อย อย่าให้เธอมาเกาะแกะฉินซือกับครอบครัวของฉันอีก เป็นหมาจะเข้ามาอยู่บ้านคนได้ยังไงคะ ฉินซือเป็นพวกใจดี ปฏิเสธใครไม่ค่อยเป็น งั้นฉันจะพูดให้ชัดเจนเลยแล้วกัน อายุปูนนี้แล้วก็น่าจะเข้าใจดีนะคะ”
น้ำเสียงของหญิงสาวบอกชัดถึงความเหยียดหยาม พ่อของลู่ฉิวเยว่ย่อมรักลูกสาวมากกว่าใคร แล้วเขาจะทนฟังได้อย่างไร เขาคำรามกลับไปว่า “คุณจะบอกว่าลูกสาวของผมเนี่ยนะต่ำต้อย? จะบอกว่าลูกสาวผมหวังเงินจากน้องชายคุณงั้นสิ? ถ้าคุณสงสัยแบบนั้น ก็ให้ฉินซือเป็นคนพูดออกมาเองเถอะ!”
“ฉินซือต่างหากที่เป็นคนมายุ่งกับลูกสาวของเรา อย่าได้คิดนะว่าทุกคนจะอยากได้เงินของคุณกันไปหมด!” แม่ของลู่ฉิวเยว่เดินออกมาพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่สีหน้าขุ่นเคืองใจเล็กน้อย
ฉินเซียวมีชีวิตอย่างสุขสบายมาครึ่งชีวิต แล้วเธอจะเคยถูกผู้ใดกล้าโต้เถียงอย่างนี้มาก่อนได้อย่างไร เมื่อได้ยินคำตอบโต้ของสองสามีภรรยา ฉินเซียวก็โกรธจนควันออกหู ยกมือชี้หน้าทั้งสองคน และตวาดว่า
“นางจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างลู่ฉิวเยว่ ถ้าไม่ได้อยากได้เงินของฉินซือแล้วเธอยังจะอยากได้อะไรอีก? ลูกสาวของพวกคุณเป็นแค่ผู้หญิงไม่มียางอาย ชอบแย่งแฟนคนอื่นก็เท่านั้น!”