สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 113 พี่สาวของฉินซือ
บทที่ 113 พี่สาวของฉินซือ
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความคิดของซงเสิ่งเท่านั้น ลู่ฉิวเยว่ที่มีงานยุ่งวุ่นวายอยู่ทุกวันจะสามารถรับลูกชายของเขาเป็นศิษย์ได้อย่างไร
และเพื่อขอบคุณที่เธอเสนอแผนกระตุ้นการขายที่ยอดเยี่ยมนี้มาให้ ซงเสิ่งจึงนำของขวัญไปมอบให้เธอถึงที่บ้าน
“เถ้าแก่ซงเกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ” ลู่ฉิวเยว่ได้ยินเจตนาของเขาอย่างชัดเจน จึงได้แต่โบกมือปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า “ฉันเองก็ได้ประโยชน์จากการที่คุณขายเมล็ดแตงโมพวกนั้นเหมือนกันค่ะ”
ครั้งนี้เธอได้เงินมาเยอะมาก
ซงเสิ่งยิ้มอย่างอบอุ่น “แต่ผมก็ควรขอบคุณอยู่ดีครับ”
พวกเขานั่งลงบนโซฟาและพูดคุยกันอยู่พักหนึ่ง ลู่ฉิวเยว่มองนาฬิกาและพบว่าเป็นเวลา 11:30 น. แล้ว เธอจึงเชิญให้ซงเสิ่งอยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างอบอุ่น
พ่อของลู่ฉิวเยว่ก็แนะนำว่ายิ่งมีคนรับประทานเยอะเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งดีมากเท่านั้น
วันนี้แม่ของลู่ฉิวเยว่ทานอาหารอยู่ที่ร้าน ฉินซือก็มีงานยุ่ง เขาบอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันก่อนว่าวันนี้เขาจะเดินทางไปทำธุรกิจต่างเมือง ดังนั้นเขาจึงกลับมาไม่ได้ ที่บ้านจึงมีเพียงสองพ่อลูกเท่านั้นที่รับประทานอาหารกันตามลำพัง
เมื่อถูกสองพ่อลูกเกลี้ยกล่อม ซงเสิ่งก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อีกต่อไป สุดท้ายเขาก็ต้องอยู่รับประทานอาหารกลางวันด้วย
เขารู้ว่าลู่ฉิวเยว่เป็นคนพัฒนาสูตรทำเมล็ดแตงโมทอด จึงเดาว่าฝีมือการทำอาหารของเธอต้องไม่เลวร้ายอย่างแน่นอน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะมีฝีมือการทำอาหารยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้
เนื้อตุ๋นถูกนำมาวางลงบนโต๊ะ ข้าง ๆ กันเป็นไก่ราดพริก เนื้อไก่ในจานเต็มไปด้วยซอสที่เข้มข้น ได้กลิ่นพริกหยวกลอยมาเตะจมูก ซงเสิ่งยังไม่ทันได้รับประทานเข้าไปเลย เพียงได้กลิ่นเขาก็รู้แล้วว่าอาหารพวกนี้ต้องอร่อยอย่างแน่นอน
เขาหยิบตะเกียบคีบไก่ชิ้นหนึ่งเข้าใส่ปาก เนื้อไก่สดใหม่และเต่งตึงมาก
รสชาติความเผ็ดร้อนผสมมากับความหวานของซอสถั่วเหลือง…ทุกอย่างกลมกลืนเข้ากันดีอย่างสมบูรณ์แบบ
เขาไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะพริกหยวกหรือเปล่า แต่เมื่อรับประทานไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่ากระเพาะของตนเองอบอุ่นมากขึ้น
ย้อนไปเวลาเดียวกันเมื่อวานนี้ ซงเสิ่งอยู่ในที่ทำงาน เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง แต่วันนี้ เมื่อเขาได้รับประทานอาหารฝีมือของลู่ฉิวเยว่ เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที!
แต่เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ของพริกหยวกแต่อย่างใด แต่มันเป็นฤทธิ์ของน้ำพุวิญญาณที่ลู่ฉิวเยว่ใส่เข้าไประหว่างทำอาหารต่างหาก เพราะเธออยากทำให้ผู้รับประทานทุกคนแข็งแรงมากขึ้น เธอจึงเพิ่มน้ำพุวิญญาณใส่เข้าไปด้วย
ซงเสิ่งพยักหน้าด้วยความชื่นชมซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คุณลู่ทำอาหารเก่งมากเลยนะครับ!”
ซงเสิ่งตัดสินใจได้แล้วว่าเขาต้องหาเวลาไปรับประทานอาหารที่ร้านของลู่ฉิวเยว่ให้ได้
ลู่ฉิวเยว่หัวเราะออกมาเล็กน้อย “เถ้าแก่ซงชมเชยกันเกินไปแล้วค่ะ”
“อ้อ จริงด้วยสิ!” หลังรับประทานอาหารเสร็จ ซงเสิ่งกำลังจะบอกลา เขาก็ยกมือตบหน้าผากตัวเองเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขารีบหมุนตัวเดินกลับมาหาลู่ฉิวเยว่ “เมื่อวานนี้ผมได้รับใบสมัครการแข่งขันทำอาหารแล้ว ผมเกือบลืมเอามาให้คุณเลย”
พอพูดจบ ซงเสิ่งก็หยิบเอกสารออกมาจากกระเป๋า ซึ่งมันเป็นการเข้าแข่งขันรายการเดียวกับที่ลู่ฉิวเยว่เห็นในโทรทัศน์นั่นเอง
ลู่ฉิวเยว่มีดวงตาเป็นประกาย เธอยังคิดอยู่ว่าจะไปเอาใบสมัครมาได้อย่างไร แต่เธอนึกไม่ถึงเลยว่าใบสมัครจะมาอยู่ในมืออย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เธอไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยสักนิด!
“ขอบคุณเถ้าแก่ซงมากนะคะ!”
ไม่นานหลังจากที่ชายวัยกลางคนกลับไป หวังเซวียนเซวียนก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“เซวียนเซวียน กลับมาแล้วเหรอ?” ลู่ฉิวเยว่ถามด้วยความประหลาดใจ ในช่วงหลัง ลูกพี่ลูกน้องของเธอมักจะออกจากบ้านไปตอนเช้าและกลับบ้านตอนมืดเสมอ เขาอยากจะอยู่ศึกษางานเรื่องเครื่องยนต์กลไกในโรงงานให้ได้มากที่สุด ว่าแต่ทำไมวันนี้เขาถึงกลับบ้านเร็วนะ? นี่เพิ่งจะบ่ายสองโมงเท่านั้นเอง
หรือว่าพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว?
หวังเซวียนเซวียนยิ้มกว้างขณะตอบคำถามว่า “ผมอยากจะมาบอกข่าวดีครับ ผมช่วยพัฒนาตู้เย็นให้กับโรงงานได้สำเร็จ ทางโรงงานก็เลยมอบรางวัลให้ผมอีกแล้ว!”
เมื่อได้ยินข่าวดี พ่อของลู่ฉิวเยว่ที่กำลังล้างจานอยู่ในห้องครัวก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจโดยที่ยังไม่ทันได้ล้างมือเลยด้วยซ้ำ
“เซวียนเซวียนของเราเก่งจริง ๆ!” เขาหัวเราะเสียงดังพลางกระโดดโลดเต้น ทำให้ฟองสีขาวที่ติดอยู่บนมือกระเด็นไปรอบทิศทาง
ลู่ฉิวเยว่ก็ดีใจเช่นกันและพูดว่า “ดีใจด้วยนะ!” อยู่หลายครั้ง
หวังเซวียนเซวียนยังคงยิ้มและบอกข่าวดีต่อไป “พี่เขยได้แนะนำให้ผมเข้าแข่งขันพัฒนานวัตกรรมใหม่ประจำเมืองด้วยครับ และผมก็สมัครไปเรียบร้อยแล้ว!”
ลู่ฉิวเยว่ยิ่งดีใจมากกว่าเดิม ไม่สนใจอีกแล้วว่าเขาจะเรียกฉินซือว่าอะไร
“แบบนี้ต้องฉลอง! คืนนี้ต้องเลี้ยงมื้อใหญ่แล้ว” หลังจากพูดจบ เธอก็เดินลงบันไดไปเพื่อจะออกไปซื้อผัก
เมื่อฉินซือกลับมาถึงตอนกลางคืน เขาก็พบว่าทั้งครอบครัวกำลังฉลองอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
รุ่งเช้าวันต่อมา ชายหญิงแปลกหน้าคู่หนึ่งได้มาปรากฏตัวขึ้นที่ร้านอาหาร
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ไม่ทราบว่าอยากรับอะไรดีคะ?” ซูซูมีสายตาเฉียบคม เธอมองดูตั้งแต่แรกแล้วว่าลูกค้าคู่นี้จะต้องเดินเข้ามาแน่ ๆ เมื่อทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะอาหาร เธอจึงเดินยิ้มเข้าไปต้อนรับพร้อมกับนำเมนูติดมือไปด้วย…
หญิงสาวไม่ได้ตอบคำถาม เธอกวาดตามองรอบร้าน สีหน้าแสดงออกถึงความรังเกียจ พลางพูดเบา ๆ ว่า “ขอดูเมนูหน่อย”
เธอคงไม่มาที่นี่หรอกถ้าไม่หิวและต้องทนรอไปอีกหลายชั่วโมง
“ได้เลยค่ะ” ซูซูยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ลู่ฉิวเยว่ฝึกเด็กเสิร์ฟเป็นพิเศษมาแล้ว ถึงจะเจอลูกค้าใจร้ายอย่างไร พวกเธอก็ต้องยิ้มเข้าไว้
ฉินเซียวชี้นิ้วที่มีการแต่งเล็บเคลือบเงาอย่างสวยงามลงไปบนเมนู “เอามาทั้งหมดนี้เลย”
ซูซูพยักหน้า ทวนชื่อรายการอาหารอย่างจริงจัง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวหลังได้รับการยืนยันว่าถูกต้อง
“บรรยากาศในร้านก็ค่อนข้างดีนะ” ม่อป๋อซงชำเลืองมองสภาพแวดล้อมของร้านอาหาร ไม่เห็นขยะตกอยู่บนพื้นเลยแม้แต่ชิ้นเดียว โต๊ะอาหารได้รับการทำความสะอาดเป็นอย่างดี เด็กเสิร์ฟใส่ใจลูกค้า นี่คือร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กับพวกร้านใหญ่ ๆ ในตัวเมืองเลยสักนิด
“ดีที่ไหนกัน!” ฉินเซียวมีสีหน้าเป็นกังวล เธอเดินทางไปต่างประเทศกับสามีมานานแล้ว แต่เมื่อเดินทางกลับมา เธอก็ได้ข่าวว่าน้องชายไปมีแฟนเป็นผู้หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และจ้าวซูซินก็แทบจะฆ่าตัวตายเพราะเรื่องนี้
ฉินเซียวชื่นชอบในตัวจ้าวซูซินค่อนข้างมาก และอยากจะได้เธอมาเป็นน้องสะใภ้ในอนาคต เมื่อเห็นจ้าวซูซินเสียใจถึงขนาดนั้น เธอก็โมโหเป็นอย่างยิ่ง ฉินเซียวอยากจะมาดูให้เห็นกับตาว่านางจิ้งจอกที่สามารถยั่วยวนฉินซือจนหลงใหลโงหัวไม่ขึ้นได้สำเร็จนั้นจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
ก็แค่หญิงบ้านนอกคนหนึ่ง จะเอาอะไรมาเทียบกับจ้าวซูซินได้กัน
เด็กเสิร์ฟนำอาหารมาจัดวางบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ซูซูยิ้มออกมาเล็กน้อย “เชิญทานได้เลยนะคะ ถ้ามีอะไรก็เรียกฉันได้ตลอดเวลาเลยค่ะ”
หลังจากพูดจบแล้ว ซูซูก็หมุนตัวกำลังจะเดินกลับไป แต่ก็ถูกฉินเซียวเรียกเอาไว้โดยไม่คาดคิด
“ฉันมีเรื่องอยากรบกวนหน่อย”
ซูซูหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถูกลูกค้าหญิงดึงให้นั่งลงที่เก้าอี้
“บอกมาได้เลยค่ะ” ซูซูยิ้มตอบกลับไป
“ได้ยินว่าเจ้านายของเธอชื่อลู่ฉิวเยว่” ฉินเซียวถามออกมา
เมื่อมีการพูดถึงลู่ฉิวเยว่ ดวงตาของซูซูก็เป็นประกายระยิบระยับ เธอพยักหน้าตอบรับว่า “ใช่แล้วค่ะ! เจ้านายของพวกเรามีชื่อว่าลู่ฉิวเยว่ค่ะ!”
“งั้นเจ้านายของเธอจะมาที่นี่เมื่อไหร่?” ฉินเซียวขมวดคิ้วด้วยความร้อนใจ เธอรออยู่ตั้งแต่เช้าแล้ว และก็ยังไม่เห็นหญิงบ้านนอกคนนั้นโผล่หัวมาสักที
ซูซูส่ายหน้า “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ คุณผู้หญิงมีอะไรจะถามเจ้านายของฉันเหรอคะ? เดี๋ยวเจ้านายกลับมาเมื่อไหร่ ฉันเอาไปบอกให้ก็ได้ค่ะ”
ฉินเซียวพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา เธอไม่ตอบคำถาม แต่เริ่มถามคำถามต่อไป
“เธอรู้จักเจ้านายของตัวเองดีมากไหม?”
ซูซูพยักหน้า “รู้จักดีค่ะ เจ้านายมักจะเข้ามาที่ร้านเสมอ เธอเป็นคนดี บางครั้งก็มาช่วยงานเราตอนที่พวกเรายุ่งด้วย!”