สูตรลับแม่ครัวมือทองในยุค80 - บทที่ 110 ความใสซื่อของแฟนเก่า
บทที่ 110 ความใสซื่อของแฟนเก่า
เมื่อมองย้อนกลับไปถึงพฤติกรรมของตนเอง เหอเฉียนเฉียนก็สำนึกผิดขึ้นมาแล้วจริง ๆ
เธอคอยถามเขาตลอดว่าครอบครัวของลู่ฉิวเยว่ทำเงินได้เท่าไหร่ ถ้าเขาไม่ยอมตอบ เธอก็จะโกรธเขา เธอไม่ค่อยสนใจเขามาสักพักแล้ว ทุกครั้งที่พบหน้าเขา เธอก็จะพูดถึงแต่เรื่องเงินเท่านั้น ราวกับว่าเงินกับแฟนของเธอคือสิ่งเดียวกัน
แต่…เธอกลายมาเป็นคนแบบนี้ได้อย่างไร?
เหอเฉียนเฉียนก้มหน้าลงด้วยความเศร้า นึกเสียใจในการกระทำของตนเองยิ่งนัก
เธอไม่ควรเชื่อฟังพ่อแม่และทำให้หวังเซวียนเซวียนรำคาญใจด้วยการพูดถึงเรื่องเงินทุกวันเลย เธอไม่ควรเชื่อฟังพ่อแม่ที่มาก่อกวนหวังเซวียนเซวียน
แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว หวังเซวียนเซวียนไม่ได้รักเธออีกต่อไปแล้ว
ป้าสะใภ้เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าเด็กสาวที่อ่อนหวานและนุ่มนวลอย่างเหอเฉียนเฉียนจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปเสียได้ ป้าสะใภ้จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
เมื่อเห็นสายตาของคุณป้ามองมา เหอเฉียนเฉียนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป สุดท้ายก็ต้องร้องไห้วิ่งหนีออกไปจากบ้าน
หวังเซวียนเซวียนกลัวว่าอาจจะเกิดเรื่องขึ้นกับเธอได้ จึงตั้งใจจะวิ่งออกไปตาม แต่ลู่ฉิวเยว่ก็ห้ามเอาไว้ “ถ้าจะเลิกก็ต้องตัดใจให้ขาด อย่าทำให้ผู้หญิงเข้าใจผิดอีก”
หลังจากพูดจบแล้ว เธอก็เดินออกไปดูด้วยตัวเอง
หลังจากแอบติดตามไปได้สักระยะหนึ่ง ลู่ฉิวเยว่ก็เดินทางกลับเมื่อพบว่าเด็กสาวกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย
ไม่กี่วันต่อมา หวงอี้ผู้ดูแลเรื่องความเรียบร้อยในโรงงานผลิตขี้ผึ้งก็มาปรากฏตัวที่ร้านอาหาร
“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” ลู่ฉิวเยว่ถามหน้านิ่วคิ้วขมวด
ในอดีต เขาจะเป็นคนจัดการเรื่องราวทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ หวงอี้ก็คงไม่มาหาเธอถึงที่ร้านอาหารแบบนี้
เขาตอบด้วยหน้าตาเคร่งเครียด “ผมพบว่าโรงงานไม่ได้ผลิตขี้ผึ้งอีกแล้ว นี่เป็นคำสั่งของคุณหรือเปล่า?”
ยกเลิกการผลิตอย่างนั้นหรือ?
ลู่ฉิวเยว่มีสีหน้าเย็นชาขึ้นมาทันที ดูเหมือนตระกูลเหอกำลังจะผิดสัญญาที่ทำกันไว้เสียแล้ว
พวกเขายังเหลือสัญญาที่จะร่วมธุรกิจกันอีกหนึ่งเดือน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเห็นแก่หน้าหวังเซวียนเซวียน ลู่ฉิวเยว่ก็คงยื่นเรื่องฟ้องศาลอย่างแน่นอน
“ฉันไม่ได้สั่งหรอกค่ะ แต่คุณไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวฉันจัดการเอง คุณดูแลทุกอย่างต่อไปก็พอแล้ว” ลู่ฉิวเยว่ตอบกลับไปอย่างไม่เป็นกังวลเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้ เธอป้องกันเหตุการณ์นี้ด้วยการกักตุนขี้ผึ้งเอาไว้ในโกดังได้จำนวนมากพอสมควร
เมื่อหวงอี้กลับไปแล้ว ลู่ฉิวเยว่ก็รีบนำสัญญาที่ตนเองทำไว้ออกมาดูทันที
โชคดีที่เธอวางแผนรับมือเอาไว้ล่วงหน้าและระมัดระวังเรื่องการทำสัญญาเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้น เธอก็คงต้องขาดทุนย่อยยับเพราะการเล่นตุกติกของตระกูลเหออย่างแน่นอน
ข่าวเรื่องที่ลู่ฉิวเยว่เปลี่ยนโรงงานผลิตอย่างรวดเร็วมาถึงหูของพ่อแม่เหอเฉียนเฉียนในที่สุด พวกเขารู้สึกมึนงงพิศวงเป็นอย่างยิ่ง
ที่พวกเขากล้าทำเช่นนี้ก็เพราะมั่นใจว่าลู่ฉิวเยว่คงไม่สามารถหาโรงงานใหม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น ถึงอย่างไร เธอก็ต้องมาง้อขอให้พวกเขาผลิตขี้ผึ้งให้ และพวกเขาก็จะใช้วิธีการนี้บังคับให้หวังเซวียนเซวียนมาคบหากับลูกสาวของตนเองต่อไป
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าลู่ฉิวเยว่จะเตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว!
“หนูจะทำยังไงดีคะ?” เหอเฉียนเฉียนนั่งลงบนโซฟา น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม
ถ้าการร่วมธุรกิจระหว่างตระกูลเหอกับตระกูลลู่จบลง ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะกลับมาคืนดีกับหวังเซวียนเซวียนอีกแล้ว
แม่ของเธอไม่รู้เลยว่าลูกสาวกำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาเป็นประกายขณะกระซิบกับสามีและให้คำแนะนำแก่เหอเฉียนเฉียน
“จะไม่เป็นอะไรจริง ๆ เหรอคะ?” เหอเฉียนเฉียนเบิกตาโต อดใช้นิ้วมือแกะเบาะหนังโซฟาด้วยความกระวนกระวายใจไม่ได้
“ถ้าลูกอยากจะคบกับเด็กสกุลหวังนั่นต่อไป ลูกก็ต้องเชื่อแม่!”
ในอีกด้าน เมื่อจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หวังเซวียนเซวียนสามารถกลับไปทำงานที่โรงงานและศึกษาเรื่องเครื่องยนต์กลไกต่อไปอย่างมีสมาธิเต็มเปี่ยม
แต่แล้ววันเวลาแห่งความสงบสุขดำรงอยู่ได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น เหอเฉียนเฉียนไปหาเขาที่โรงงาน
ยามหน้าโรงงานไม่รู้ว่าทั้งสองคนเลิกกันแล้ว เขาจึงปล่อยให้เธอเข้ามาแต่โดยดี
“เธอมาทำอะไรที่นี่อีกเนี่ย?” เมื่อหวังเซวียนเซวียนเปิดประตูและเห็นใบหน้าของเด็กสาว เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ
เขาได้ข่าวจากแม่แล้วว่าตระกูลเหอทำอะไรเอาไว้บ้าง
เหอเฉียนเฉียนอยากจะร้องไห้ออกมาทันที “ทำไมล่ะ? เดี๋ยวนี้นายไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ทันตั้งตัว เธอก็อาศัยจังหวะนี้สอดตัวเข้าไปผ่านทางช่องว่างของประตู
ในจังหวะนั้น หวังเซวียนเซวียนได้สติขึ้นมาทันที ไม่ว่าเขาจะซื่อบื้อขนาดไหน แต่เขาก็รู้แล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น
หวังเซวียนเซวียนต้องการจะเรียกให้คนมาช่วย แต่ช้าเกินไปแล้ว เหอเฉียนเฉียนยกมือฉีกเสื้อของตัวเองและกรีดร้องออกมาเสียงดัง
นี่เป็นช่วงพักเที่ยง รอบข้างมีคนงานที่กำลังหยุดพักมารวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด
“เกิดอะไรขึ้น?”
ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาถามเหอเฉียนเฉียน เด็กสาวคนนี้เป็นแฟนของหวังเซวียนเซวียน พวกเขาเคยเจอเธอมาหลายครั้งแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เลยว่าทั้งสองคนได้เลิกลากันไปแล้ว
เมื่อมีคนถามออกมา เหอเฉียนเฉียนก็ตอบเสียงสั่นพร้อมน้ำตาที่ไหลพราก “หวังเซวียนเซวียนคนชั่ว เขาข่มขืนหนู พวกคุณต้องทวงคืนความยุติธรรมให้หนูด้วยนะคะ เขาไม่ยอมรับผิดชอบหนูแบบนี้ เขาทำแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
“ไอ้เลวนี่!”
ในขณะนั้น คนงานที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็โกรธแค้นขึ้นมาทันที พวกเขายกมือชี้หน้าด่าทอหวังเซวียนเซวียนบอกว่าเขาเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบ
“เหอเฉียนเฉียน! อย่าพูดอะไรเหลวไหล!” หวังเซวียนเซวียนรีบตะโกนสวนกลับไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะหันหน้าไปอธิบายกับกลุ่มคนงานว่า “พี่ชายทุกท่าน พวกคุณก็รู้จักผมดีไม่ใช่เหรอ? แล้วคิดว่าผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไง!”
กลุ่มคนงานได้สติขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขารู้จักหวังเซวียนเซวียนมานานแล้ว และเด็กหนุ่มก็ดูไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้เลยจริง ๆ
เหอเฉียนเฉียนเห็นว่าตนเองกำลังจะต้องเดือดร้อนอีกครั้ง เธอจึงชี้ไปที่ชายชราคนหนึ่งในกลุ่มคนงานและตะโกนเสียงดังว่า “ฉันอยู่ที่นี่มาครึ่งชั่วโมงแล้ว ลุงคนนั้นก็เห็นทุกอย่าง ถ้าลุงไม่อยากให้หนูโดนใส่ร้าย ลุงก็บอกทุกคนไปสิว่าเห็นหนูอยู่ในห้องนั้นจริง ๆ พวกเราเพิ่งเลิกกันไปเมื่อไม่กี่วันก่อน คนเราจะอยู่ในห้องคุยกับแฟนเก่าเฉย ๆ ได้ถึงครึ่งชั่วโมงเชียวเหรอ!”
ชายชราพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตอบด้วยสีหน้ามั่นใจ “ใช่แล้ว ฉันเห็นเด็กคนนี้เข้ามาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วล่ะ”
เกิดเสียงอุทานขึ้นมาในกลุ่มคนงานอีกครั้ง หวังเซวียนเซวียนไม่สามารถอธิบายอะไรได้อีกแล้ว ต่อให้เขากระโดดลงแม่น้ำเหลือง เขาก็คงไม่สามารถล้างคราบมลทินของตนเองได้อีกต่อไป
“เกิดอะไรขึ้น? หลีกทางหน่อย!” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านนอกกลุ่มคน แล้วเลขาหวังก็เดินเข้ามา!
ตามติดมาด้วยฉินซือ
หวังเซวียนเซวียนเหมือนได้พบเจอกับเทพผู้พิทักษ์ เขารีบเดินเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นอย่างรวดเร็ว ว่าที่พี่เขยของเขามีอำนาจใหญ่โตในโรงงาน ย่อมสามารถช่วยเขาจากกองไฟได้อย่างแน่นอน
ตอนแรก ฉินซือตั้งใจมาสอบถามเรื่องเครื่องจักรกลกับหวังเซวียนเซวียน แต่เขาไม่คิดเลยว่าตัวเองจะได้มาพบเจอกับการแสดงละครฉากหนึ่ง หลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เขาก็หัวเราะเยาะออกมาก่อนจะจ้องมองชายชราด้วยแววตาเย็นชาปานน้ำแข็ง
“ลุงแน่ใจนะว่าเห็นจริง ๆ? ทางเดินนอกโรงงานของเรามีกล้องวงจรปิดถ่ายอยู่ตลอด ถ้าผมรู้ว่าลุงใส่ร้ายคนในโรงงานของเรา นอกจากผมจะไล่ลุงออกแล้ว ผมจะเอาลุงไปส่งให้ตำรวจอีกด้วย!”
ฉินซือรู้จักน้องชายแฟนของเขาเป็นอย่างดี เด็กคนนี้พูดคำหยาบกับใครไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แล้วจะไปข่มขืนคนอื่นได้อย่างไร
เหอเฉียนเฉียนมีแววตาตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด เธอเพิ่งจะปรากฏตัวขึ้นหน้าโรงงานไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กล้องวงจรปิดต้องถ่ายภาพเอาไว้ได้แน่ ๆ!
แล้วว่าไงนะ? ส่งตัวให้ตำรวจ! โดนไล่ออก!
ชายชราตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด เขายอมช่วยเด็กสาวคนนี้โกหกก็เพราะเห็นแก่เงินไม่กี่สิบหยวน ถ้าเขาต้องโดนไล่ออกเพราะเรื่องนี้จริง ๆ หรือถึงขั้นเลวร้ายที่ต้องถูกตำรวจจับ มันก็ไม่คุ้มค่าเลยสักนิด!
“ไม่ครับ…ผมไม่เห็นหรอก แต่เด็กคนนี้ให้เงินผม 30 หยวน เธอสั่งให้ผมพูดแบบนั้น ฉันจะคืนเงินเธอไปแล้วกัน! ฉันไม่อยากได้เงินของเธออีกแล้ว!” หลังจากนั้น ชายชราก็ยัดเงินทั้งหมดกลับใส่มือของเหอเฉียนเฉียนโดยไม่สนใจเลยว่าใบหน้าของเธอจะดูบิดเบี้ยวขนาดไหน