สุดยอดรัชทายาท - ตอนที่ 34 หมอหนุ่ม
นิยาย สุดยอดรัชทายาท
ตอนที่ 34 หมอหนุ่ม
ชางอู่ซินเดินเรื่อยเปื่อยขึ้นไปถึงภูเขาอย่างไม่ระมัดระวังพร้อมกับชมทิวทัศน์ของธรรมชาติไปตลอดทางเวลานี้ลมหายใจจากหน้าอกของนางดูนุ่มนวลขึ้นและสดชื่นกว่าเดิมมาก
ทว่าเมื่อชางอู๋ซินกําลังจะไปถึงยอดเขานางเห็นคนนั่งยองๆอยู่เบื้องหน้าทําให้หญิงสาวต้องหยุดฝีเท้าของตนเองลง
ฝ่ายผู้ที่หมอบอยู่เบื้องหน้าได้ยินเสียงฝีเท้าของนางแต่ไม่ได้มองย้อนกลับมาและไม่แม้แต่จะเคลื่อนไหวขณะรับทราบถึงการมาของหญิงสาวแม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของบุคคลนั้น
นางเห็นเพียงว่าชายชุดขาวกําลังพันแผลให้กับสัตว์ตัวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ
ชางอู๋ซินระหนักว่าสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บตัวนี้หลบหนีมาจากภูเขาอื่น เพราะไม่กี่วันมานี้เล้งหยูเฟิงได้พาชาวบ้านเหล่านั้นไปล่าสัตว์ยังภูเขาลูกอื่น
เห็นได้ชัดว่าสัตว์น้อยตัวนี้โชคดีมากเพราะมันหนีรอดมาได้และได้พบผู้ที่รักษาบาดแผลให้
ชางอู่สินมักจะไม่สนใจผู้อื่นแม้จะรู้สึกว่าผู้ที่มาปรากฏตัวตรงหน้าดูท่าทางแปลกประหลาดทว่านางไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาสังหารใดๆ จากบุคคลดังกล่าว
แม้กระนั้นชางอู่ซินยังคงระมัดระวังตัวมากขึ้นเมื่อเข้าใกล้ยอดเขาขณะเสื้อคลุมสีขาวปลิวไสวผ่านดอกไม้ป่าอย่างแผ่วเบา
ครั้นลมกระโชกแรงพัดผ่านมาผมดําสนิทของชางอู่ซินได้โบกบินท่ามกลางสายลมนั้นและในเวลานี้ชายที่นั่งยองๆได้กินหอมอันอ่อนโยนซึ่งหอมกรุ่นกว่ากลิ่นใดๆที่เขาเคยสัมผัสมาก่อน
ชายผู้นั้นจึงอุ้มสัตว์ที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลแล้วขึ้นมาและยืนขึ้นมองดูเด็ก
ผมดําสนิทห้อยยาวลงมาตามไหล่และหน้าอกอย่างเบาบางราวกับหมึกที่โปรยปรายลงบนภาพวาดสีน้ําท่ามกลางภูเขาตระหง่าน ขณะที่ดวงตาของเด็กหนุ่มมองดูทิวทัศน์รอบตัวด้วยขนตายาวที่พลิ้วไหวเล็กน้อยและปลายคิ้วแสดง ถึงความโหดเหี้ยม
เด็กหนุ่มสวมชุดขาวแบบยาวเท่านั้นทว่ามันทําให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวนด้วยมือที่ถือดอกไม้ป่าและริมฝีปากสีชมพูยกนพร้อมเสียงหัวเราะ
ส่งผลให้ชั่วขณะหนึ่งเขาถึงกับคิดว่าตนเองถูกวิญญาณร้ายหลอกหลอนในช่วงเวลากลางวัน
เยอี้จอมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เขาตระหนักว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คืองค์ชายผู้สูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ปัจจุบัน
เยอี้สื่อขึ้นเขาเพื่อเก็บสมุนไพรและบังเอิญได้พบองค์ชายเมื่อไม่กี่วันก่อนในเวลานั้นเขารู้สึกว่าองชายเฉลียวฉลาดและน่าสนใจมาก แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองจะได้พบอีกฝ่ายในวันนี้
เมื่อชายคนนั้นเริ่มเคลื่อนไหวและยืนขึ้นชางอู๋ซินอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว
ชายผู้นี้อายุประมาณ 20 ปีมีคิ้วที่ดกหนาดวงตาเป็นประกายสดใสประดุจดวงดาวด้วยจมูกโด่งตรงและมีลักษณะพิเศษคือไฝแดงที่อยู่เหนือดวงตาข้างขวาของเขาราวกับงานศิลปะอันวิจิตร
ผมดําราวกับหมึกของเขายาวจรดเอวแผ่คลุมอาภรณ์สีขาวและโบกสะบัดไปมาอย่างนุ่มนวลตามการเคลื่อนไหวของ บุรุษผู้นี้ทําให้เกิดความน่าหลงใหลอย่างเงียบงันภายใต้การเคลื่อนไหวที่สง่างามของเขา
เขาอุ้มสุนัขจิ้งจอกหิมะขาวตัวน้อยอยู่ในอ้อมแขนสีขนของสัตว์ตัวนี้ขาวสะอาดมากและไร้ซึ่งจุดหรือตําหนิใดๆดังนั้นหากไม่สังเกตอย่างชัดเจนก็แทบจะกลมกลืนกับเสื้อคลุมสีขาวของชายผู้นั้น
แม้ชายหนุ่มผู้นี้จะมีรูปลักษณ์อันงดงามทว่าฝีเท้าของชางอู่ซึ่งก็ไม่ได้หยุดนิ่ง
ว่ากันว่ายิ่งสง่างามก็ยิ่งมีพิษยิ่งไปกว่านั้นเพียงเพราะชายผู้นี้ช่วยชีวิตสุนัขจิ้งจอกที่ได้รับบาดเจ็บมิได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดี
เมื่อเย่ จ่อมองดูเด็กหนุ่มเขาไม่รู้ว่าเหตุใดตนเองถึงเกิดอาการตัวสั่นสะท้านและเมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้นเค้าเห็นเพียงรูปลักษณ์อันน่าทึ่งของตนเองโดยไม่เห็นความผันผวนทางอารมณ์ใน แววตาของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย
ครั้นเห็นว่าเด็กหนุ่มกําลังจะจากไปเย่อจอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเค้าถึงอ้าปากเอ่ยขึ้น
บางที่อาจเป็นเพราะในที่สุดเขาได้พบบางสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าสมุนไพรหรือเงิน…
“คุณชาย ได้โปรดรอสักครู่!”เย่อจอร์องตะโกนออกมาเสียงดัง
ในที่สุดเขาก็ได้พบกับใครบางคนที่สามารถทําให้เขารู้สึกแตกต่างไปจากเดิม ได้ แล้วจะปล่อยอีกฝ่ายไปได้อย่างไร
เขามีความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในใจและหากพลาดช่วงเวลานี้ชีวิตของเขาจะกลับเป็นน้ํานิ่งเช่นเดียวกับที่ผ่านมา
ชางอู๋ซินหยุดฝีเท้าของนาง เพียงเพราะน้ําเสียงของชายผู้นั้นมีความไพเราะมากมันช่างชัดเจนและจริงใจแค่ได้ฟังก็รู้สึกราวกับได้ชําระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์และขจัดความมัวหมองไปสิ้น
“มีอะไรหรือ?” ชางอู๋ซินขมวดคิ้วขึ้นพร้อมตอบกลับด้วยน้ําเสียงเย็นชา
เยอี้สื่อถึงกับชะงักงันและในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในช่วงชีวิตของเขาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
เวลานี้เขามองไปยังเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ําเสียงที่คลุมเครือว่า “พลังทางจิตวิญญาณของท่าน? ใบหน้าของคุณชายดูซีดเซียวและริมฝีปากขาวราวกับถูกวางยาพิษแม้ข้าจะมิใช่หมอแต่พอมี ทักษะทางการแพทย์อยู่บ้างมิทราบว่าคุณชายจะให้ค่าตรวจชีพจรได้หรือไม่?”
ในตอนแรกเย่อจื่อรู้สึกตกใจกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มและมิได้ให้ความ สนใจมากนักต่อมาเพื่อหาเหตุผลที่จะพูดคุยกับเขาจึงเริ่มมองให้รอบคอบมากขึ้นและพบว่าสุขภาพของเด็กหนุ่มค่อยดีนักหรืออาจกล่าวได้ว่ามันเลวร้ายมากดังนั้นหากไม่รีบรักษาเสียตั้งแต่เนิ่นๆจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของเขา
ชางอู่ซินรู้สึกประหลาดใจทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ชายชุดขาวกล่าว
นางรู้จักร่างกายของตนเองดีและรู้ว่าพิษนี้รักษาได้ยากมาก อย่างไรก็ตามแม้บรรพบุรุษของนางจะหาหมอและแพทย์จํานวนมากมาตรวจดูอาการเป็นเวลาสิบห้าปีแล้วแต่ยังไม่พบวิธีรักษายา
ดังนั้นชายผู้นี้มิควรรู้ว่านางถูกวางยาพิษเพียงสังเกตด้วยการจ้องมอง
กระนั้นชางอู่ซินที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักยังคงได้กลิ่นยาสมุนไพรจากร่างกายของชายผู้นั้นราวกับเขาเป็นหมอถ้าว่าร่างกายของเขาแข็งแรงมากดังนั้นหญิงสาวจึงคิดว่าเขามิควรประกอบวิชาชีพ ทางการแพทย์ที่มีทักษะสูง
“มีพิษใดอยู่ในร่างของข้า?” ชางอู่ซินเอ่ยถามอย่างไม่เต็มใจ
แน่นอนว่ามิมีผู้ใดต้องการให้สิ่งเลวร้ายอยู่ในร่างกายของตนเองเช่นเดียวกับนางที่ต้องการล้างพิษอย่างมากแต่ยังคงไร้หนทาง
เยอี้จอมองไปยังชายหนุ่มเบื้องหน้าที่แสดงท่าที่ราวกับว่าเขากําลังไม่สบายใจปกตินางนางไม่ชอบอยู่ใกลผู้คนแต่กลับมิได้รังเกียจที่จะอยู่ใกล้ชายผู้นี้
“ข้าต้องตรวจสอบชีพจรของคุณชายก่อนถึงจะทราบอย่างแน่ชัดขอรับ” เย่อี้อกล่าวอย่างจริงจัง
แม้เขาจะเป็นหมอฝึกหัดแต่แน่นอนว่าเขามสามารถตรวจอาการผู้ป่วยแบบสุ่มได้
เขาต้องทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากอีกฝ่ายอย่างชัดเจนเพื่อประโยชน์ของเด็กหนุ่มผู้นี้และเขายังคงต้องตรวจชีพจร เพื่อทําการวินิจฉัย
ในตอนนั้นหัวใจของชางอู๋ซินเต้นรัวอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกหลักเหตุผลบางอย่างได้
ร่างของนางเป็นสตรีเพศ แม้ชายตรงหน้าจะมีทักษะการแพทย์ที่ดีตราบใดที่ทําเพียงจับชีพจรเขาย่อมไม่มีทางล่วงรู้ ว่านางเป็นหญิง
แต่ถ้าเขาสามารถรู้เรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจนนางจะสังหารเขาเสียเพื่อปิดปากที่สําคัญมากกว่านั้นคือนางต้องรอจนกว่าจะได้รับยาถอนพิษก่อน