สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 645 มดเพลิงผลาญ นกฟีนิกซ์
บทที่ 645 มดเพลิงผลาญ นกฟีนิกซ์
บทที่ 645 มดเพลิงผลาญ นกฟีนิกซ์
เมื่อกี้มันสื่อสารกับเขาบอกว่าอยากออกไปข้างนอกไม่อยากอยู่ในแหวนมิติแล้ว ! พอได้ยินเสียงนั้น นอกจากสะบัดมือออกมา เขาสามารถสัมผัสได้ว่าระหว่างตนกับอีกฝ่ายมีอะไรบางอย่างขวางกันไว้
อีกทั้งมดตัวนี้ยังมีสัญญาเลือดระหว่างเขา ! ขอเพียงเขาสั่งให้มันตาย หัวของมันก็จะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ! เรียกได้ว่าความเป็นความตายของมันเขาคือผู้กำหนด เพราะแบบนี้ฉู่เหินจึงไม่ลังเลที่จะปล่อยมันออกมา !
หลังจากมดตัวนี้ถูกปล่อยออกมาแล้ว ก็กระพือปีกกางออกในทันที ! ทำให้ฉู่เหินพบว่าปีกคู่นี้มีขนงอกออกมาแล้ว ! และเมื่อเขามองอย่างละเอียด ก็พบว่าร่างกายที่มีไฟลุกท่วมของมันไม่ใช่ผิวหนัง แต่เป็นเส้นขนเล็กละเอียด !
ขาทั้งสี่ข้างก็ดูแข็งแรงกำยำ และเมื่อมันปีกขึ้นขาของมันยังสามารถเก็บแนบกับท้องได้ราวกับเตียงพับได้ ! อีกทั้งตอนที่มันปีกเขาก็พบว่าหางของมันแยกออกเป็นสองหาง ทั้งยังสวยมากด้วย !
เมื่อดูมดเพลิงผลาญบินไปมารอบแล้วรอบเล่า ฉู่เหินก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนมันเป็นนกฟีนิกซ์ในตำนานกันนะ ! ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเหมือน !
ด้วยเหตุนี้เขาก็อดจะคาดเดาไม่ได้ ว่าโลกนี้คงไม่มีนกฟีนิกซ์เหมือนในโลกของเขา แต่เป็นมดเพลิงผลาญละมั้ง ! ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ถูก เพราะไม่ว่าจะบนโลกเขา หรือว่าโลกนี้ ไม่ว่าจะนกฟีนิกซ์หรือหงส์เพลิงก็มักได้ยินชื่อเล่านี้เข้าหูอยู่ทุกเมื่อ
อีกทั้งมดเพลิงผลาญตัวนี้ถ้าสังเกตอย่างละเอียด ดูแล้วจะรู้สึกไม่เหมือนกันอยู่หลายอย่าง ! ที่ไม่เหมือนที่สุดก็คือศีรษะของพวกเขา นกฟีนิกซ์มีหัวเหมือนนกยูง มองแล้วดูสวยมาก ! แต่มดที่อยู่ตรงหน้าเป็นหัวของมดขนาดใหญ่โตหัวหนึ่ง !
แต่ว่าฉู่เหินรู้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าหลังจากที่มันกินกันเอง จึงเกิดการกลายพันธุ์แบบนี้ ! ไม่อย่างนั้นคงไม่เกิดฉากแบบนี้ขึ้น กระทั่งในใจเขายังแอบคิดว่าไม่รู้ถ้ามันเปลี่ยนไปอีกครั้ง สักวันจะกลายเป็นนกฟีนิกซ์ได้ไหม !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ฉู่เหินก็แอบคาดหวังเล็กน้อย ถ้ามันกลายเป็นนกฟีนิกซ์จริง ๆละก็ คงจะสวยมากแน่ แน่นอนว่านี้เป็นเพียงความคิดเขาเท่านั้น ที่กลายมาเป็นแบบนี้ได้เขาก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว !
เปลวไฟที่ลุกท่วมปีกคู่นี้ สว่างมากพอที่จะทำให้ศิษย์ในบ้านวายุมองเห็นกันหมด ! และเพราะว่ามันบินสูงมาก ดังนั้นคนด้านล่างจึงมองไม่เห็นศีรษะของมันว่าเป็นยังไง ด้วยเหตุนี้คนด้านล่างจึงนึกว่านี้เป็นนกฟีนิกซ์ !
ต้องเข้าใจว่าไม่ว่าจะโลกใบไหนการปรากฏตัวของทั้งมังกรทั้งนกฟีนิกซ์ก็เป็นเรื่องใหญ่ทั้งนั้น มาตอนนี้มีนกฟีนิกซ์ปรากฏตัวออกมา ทั้งยังบินวนรอบบ้านวายุไม่หยุด กระทั่งเหมือนได้ยินเสียงแหลมสูงคล้ายนกด้วย ! นี้ไม่เพียงทำให้ศิษย์ในบ้านวายุรู้สึกตื่นเต้น ขุมอำนาจด้านนอกพรรควายุอัสนีต่างก็พากันตื่นเต้นไม่ต่างกัน !
สายตาของทุกคนไม่ต่างกันว่าศิษย์ในพรรควายุอัสนีมีคนมากความสามารถเกินไปแล้ว ! ถ้าไม่เพราะแบบนี้ก็คงไม่มีนกฟีนิกซ์โผล่ออกมาที่นี่หรอก !
…เมื่อนกฟีนิกซ์ค่อย ๆ ร่อนลงต่ำที่เหนือภูเขาบ้านวายุ ทำให้คนข้างล่างยิ่งรู้สึกละสายตาไปไม่ได้ จนกระทั่งเหนือภูเขาวายุปรากฏร่าง ๆ หนึ่ง เป็นคนที่กำลังมีชื่อเสียงในตอนนี้ ฉู่เหินนั่นเอง !
ด้วยเหตุนี้ขุมอำนาจหลายกลุ่มจึงยิ่งรู้สึกอยากปรองดองกับฉู่เหิน ! แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนี้ได้เช่นกัน อย่างน้อยก็ในวังที่ตอนนี้มีคนสองคนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ !
…ถ้าพวกเขาเข้าไปศูนย์กลางจักรวาล เขตปกครองรอบนอกก็ควรที่จะเชื่อฟังพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าสามารถดีกับฉู่เหินได้ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสกับทหารของพวกเขาที่จะไปศูนย์กลางจักรวาลก็ได้ ! แต่ชายอีกคนหนึ่งกลับไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขารู้สึกว่าฉู่เหินคนนี้มีพลังอำนาจมากเกินไป ต้องรีบสังหารไม่ให้มันเป็นเสี้ยนหนามพวกเขา !
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองเสียงที่ว่าก็ทำให้เกิดการแตกหักเป็น 2 ฝ่าย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และด้วยพวกเขาเป็นเพียงขุมอำนาจเดียวเท่านั้น ดังนั้นการเชื่อมความสัมพันธ์กับบ้านวายุจึงเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวกเขา !
ภายในวังไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสเท่านั้นที่เป็นแบบนี้ เหล่าคนหนุ่มสาวเองก็ด้วย พวกเขารู้สึกว่าคนพวกนั้นพูดยกยอเกินจริง แม้ว่าฉู่เหินจะมีความสามารถ แต่ก็เป็นเพียงขั้นเซียนคนหนึ่งเท่านั้น แค่คนแบบนี้คนเดียวพวกเขาจำเป็นต้องกลัวด้วยเหรอ !!!
สำหรับเรื่องที่สังหารผู้ใช้พลังขั้นบรรพกาลเหล่านั้น อีกฝ่ายก็แค่อาศัยพลังของค่ายกลเท่านั้น ถ้าไม่มีค่ายกลเขาก็เป็นเพียงสุนัขตัวหนึ่ง ! เพราะแบบนี้ในใจของพวกเขาจึงยังรู้สึกไม่ยอมรับ และอาจจะมองดูถูกด้วยซ้ำ !
ถ้าไม่ใช่เพราะเหล่าผู้อาวุโสห้ามไว้ แน่นอนว่าพวกเขาก็อยากจะไปให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าวันนี้สิ่งที่พวกเขาได้ยินเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ! พวกเขาชอบนกฟีนิกซ์มาก โดยเฉพาะพลังของมัน !
ตอนนี้ฉู่เหินรอให้อาจารย์และศิษย์คนอื่น ๆ ออกมาก่อน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาจะตรงไปในวัง เพียงแค่ในใจของพวกเขารู้ดี ว่าการไปวังในครั้งนี้ไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ! เพราะทั่วทั้งวังหลวงมีผู้ใช้พลังขั้นบรรพกาลดารา รวม ๆ แล้ว 8 คนขึ้นไป !
ดังนั้นพวกเขาจะต้องคิดแผนการให้ดี เขาไม่อยากส่งศิษย์พี่ทุกคนไปตาย ขณะที่เขากำลังคิดอะไรอยู่เงียบ ๆ มดเพลิงผลาญก็ได้ย่อขนาดลำตัวจนเล็กลงเหลือเท่ากำปั้น ซึ่งเดิมทีมันตัวนี้ก็สามารถยืดขยายรูปร่างตัวได้ ซึ่งจุดนี้ฉู่เหินค่อนข้างชอบมากทีเดียว !
หลังจากย่อขนาดตัวแล้ว มดเพลิงผลาญก็เกาะอยู่บนบ่าฉู่เหิน และหลับไปทั้งอย่างนั้น ! ด้วยเหตุนี้ทำให้บ่าข้างหนึ่งของฉู่เหินชาไปหมด แต่เพราะลอยอยู่ จึงทำให้มองแทบไม่ออกว่ามีอะไรเกาะอยู่บนนี้ !
ขณะที่ฉู่เหินกำลังยืนเหม่อ คนกลุ่มใหญ่ก็เดินเข้ามา ใบหน้าประดับรอยยิ้มยินดี ! พอเห็นแบบนี้ในใจฉู่เหินก็อดคิดไม่ได้ว่าคนพวกนี้กินยาผิดอะไรมาหรือเปล่า !
“คารวะศิษย์พี่เก้า !” หลังจากนั้นคนพวกนี้ก็เข้ามาพูดกับเขาทำนองยินดีกับเขาด้วย ทำให้ใบหน้าฉู่เหินคลี่ยิ้มนิดหน่อย ก่อนบอกพวกเขาไม่ต้องมากพิธี หลังจากนั้นจึงได้ถามว่าทำไมพวกเขาดูดีใจได้ขนาดนี้ !
“ศิษย์พี่เก้าคงยังไม่รู้!” หลังจากพูดออกมาอย่างไม่มีหัวมีหาง มันก็ได้สร้างความสงสัยให้ฉู่เหินจนนัยน์ตาสว่างวาบด้วยความสงสัย
ตอนนี้เขาแอบคาดเดาในใจ หรือว่าจะมีศิษย์พี่คนไหนที่เลื่อนขั้นได้สำเร็จอีกครั้ง แต่เขาก็ยังไม่เห็นแสงสีม่วงอะไรเลย อีกอย่างเขารู้ดีว่านอกจากศิษย์พี่สองสามคนแล้ว คนอื่นๆ นับว่ายากมากที่จะเลื่อนขั้นบรรพกาลได้ในตอนนี้ !