สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 615 ที่ตั้งเมืองกิเลน
บทที่ 615 ที่ตั้งเมืองกิเลน
บทที่ 615 ที่ตั้งเมืองกิเลน
ต่อมาฉู่เหินก็รู้สึกว่าค่ายกลแปดเหลี่ยมนี้ลอยอยู่ด้านบนจุดตันเถียนของตัวเอง ! และในขณะที่เขากำลังสงสัย ค่ายกลแปดเหลี่ยมก็ส่งข้อความบางอย่างเข้าไปในวิญญาณเขา !
เมื่อฉู่เหินดูข้อความนั้น เขาก็เข้าใจในทันทีว่ามันถูกควบคุมโดยระฆังวิญญาณนี้เอง ! และตอนนี้ที่ด้านบนจุดตันเถียนก็มีค่ายกลแปดเหลี่ยมลอยอยู่ ! ทำให้เพียงแค่นึกถึงมันก็จะกลับไปหาระฆังวิญญาณได้ตลอดเวลาที่เขาเรียก !
อีกทั้งเขายังสามารถให้ระฆังวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นอีกอย่างหนึ่งได้ ! เพราะหากออกไปทั้งแบบนี้ต้องมีคนจำระฆังวิญญาณได้แน่ ๆ ดังนั้นถ้าเขาเปลี่ยนรูปลักษณ์มันได้ก็ย่อมจะดีกว่าอยู่แล้ว
แต่ทว่าพลังของระฆังวิญญาณนั้น แท้จริงแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับพลังวรยุทธ์ของเขาเช่นกัน ถ้าพลังวรยุทธ์ของเขาสูง พลังของระฆังวิญญาณก็จะเพิ่งตาม แต่ด้วยพลังวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ก็บอกได้เลยว่ายังไม่แกร่งกล้ามากพอที่จะใช้พลังทั้งหมดของระฆังวิญญาณได้ ! แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ได้ระฆังวิญญาณมาไว้ในครอบครองแล้วและขอเพียงเก็บประสบการณ์อีกสักหน่อย มันก็ไม่มีปัญหาใดแล้ว !
ฉู่เหินรู้สึกกระทั่งว่าถ้าตัวเองเกิดกลายร่างเป็นกิเลน ก็จะสามารถต่อสู้กับพวกเทพดาราและขั้นที่สูงกว่านั้นได้ !
อันที่จริง ในตอนนี้พลังวรยุทธ์ของเขาก็ใกล้ที่จะทะลวงขั้นเทพดาราไปแล้ว ซึ่งนี้มันก็เป็นผลมาจากการที่เขากลายเป็นแม่ทัพกลุ่มกิเลน !
แต่ทว่าเมื่อเขาออกไปจากสนามรบชิงคง พลังที่เพิ่มขึ้นมานี้ก็อาจจะหายไปได้เช่นกัน ทำให้อย่างมากร่างกิเลนของเขาก็จะมีพลังวรยุทธ์เท่ากับร่างจริง แต่เพียงเท่านี้มันก็น่าพอใจแล้วไม่ใช่หรือไง ! เพราะต้องเข้าใจว่าในร่างกิเลนนั้น มีพลังป้องกันและพลังโจมตีที่มากกว่าคนทั่วไปมากมายนัก ทำให้ได้ชายหนุ่มได้เปรียบเวลาสู้กับคนขั้นพลังเท่ากัน !
และที่สำคัญก็คือหลังจากที่เขากลายร่างเป็นกิเลน ก็ยังสามารถใช้พลังของกิเลนได้ทั้งหมดเหมือนเดิม ! ซึ่งแค่เพียงพลังธาตุถึง 4 ธาตุของกิเลนก็น่ากลัวมากแล้ว แต่ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังมีวิธีพิเศษที่สามารถทำให้พลังวรยุทธ์เพิ่มขึ้นได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ อีกด้วย !!!
เมื่อฉู่เหินลืมตาขึ้นอีกครั้งก็ยืดลำตัว ด้วยตอนนี้เขาฟื้นพลังกลับคืนมาเป็นปกติได้นานแล้ว ! เช่นเดียวกับสายฟ้าและเปลวไฟที่เต็มท้องฟ้าก่อนหน้านี้ที่หายไปแล้ว เหลือไว้เพียงพลังอันเข้มข้นลอยคว้างอยู่ในอากาศ ! ชนิดที่ว่าถ้ามีใครเข้ามาฝึกฝนพลังที่นี่จะได้ผลมากทีเดียว
ฉู่เหินไม่ได้รีบออกไป แต่กลับเลือกที่จะสำรวจที่นี่ต่อ ! ที่นี่มีทั้งสายฟ้าและเปลวไฟปกคลุมมาตั้งหลายปีขนาดนี้ ถ้าบอกว่าไม่มีของวิเศษถือกำเนิดเลย เขาก็คงไม่เชื่อ ! ว่าแล้วชายหนุ่มก็เริ่มสำรวจตั้งแต่บนท้องฟ้ายันบนพื้นดิน แต่ทว่าการสำรวจพื้นที่ที่ใหญ่ขนาดนี้ได้ทั้งหมดคนเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดสำรวจเมื่อมาถึงกลางทาง !
ก่อนที่ทันใดนั้นเขาจะรู้สึกว่าใต้เท้าตัวเองแปลกประหลาดมาก ส่วนจะบอกว่าแปลกตรงไหน ในเวลาสั้น ๆ แบบนี้ เขาก็ยังบอกไม่ได้ชัดนัก
และพอคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดที่จะหยุดฝีเท้าและตั้งใจสังเกตอย่างละเอียดไม่ได้ ทำให้พบว่าดินที่ตรงนี้กับรอบ ๆ นั้นไม่ได้แตกต่างกันเลย ด้วยมันคือก้อนหินดินทรายธรรมดา ๆ เท่านั้น เพียงแต่พื้นดินรอบ ๆ กลับมีวัชพืชขึ้นอยู่ประปราย ดูปกติไม่มีอะไรพิเศษ
หลังเดินวนหนึ่งรอบเขาก็หาอะไรไม่เจอ จึงเตรียมจะเดินจากไป แต่ในตอนที่เขากำลังจะจากไปนั้น จู่ ๆ ก็ต้องหยุดอย่างกะทันหัน ! ก่อนที่สายตาจะจับจ้องมองไปยังวัชพืชไม่กี่ต้นนั้น และเพ่งพลังจิตเข้าไปหา
ล้อเล่นหรือไง ที่นี่เป็นสถานที่อะไร อสนีทะเลเพลิงเชียวนะ !!!
วัชพืชพวกนั้นมันไม่มีสีเขียวอยู่เลย แล้วก็มีเพียงพวกมันไม่กี่ต้นที่ไหวตามแรงลมเบา ๆ ทำให้ดูแล้วน่าสงสัย ! และก็เพราะแบบนี้เอง หลังจากที่ชายหนุ่มเดินไปข้างหน้าก้าวสองก้าว เขาก็ได้ก้มลงดูว่ามันคืออะไรกันแน่ !
เมื่อฉู่เหินจ้องมองก็ต้องขมวดคิ้วแน่น เพราะวัชพืชพวกนี้ดูผ่าน ๆ แล้วก็เหมือนต้นหญ้าทั่วไปไม่มีอะไรแตกต่าง แต่พืชที่สามารถโตได้ในพื้นที่แบบนี้จะเป็นพืชธรรมดาได้ยังไง จริงไหม ?
หลังจากที่คิดถึงจุดนี้ ฉู่เหินก็ทำการวิเคราะห์มันอย่างละเอียด ก่อนที่เขาจะต้องตกใจ ! เมื่อพบว่าหญ้าพวกนี้มันเหมือนกับดอกแห่งจิตวิญญาณมาก แต่ดูจะแข็งแกร่งกว่าดอกแห่งจิตวิญญาณทั่วไป ! โดยเฉพาะดอกไม้ที่ซ่อนอยู่ภายใน ที่สร้างความตกตะลึงไม่น้อย !
ถ้าหากดอกแห่งจิตวิญญาณมีคุณสมบัติเพียงอย่างเดียวล่ะก็ งั้นฉู่เหินก็บอกได้เลยว่าต้นที่อยู่ตรงหน้ามีคุณสมบัติมากว่าดอกแห่งจิตวิญญาณหลายสิบเท่า ! อีกทั้งดอกแห่งจิตวิญญาณที่ขึ้นอยู่ตรงก้อนหินนี้ก็ดูจะพิเศษมาก ๆ!
ฉู่เหินคิดว่านี้เป็นหินรัตติกาลที่ผู้เฒ่าฮวาพูดถึง เดิมทีเขาได้หินรัตติกาลและดอกแห่งจิตวิญญาณมาแล้วจำนวนหนึ่ง แต่หากเทียบกับพวกที่อยู่ตรงหน้านี้ มันก็ดูจะต่างกันราวฟ้ากับเห่ว และเพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าเขาจะได้ยาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าก่อนหน้านี้กี่เท่าถ้าใช้ดอกตรงหน้า !
ว่าแล้วชายหนุ่มก็ไม่รอช้า รีบเก็บของทั้งสองอย่างตื่นเต้นดีใจ เพราะขอแค่มีพวกมัน ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่สามจะไม่เป็นไร แม้แต่ผู้เฒ่าฮวาก็น่าจะเลื่อนระดับได้สักหนึ่งขั้น !
หลังจากเก็บของพวกนี้มาหมดแล้ว เขาถึงจะออกสำรวจต่อ แต่แล้วเขาก็พบว่าถึงพื้นที่นี้จะกว้างใหญ่ แต่มันก็ไม่มีสมบัติอะไรเท่าไรเลย ทำให้ชายหนุ่มอดรู้สึกผิดหวังนิด ๆ ไม่ได้ !
หลังจากออกค้นหาอยู่พักใหญ่ เขาก็ไม่พบอะไรเลยจริง ๆ ซึ่งบางทีมันก็อาจจะมี แต่ตัวเองคงไม่มีโชคแล้ว เลยทำให้ฉู่เหินได้แต่ถอนใจอย่างจนปัญญา
ในเมื่อเขาไม่มีดวง งั้นก็ให้คนอื่นไปแล้วกัน !
เมื่อคิดแบบนี้ ชายหนุ่มก็เตรียมจะเดินออกไป เพราะเขาเข้าเดินมาตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่เจออะไรเลย ดังนั้นจึงไม่คิดจะหาอีกให้เสียเวลา !
ทว่าในตอนที่เขากำลังเดินกลับนั่นเอง ชายหนุ่มก็เกิดสะดุดกับอะไรบางอย่างเข้า และเมื่อเขาก้มลงมอง ก็เห็นว่าเป็นก้อนหินขนาดเท่ากำปั้น ! ที่ดู ๆ ไปแล้วมันมีลักษณะเหมือนกับไข่นก !!!
เมื่อฉู่เหินย่อตัวลงไปเก็บก้อนหินขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ไม่นานนักสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป !
เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่อยู่ภายในก้อนหินนี้ จนทำให้ใจเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม หรือว่านี้จะเป็นไข่ของสัตว์อะไรบางอย่างใช่ไหม ? เพราะต้องเข้าใจว่าสถานที่แบบนี้หากสัตว์ตัวไหนที่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ก็ต้องไปไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา ๆ แล้ว ! และหลังจากที่คิดถึงตรงนี้ เขาก็พลันยิ้มไม่หุบรีบเก็บไข่เข้าไปอย่างไว !
ทันทีที่ฉู่เหินออกมา ทุกคนก็พากันเข้ามาต้อนรับ หากแต่สีหน้าของพวกเขาก็ดูจะกังวลไม่น้อย ด้วยถึงแม้ชื่อกองทัพกิเลนจะฟังดูดี แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งเลย ทำให้พูดถึงแล้วก็อดที่จะรู้สึกแย่ไม่ได้ !
ซึ่งสิ่งที่ทุกคนอยากได้ที่สุดก็คือการมีบ้านให้อยู่ได้อย่างสงบสุข ! ทำให้หลังจากที่เห็นฉู่เหินออกมา พวกเขาก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ !!!
และเหตุที่เรื่องที่อยู่นั้นสำคัญมาก เพราะมันหมายถึงโอกาสในการพัฒนาตัวเอง ! ทำให้ถ้าทำเลไม่ดี งั้นแล้วเวลาเกิดสงครามกลุ่มพวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบที่สุด ! จนทำให้พวกเขากลายเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุดของทั้งห้ากลุ่มเลยก็ได้ ซึ่งก็ต้องเข้าใจว่ามันสำคัญขนาดไหน ด้วยในทุก ๆ ปี กลุ่มที่เป็นที่หนึ่งจะได้รับของรางวัลจากสนามรบชิงคงไปไม่น้อยเลย !!!
…และเมื่อพวกเขาเห็นฉู่เหินออกมาแบบนี้ก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย เพราะอีกฝ่ายพูดบอกว่าของดี ๆ ในนั้นมีน้อยมาก !!!