สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 268 สั่งปิดจริงๆ
บทที่ 268 สั่งปิดจริงๆ
บทที่ 268 สั่งปิดจริงๆ
หากว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่โทรก็ช่างมันเถอะ เพราะถ้าเขาโทรไม่ใช่แค่เขา แต่คนที่อยู่เบื้องหลังเขา ได้เจ็บตัวแน่ๆ
แน่นอนว่าชายร่างผอมสูงไม่อาจ อดต่อคำดูหมิ่นนี้ได้ เขาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างไม่ลังเล ขณะที่โทรออกไปก็บนใบหน้าก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาอยากเห็นว่า คนที่อยู่ข้างหน้าเขาจะคุกเข่าอ้อนวอนทันทีแค่คิดก็สนุกแล้ว
สำหรับคนน่ารังเกลียจแบบนี้ ฉู่เหินไม่แม้แต่จะเหลียวมอง แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายเริ่มมองหน้าไม่ติดกันแล้ว ฉู่เหินเองก็หงุดหงิดพอสมควร ทว่า ชายหนุ่มก็กักเก็บความโกรธเอาไว้ไม่ให้มันระเบิดออกมา เขาอยากรู้นักว่าคนพวกนี้มีดีอะไร
และเขาอยากให้ทุกคนรู้ว่านี่เป็นวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านทั้งสองของพวกเขา ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกมันง่าย ๆ แน่ ไม่ว่าคนหนุนหลังจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ฉู่เหินคิดว่าเขาสามารถจัดการได้ทันทีถ้าเขาต้องการ
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้เข้าแข่งขันจากทั้งสองหมู่บ้านก็แห่กันเข้ามา หลังจากพวกเขามาถึงที่นี่พวกเขาก็พบว่าบรรยากาศมันแปลกประหลาดมาก แต่คนเหล่านี้ฉลาดมากจึงเลือกที่จะไม่สนใจมัน ตอนนี้ทุกคนรู้ว่าฉู่เหินกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นและฉู่เหินก็อยู่ที่นี่ ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะกระทบกระทั่งกับฉู่เหิน
หลังจากนั้นอีกครู่หนึ่งรถยนต์ก็เริ่มขับเข้ามาที่นี่มากมาย ฉู่เหินเหลือบมองก็พบว่าคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนใหญ่คนโต มีผู้นำของบริษัทขนาดใหญ่บางแห่ง แม้แต่ทีมมังกรเองก็มาหาฉู่เหินเช่นกัน
ในจตุรัสขนาดใหญ่มีที่จอดรถหลายสิบหรือหลายร้อยคันในชั่วพริบตา แถมยังมีแบรนด์ดังต่าง ๆ มามากมาย รถยนต์หรูหราราคาหลายล้านไปจนถึงหลายสิบล้านจอดเรียงราย
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่เหินก็เห็นผู้อาวุโสจางเดินมาแต่ไกลผู้อาวุโสจางจอดรถอยู่นอกหมู่บ้าน มีกฎที่เขียนไว้ที่นี่ในหมู่บ้านชาวประมง ห้ามมิให้มียานพาหนะจากต่างแดนเข้ามาในหมู่บ้านเว้นแต่เป็นยานพาหนะที่ใช้สำหรับเก็บปลา นอกจากนี้ยังเพื่อให้แน่ใจว่ารถที่ส่งปลาจะสามารถวิ่งได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง
แต่คนเหล่านี้ที่มาในวันนี้มีทั้งคนที่ร่ำรวยและมีเงินทอง และพวกเขาก็ไม่สนใจป้ายเตือนหรืออะไรทั้งนั้น มีเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่สนใจในป้ายเตือนนี่และจอดรถไว้ด้านนอก
ความจริงแล้วป้ายเตือนนี้ก็ไม่ได้มีผลอะไรมากนัก มันถูกตั้งขึ้นโดยชาวบ้านเพื่อความสะดวกซึ่งกันและกัน เหมือนครั้งที่ฉู่เหินจัดการประมูลครั้งที่แล้วหลายคนขับรถเข้าไปในหมู่บ้าน ยังไงตอนนี้ก็ไม่ใช่ฤดูกาลสำหรับการตกปลา ดังนั้นชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ว่าอะไร
หลังจากเห็นผู้อาวุโสจางมาที่นี่ ฉู่เหินก็เตรียมตัวที่จะทักทายตามสัญชาตญาณเนื่องจากเป็นเพื่อนกัน แต่ทันใดนั้นพี่รองก็เดินมาหาฉู่เหินด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยวและกระซิบที่หูของเขา
ฉู่เหินไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าชายร่างผอมสูงคนนี้จะมีความสามารถบางอย่างจริงๆ ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงโรงงานอาหารของเขาก็ถูกปิดจริงๆ ส่วนเหตุผลของการถูกสั่งปิดนั้นยิ่งไร้สาระมาก จากที่พี่รองบอกมา ข้อหาคือพวกเขาใช้สัตว์สงวนเป็นอาหาร แต่จนถึงตอนนี้โรงงานอาหารยังไม่ได้ผลิตอะไรออกมาเลย นี่จึงเป็นข้อหาที่น่าตลกซะจริง!
“พี่รองไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องประกาศ ร้านของผมไม่ถูกปิดได้ง่าย ๆ หรอกนะ ถ้าพวกนายอยากจะรังแกฉันนัก ก็ต้องดูว่าพวกนายมีความความสามารถจริง ๆ หรือเปล่า” สีหน้าของฉู่เหินเปลี่ยนไปหลังจากที่พี่รองอธิบายมา
ผู้อาวุโสจางคิดว่าวันนี้มันแปลกๆ เขาเห็นฉู่เหินยืนอยู่ไกลออกไป แต่เหมือนฉู่เหินเห็นเขาแล้ว ทำไม่ไม่เข้ามาทักทายกันเลยนะ จากนั้นเขาก็ยืนคิดอยู่ซักครู่หนึ่งว่ามันอาจจะมีบางอย่างผิดปกติ
“ไงน้องฉู่ ที่นี่ใหญ่จริง ๆ ? ถ้าไม่มองดีๆ ก็หานายไม่เจอหรอกนะเนี่ย” ผู้อาวุโสจางเดินเข้ามาหาฉู่เหินและจ้องมองไปที่เขาแบบสงสัย
“ฮ่าฮ่า เฮียจางโทษผมไม่ได้หรอก คุณต้องโทษตัวเองซะมากกว่า มรดกทางวัฒนธรรมของสองหมู่บ้านของเราเสื่อมโทรมลงอย่างสมบูรณ์เพราะการแทรกแซงของคุณ วันนี้พี่พาใครมาล่ะเนี่ย แต่ละคนดูท่าทางเสแสร้งแบบนี้”
คำพูดของฉู่เหินค่อนข้างได้ยินเป็นบริเวณกว้างและเสียงของเขาดังขึ้น ทันทีที่ประโยคพูดออกไปทั่วทั้งจตุรัสก็เงียบกริบ จากนั้นพวกที่มาจากข้างนอกทั้งหมดก็จ้องมองมาที่พวกเขา หากพวกเขาไม่รู้สถานะของผู้อาวุโสจางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เหินละก็ ป่านนี้พวกเขาคงพุ่งเข้าชกหน้าฉู่เหินแล้ว
“น้องฉู่ ฉันก็แค่อยากจะทำให้มันครึกครื้นเท่านั้น หรือว่าเกิดเรื่องผิดพลาดอะไรขึ้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงพี่ชายคนนี้จะแก้ไขให้เอง” ผู้อาวุโสจางรู้ว่ามันจะต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่ๆ ไม่งั้นแล้วฉู่เหินคงไม่พูดแบบนี้
“เฮียจาง ผมก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ตอนนี้เหมือนว่าอะไรหลายอย่างจะใหญ่ไปหน่อย ผมตัดสินใจแล้วและผมจะฆ่าปลาสีขาวทั้งหมดในบ่อปลา และตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับมหาสมุทรอย่างสมบูรณ์ เพื่อความปลอดภัยจะได้เป็นชาวประมงธรรมดา ๆ ในที่แห่งนี้ ถ้าคุณมีอะไรในอนาคตก็ติดต่อมาหาผมเพราะผมไม่อยากจะไปมาหาสู่กับพี่อีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ผู้อาวุโสจางก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าฉู่เหินออกจะพูดเกินไปหน่อย ผู้อาวุโสจางรู้สึกว่าแบบนี้มันเกินไปแล้ว ผู้อาวุโสจางหันไปจ้องมองคนเหล่านั้นที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้อย่างโกรธแค้น
“น้องฉู่ คนเราทำความเข้าใจกันใหม่ได้ มีเรื่องอะไรก็พูดให้มันชัดเจนหน่อยสิ ฉันเองก็ดีกับนายมากแต่ถ้านายทำตัวแบบนี้ พี่ชายคนนี้ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า” ผู้อาวุโสจางไม่อยากจะเล่นเกมอารมณ์กับฉู่เหินแล้ว
“เฮียว่าโรงงานแปรรูปอาหารของผมยังไม่ได้เริ่มผลิตอย่างเป็นทางการสินะ แล้วทำไมผมต้องใช้สัตว์สงวนมาทำเป็นอาหารและตอนนี้ถูกสั่งปิดละ ผมไม่เข้าใจจริงๆ นี่เป็นเรื่องส่วนตัวรึเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เหิน ผู้อาวุโสจางยังไม่รู้ว่าต้นตอของเรื่องนี้คือฝีมือใคร แต่เขารู้สึกโกรธมากๆ เขารู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องรีบแก้ไขเรื่องนี้แล้วให้คนพวกนี้มาขอโทษฉู่เหิน ไม่งั้นแล้วเรื่องนี้ไม่จบง่าย ๆ แน่
“น้องฉู่ เดี๋ยวฉันจะโทรหาพวกเขาให้ทันทีเลย”
ผู้อาวุโสจางถูกขัดจังหวะโดยฉู่เหินก่อนที่เขาจะพูดจบ “เฮีย ผมเข้าใจว่าวันนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่ ยิ่งไปกว่านั้นบริษัทของผมจะบอกให้เปิดก็เปิด บอกให้ปิดก็ปิดได้เหรอ ตรวจสอบก็ได้จะปิดก็ได้ แต่ต้องให้เหตุผลผมบ้าง ไม่งั้นผมเองก็ต้องลงมือบ้างแล้วนะ”
ผู้อาวุโสจางลังเลก่อนที่จะโทรไปยังทีมมังกรและให้พวกเขาก็ตรวจสอบหาสาเหตุของเรื่องนี้ทันที ไม่นานนักผลการสอบสวนก็ออกมา มันมาจากลูกคนรวยรุ่นที่สอง* โง่ๆคนหนึ่ง (คนรุ่น 2 คือคนที่เกิดมาแล้วร่ำรวยยิ่งใหญ่จากพ่อแม่)
ทุกอย่างจบลงเมื่อพวกเขาเจอสาเหตุ ฉู่เหินก็ไม่ใช่คนหัวดื้อ แต่เขาต้องการความชัดเจน พ่อของเด็กคนนั่นจะต้องได้รับบทลงโทษ? สุดท้ายแล้วเรื่องนี้เลยถูกขุดลงไปให้ลึกที่สุดและทีมมังกรก็ได้ส่งทีมสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไปสืบทั้งโครตว่าอีกฝ่ายเคยทำอะไรมาบ้าง
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ผลที่ได้ก็คือ พ่อของชายร่างสูงผอมและพรรคพวกอีกมากกว่า 30 คนถูกตั้งกรรมการสอบทั้งหมด กระทั้งชายร่างผอมก็ไม่นึกไม่ฝันว่าพ่อของเขาก็โดนไปด้วย
แค่ 1 ชั่วโมงเรื่องนี้ก็จบลงด้วยดี เหล่าคนนอกเหล่าเองก็ได้ยินผลของเรื่องนี้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าหมู่บ้านมีความสามารถและมีผู้อยู่เบื้องหลัง แต่พวกเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้
ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็สามารถตัดสินชะตาชีวิตของคน 30 คนในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง เมื่อพวกเขาย้อนมองตัวเองแล้วเกรงว่าในสายตาของฉู่เหินพวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับลมตด ท่าทางอวดดีเมื่อครู่ของพวกเขาได้หายไปอย่างสิ้นเชิง เหลือเพียงความรู้สึกหวาดกลัวเท่านั้น !