สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 188 แค่ทนดูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง
บทที่ 188 แค่ทนดูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง[รีไรท์]
บทที่ 188 แค่ทนดูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง[รีไรท์]
ฉู่เหินมองหาเสี่ยวฟู๋ในกลุ่มคนตระกูลซ่างกวง เขาเห็นเธอใส่หน้ากากที่ดูงดงามปิดบังใบหน้า กลุ่มตระกูลซ่างกวงได้มอบมันให้กับเธอเอง แท้จริงแล้ววัสดุของหน้ากากนี่นั้นสามารถขัดขวางการค้นหาจากจิตวิญญาณได้ด้วย
ฉู่เหินสัมผัสได้ว่าโจวหมิงต้องแพ้แน่ ๆ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เขากลัวว่าโจวหมิงจะเอาชีวิตไปทิ้งต่างหาก เพราะอย่างนั้นชายหนุ่มจึงได้เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือได้ทุกเวลา แต่ว่าที่นี่มีศัตรูมากเกินไป ฉู่เหินไม่อยากผลีผลามออกไปเพราะเกรงว่าผู้แข็งแกร่งเหล่านี้อาจรู้จักตัวตนของเขา
ในขณะนั้นเองก็มีผู้ที่สวมหน้ากากแบบนี้อยู่หลายคน เมื่อเห็นแบบนี้ฉู่เหินขอยืมหน้ากากจากเสี่ยวฟู๋แล้วจึงเดินปลีกตัวออกไป สำหรับเขาที่ไม่มีคนสนใจ การจะทำอะไรย่อมสะดวกกว่า ฉู่เหินสอดส่องสายตาสักพัก สำหรับการพยายามปิดบังตัวตนตอนนี้เขาถือว่าทำได้ดีทีเดียว ฉูเหินดูเหมือนชายร่างสมส่วนอายุประมาณ 20 กว่า
ถ้าไม่นับโม่เจียว คงไม่มีใครจำเขาได้แน่นอน
กลับมาที่ทางโจวหมิง เขาต่อยไปที่ช้างแมมมอธ ทว่าก็ทำได้เเค่การสั่นสะเทือนเล็กน้อยบนผิวหนังเท่านั้น มันยกขาหน้าขึ้นมาเหนือตัวโจวหมิงแล้วเล็งไปที่หน้าอกของโจวหมิง
ประสาทสัมผัสของโจวหมิงตื่นตัวอย่างฉับพลัน ในเมื่อหมัดของเขาไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสะเทือนได้แม้แต่น้อย ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ต้องเตรียมมองหาทางหนีทีไล่โดยเร็ว พอเห็นมันยกเท้าเตรียมที่จะเตะ โจวหมิงจึงสามารถหลบการโจมตีได้อย่างฉิวเฉียด
เขากระโดดลอยกลับมาทันทีตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่าช้างตัวนี้น่ากลัวมากแค่ไหน ทว่าก่อนที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ในตอนนั้นเองตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ก็ระเบิดเป็นหลุมเล็ก ๆ เพราะการโจมตีจากธนูของอัศวินที่อยู่บนหลังช้างนั่นเอง มันคือธนูเวทมนตร์ที่ยาวกว่าเมตรครึ่ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีลูกศร แต่คันธนูก็สามารถเรียกลูกศรออกมาจากต่างมิติได้
คันธนูนี้ทรงพลังมาก เพราะไม่ใช่แค่การที่มีลูกศรพุ่งออกมาจากความว่างเปล่าเท่านั้น แม้แต่ลมที่ลูกศรพุ่งผ่านก็รุนแรงเสียจนทำลายพื้นที่โดยรอบ ๆ ไปจนหมด
ฉู่เหินรู้ดีเลยว่าอาวุธชิ้นนั้นต้องใช้งานยากแน่ ๆ เพราะหลังจากยิงไปเพียงแค่ครั้งเดียว คนผู้นั้นก็หน้าซีดแล้ว
ทว่าเพียงแค่นั้นก็ทำเอาโจวหมิงอ่อนแรงลงมาก เขาไม่สามารถหลบการโจมตีครั้งที่ 2 ได้จนบาดเจ็บที่ขาขวา ใบหน้าของเขาดูแย่มาก หากแต่ก็ต้องกัดฟันอดทนเอาไว้ ส่วนอัศวินนั่นก็ยังคงง้างคันธนูเตรียมที่จะยิงเขาอีกครั้ง
มันเกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่ผู้อาวุโสก็ยังตามไม่ทัน และไม่คิดว่าพวกตะวันตกพวกนี้จะเล่นไม่ซื่อ ดูเหมือนว่าลูกศรดอกที่ 2 จะจงใจจะสังหารศิษย์ของพวกเขา โชคดีที่คนที่ยิงธนูผู้นั้นมีพลังสูงสุดแค่ระดับปรมาจารย์ขั้นกลางเท่านั้น เพราะงั้นโจวหมิงเลยเลี่ยงจุดตายได้ทัน
แต่ลูกศรดอกที่ 3 ล่ะ!
ลูกธนูนั้นพุ่งผ่านอากาศมาอย่างโหดเหี้ยม หากว่าโจวหมิงถูกยิงเข้าไปต่อให้มี 9 ชีวิตก็คงไม่รอด ขณะที่ชีวิตของเขากำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทุกคนก็มองเห็นเงาดำเส้นหนึ่งพุ่งตัวออกไป พวกเขาเห็นหมัดของเขาคนนั้นต่อยเข้าไปที่ลูกศรอย่างรวดเร็ว!
ปัง!
เสียงปะทะกันดังสนั่นลั่นฟ้า มันเป็นเสียงที่เกิดจากการขวางของคนผู้นั้นจนเกิดระเบิดขึ้น ขณะเดียวกันเงาดำนั่นก็คว้าโจวหมิงหนีออกจากที่ที่เขายืนอยู่ตอนแรก ไม่ต้องถามว่าคนผู้นั้นคือใคร
เขาคนนั้นคือฉู่เหินนั่นเอง ชายหนุ่มเตรียมพลังกิเลนไว้ที่ฝ่ามืออยู่แล้ว เมื่อปะทะกันจึงทำให้เกิดการระเบิดจนสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ
เมื่อฉู่เหินประคองโจวหมิงมาข้าง ๆ ฝูงชนได้ เขาก็หันกลับไปก็จ้องมองอัศวินคนนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่งที่อัดแน่นไปด้วยไอสังหาร มันรุนแรงเสียจนทำให้ร่างของอีกฝ่ายถึงกับสั่นระริกด้วยความกลัว
“แกเป็นใคร? บังอาจมาขัดขวางการต่อสู้ หรือว่าแกจะไม่เคารพกฎกติกา?” โทนี่อัศวินหนุ่มหรี่ตาถามด้วยภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่องนัก
“ก็ไม่ทำไม ฉันแค่ทนดูไม่ได้ก็เท่านั้นเอง แต่ว่าฉันละแปลกใจจริง ๆ ว่าที่บ้านแกไม่มีใครสอนเรื่องวิธีการพูดกับใครอื่นหรือไงกัน?” ฉู่เหินพูดเย้ยหยัน
“หมายความว่าไง?” โทนี่พูดภาษาจีนได้แค่นิดหน่อย และถึงเขาจะไม่รู้วัฒนธรรมจีนมาก แต่ก็รับรู้ได้ว่าคนที่เข้ามาขัดขวางการต่อสู้ของเขากำลังพาดพิงอะไรสักอย่างถึงพ่อแม่ของเขา
ถึงตอนนี้ชาวเอเชียหัวเราะลั่น โม่เจียวตะโกนขึ้นว่า “เขากำลังบอกว่าแกมันเป็นคนโง่ที่ไม่มีการศึกษาไง กลับบ้านของแกไปซะ!”
พวกชาวตะวันออกยิ่งขำมากขึ้นไปอีก สีหน้าโทนี่แดงก่ำ เต็มไปด้วยด้วยความโกรธ เขาไม่คิดว่าจะมีใครพูดกับเขาแบบนี้
“หน๋อย แกเป็นใครถึงกล้าพูดกับฉันแบบนี้ฮะ!?” ถ้าไม่ใช่เพราะเมื่อกี้ฉู่เหินทำให้สนามสั่นสะเทือนละก็ เขาคงเข้าไปต่อยอีกฝ่ายนานแล้ว แค่หมัดเดียวของฉู่เหินก็สามารถหยุดยั้งลูกศรได้ นี่มันใครกัน?
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ทนดูไม่ได้เฉยๆ” เขาพูดประโยคเดิมซ้ำอีกครั้ง แต่เป็นประโยคที่คนฟังรู้สึกไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิง โทนี่มองฉู่เหินด้วยดวงตาที่ฉายแววไปด้วยความโกรธแค้น
“โอ้ จริงสิ ว่าแต่นายชื่ออะไรนะ? เมื่อกี้ที่บอกมาฉันจำไม่ได้ แต่เห็นว่าขนสีทองแบบนี้เรียกว่าเจ้าโกลเด้นก็แล้วกัน อีกฝ่ายเขายอมแพ้แล้วแต่นายก็ยังจะฆ่าเขาอีกอย่างนั้นเหรอ?”
โทนี่ตะโกนออกมาทันที “ฉันบอกเขาไปแล้วว่านี่คือการประลองโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน นายจะทำไม?”
ฉู่เหินเอามือไพล่หลังแล้วจ้องมองอีกฝ่าย “ฉันไม่ว่าอะไรหรอกถ้าจะประลองกันถึงตายน่ะ แต่ฉันเองก็อยากจะเดิมพันด้วยเหมือนกัน งั้นเอาเป็นว่าเรามาลองกันสักหน่อยไหมล่ะ?”
“ฉันเดิมพันด้วยอาวุธอันนี้เลย ถ้าฉันตาย แกก็เอาทุกอย่างไปซะ กลับกันถ้าแกตายทุกอย่างของแกก็จะเป็นของฉัน”
ฉู่เหินแบะปากพูดว่า “ของบนตัวแก ? นี่แกใช้ของพรรค์นี้เป็นเดิมพัน แบบนี้ฉันก็เสียเปรียบสิ ถ้านายจะเดิมพันกับฉันจริง ๆ ต้องลงทุนหน่อย ฉันขอไม้เท้าขักขระ*ของคนนั้นแทนก็แล้วกัน” ฉู่เหินชี้นิ้วไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลังของโทนี่
เมื่อโทนี่หันกลับไปมองก็เริ่มหน้าเสีย เพราะคนที่ฉู่เหินหมายถึงก็คือท่านนักบวชของเขานั่นเอง
“ถ้าไม่กล้าก็อย่าเลย ฉันเองก็ไม่ชอบทำร้ายคนอื่นหรอกนะ” ฉู่เหินพูดพร้อมหัวเราะ
แววตาของโทนี่แสดงถึงความหวาดระแวงออกมา ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกตะวันตกเองก็มองออกว่าที่ฉู่เหินพูดออกมานั้นเป็นการยั่วยุ
ฉู่เหินปรายตามองอีกฝ่ายก่อนที่จะพูดก็เติมเชื้อไฟลงไปอีกครั้ง “ถ้านายกล้าเอาไม้เท้านั่นมาลงพนัน ฉันจะอนุญาตให้ไอ้คนเมื่อกี้ลงมาช่วยด้วย สองต่อหนึ่ง ถ้าพวกนายยังไม่กล้าสู้ แล้วสู้ไปจะมีประโยชน์อะไร? ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องมาที่นี่เพื่อหาของวิเศษหรอก ถ้าเป็นฉันสู้นอนหลับอยู่บ้านเสียยังจะดีกว่า”
—–
* ไม้เท้าขักขระ คือไม้เท้าแบบพระจีน