สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 182 โม่เจียว[
บทที่ 182 โม่เจียว[รีไรท์]
บทที่ 182 โม่เจียว[รีไรท์]
“ฉันยังสัมผัสได้ถึงเส้นวิญญาณอีกสายหนึ่งของราชางูอีกด้วยนะ” พอเด็กสาวพูดจบ เธอถึงกับพ่นลมหายใจออกมาประหนึ่งกลัวว่าฉู่เหินจะไม่เชื่อที่เธอพูด
ฉู่เหินมองท่าทางไม่เป็นพิษเป็นภัยของเด็กสาว ยังไงก็ไม่รู้อยู่ดีว่าเธอข้องเกี่ยวกับราชางูได้ยังไง ดังนั้นฉู่เหินจึงไม่มีทางเลือกนอกจากลองเชื่อเด็กสาวดูสักหน่อย ยิ่งมองรอยยิ้มหวาน ๆ ของเธอก็ยิ่งทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะเชื่อ
“แล้วฉันต้องทำยังไงล่ะ?” ฉู่เหินถาม
“ดูจากคำสาปในร่างแล้ว เขาน่าจะร่ายทิ้งเอาไว้ก่อนตาย ฉันไม่สามารถเอามันออกได้หรอกเพราะมันอาจจะทำให้ฉันตายไปด้วย แต่ถ้าพี่ชายเชื่อใจฉัน ฉันก็ยินดีที่จะตามพี่ไปทุกที่เลย ถ้ามีพวกงูมันจับทางพี่ได้ละก็ฉันต้องรู้แน่ๆ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น ฉู่เหินก็ลังเลก่อนที่จะพยักหน้าเห็นด้วย เพราะลึก ๆ แล้วเขาก็คิดว่าการเก็บเด็กคนนี้ไว้ข้างกายก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดเช่นกัน
เด็กคนนี้ชื่อโม่เจียว เป็นเด็กสาวที่ฉลาดแถมยังน่ารัก ระหว่างที่เธอเดินไปกับฉู่เหินมันทำให้เขารู้สึกไม่เหงาเลย แม้ว่าจะเพิ่งรู้จักกัน แต่ปากของเด็กคนนี้กลับพูดเจื้อยแจ้วไม่จบไม่สิ้นสักที!
“ใช่แล้วพี่ชาย ฉันพูดถึงไหนแล้วนะ? เออใช่ ฉันบอกว่าตอนที่ฉันอายุ 3 ขวบน่ะ ฉันจำได้เลยว่า!…” ฉู่เหินมองไปยังเธอด้วยความรู้สึกตะขิดตะขวงที่เธอเอาแต่พูดแบบนี้ น่าจะพูดมาตั้งแต่ 3 ขวบเลยล่ะมั้งเนี่ย แถมดูท่าว่าจะไม่หยุดพูดง่าย ๆ เสียด้วย
แต่อย่างน้อยนี่มันก็ทำให้เขาไม่เหงาในระหว่างที่เดินทางละนะ ไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลจิตเวช ฉู่เหินตั้งสมาธิเป็นพิเศษและบอกเด็กสาวได้ว่าให้เธอหยุดพูดอะไรเสียงดังในโรงพยาบาทจิตเวช อยากพูดอะไรก็ค่อยเก็บไว้พูดทีหลัง!
พอเด็กสาวได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าอย่างแข็งขัน ก่อนที่จะทำท่ารูดซิปปากเงียบประหนึ่งว่าปากของเธอไม่เคยพูดมาก่อน ท่าทางตลก ๆ ของหญิงสาวทำให้ฉู่เหินเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
พ่อของซวี่เหลียง ซวี่ฮงหยิงเหมือนจะเปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาของเขาที่ดูจะจ้องมองไปอย่างไร้จุดหมายและดูแปลกประหลาด ฉู่เหินเองก็ได้แต่รู้สึกเศร้าที่ได้เห็นแบบนั้น นี่เขายังเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าที่ชื่อว่า ซวี่ฮงหยินแห่งเมืองหยุนหลิงอยู่งั้นเหรอ? ถ้าเกิดว่าซวี่เหลียงเห็นเข้าล่ะ? นี่จะต้องสร้างความรู้สึกไม่ดีในจิตใจของเขาแน่ ๆ
“ลุงซ่างกวง หมอว่าไงบ้างครับ?” หลังจากฉู่เหินมาถึงโรงพยาบาล เขาก็พบเข้ากับซ่างกวงชิงเฟิงที่อยู่ในห้อง ดังนั้นชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
“สภาพของเขาตอนนี้ไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ หมอวินิจฉัยแล้วว่าเขาขาดสารอาหาร แถมดูเหมือนจะโดนยาพิษที่ทำให้ดวงตาพร่าเลือนอีกด้วย ถ้าให้เวลามากกว่านี้ก็น่าจะหาทางแก้ได้”
ชิงเฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยในฐานะความภาคภูมิใจของตระกูลซ่างกวง ฉู่เหินเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เขาถอนหายใจออกมายาวเหยียด ดูท่าแล้วเขาก็คงจะต้องรอคำตอบจากหมออย่างเดียว
โม่เจียวกะพริบตามองคนไข้ตาโตอย่างระมัดระวัง เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ด้วยข้อตกลงที่ทำไว้กับฉู่เหินเธอจึงปิดปากเงียบเอาไว้
ฉู่เหินเห็นแบบนั้นก็ได้แต่แอบขำปนโกรธ เด็กคนนี้น่าจะต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ แต่มันก็สักพักหนึ่งแล้ว และมันแปลกเกินกว่าที่เขาจะให้เธอพูดได้
“เป็นอะไรล่ะ? ทนไม่พูดไม่ไหวแล้วเหรอ?” เมื่อมองไปที่ซวี่ฮงหยิง ฉู่เหินก็ยิ่งโมโห หากแต่เด็กสาวข้าง ๆ กลับทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ได้เหรอ? ฉันว่าฉันสามารถหาทางแก้พิษให้กับเขาได้นะ แต่ว่าพี่ชายไม่ยอมให้ฉันพูด เพราะงั้นฉันก็เลยไม่พูด” เด็กสาวหันมาตอบกลับ
ก่อนที่เด็กสาวจะอธิบายต่อว่า ราชางูนั้นมีคัมภีร์ 8 เล่ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเกี่ยวกับการใช้พิษ หลังจากคิดดูแล้วก็ช่วยไม่ได้ที่แววตาของฉู่เหินจะเปล่งประกายในทันที และทันทีที่เธอพูดออกมา เธอก็ยืนมือจับไปยังกระเป๋ากระโปรงของตัวเอง และถอยออกมา
“พี่ชาย ฉันบอกแล้วไงว่าพวกเราน่ะเหมือนกัน ถึงฉันยังเด็ก แต่ว่าฉันก็สวยนะ! แต่ฉันก็ไม่ใช่คนง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้! เพราะงั้นอย่าหวัง!”
เมื่อฉู่เหินมองเธอที่มีสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น เขาก็เหมือนจะรู้สึกว่าบนศีรษะตัวเองเพิ่งมีอีการ้อยตัวบินผ่านไป ก่อนที่จะเดินเข้าไปดีดหน้าผากเธอด้วยความหมั่นไส้
“อย่าไปคิดได้แต่เรื่องไร้สาระน่า ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย”
เมื่อมองไปยังฉู่เหินที่ทำท่าจนปัญญา เด็กสาวก็อดที่จะฉีกยิ้มออกมาไม่ได้ ฉู่เหินรู้ได้ทันทีเลยว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กธรรมดา แถมเธอก็ยังมีอารมณ์ขันมากอีกด้วย ถ้าบอกว่าเป็นราชางูก็ยังพอทน แต่ถ้าบอกเป็นปีศาจละก็น่าจะประหลาดน่าดู
“ก็แค่เล่นมุกแหละน่า ทำไมต้องจริงจังด้วยล่ะ ไม่มีอารมณ์ขันเอาเสียเลยนะพี่อ่ะ”
ฉู่เหินรู้สึกได้เลยว่าถ้าต้องอยู่กับเด็กคนนี้ไปอีกช่วงระยะเวลาหนึ่งเขาจะต้องเป็นบ้าแน่ ๆ แต่ก็ดีอยู่บ้างที่ว่าการเดินทางนี้จะไม่เงียบเหงา
“นี่คือพ่อของเพื่อนฉัน และเป็นคนสำคัญมาก ถ้าทำได้ละก็ ได้โปรดช่วยรักษาเขาด้วย แล้วฉันจะยอมเป็นหนี้บุญคุณเธอเลย”
เด็กสาวยิ้มพร้อมกระโดดด้วยความยินดี ทันใดนั้นเธอก็เดินมาที่ร่างของซวี่ฮงหยิงก่อนที่จะหยิบเข็มเงินออกมาแล้วทิ่มไปที่ร่างของเธอ จากนั่นก็ยื่นมือไปจับซวี่ฮงหยิงและทิ่มเข็มเงินที่ร่างกายของเขา ทันใดนั้นใบหน้าของเด็กสาวก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ ฉู่เหินหยิบทิชชูออกมาแล้วเดินเข้าไปซับเหงื่อให้เธอ เธอหันกลับมายิ้มให้แทนคำกล่าวขอบคุณแล้วสานต่อสิ่งที่ทำไว้
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป มือของเธอไม่ได้หยุดทำงานเลย แม้แต่ใบหน้าของเธอก็ปราศจากรอยยิ้มขี้เล่นและเปลี่ยนเป็นสีหน้าเคร่งขรึม ฉู่เหินที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมองใบหน้านั้นด้วยความไม่ชอบใจ เดิมทีเขาต้องการอ้าปากถามอาการสักหน่อย แต่พอเห็นว่าเด็กสาวนั้นกำลังครุ่นคิดอย่างละเอียดลอออยู่ จึงไม่คิดที่จะรบกวนเธอ
“พี่ชาย คุณปู่โดนพิษงูแรงมาก มันเป็นพิษที่ร้ายกาจมาก มันคือสิ่งที่ถูกทำขึ้นมา พิษจำนวนมากมายที่เกิดจากงูร้อยตัวถูกกักอยู่ในไหกว่า 100 วัน พวกนั้นฆ่ากันเองจนได้พิษที่ร้ายกาจที่สุด!”
“พิษนี้รุนแรงถึงขั้นทำลายประสาท ถ้าร่างกายอ่อนแอก็จะมองเห็นภาพหลอน มันเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก”
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นาน เด็กสาวก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
ฉู่เหินรู้สึกพูดไม่ออกหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แม้แต่ ซวี่ฮงหยิงยังถูกเรียกว่าปู่ นี่ทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียว แม้แต่ซ่างกวงชิงเฟิงเองก็เหมือนกัน เขาพยายามจะถามอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็หุบปากตัวเองไปทันที เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะเรียกเขาว่าคุณปู่เหลือเกิน ด้วยความอับอายดังกล่าวนี้ทำให้เขาเกินกว่าจะพูดได้
ทว่าเมื่อทั้งสองได้ยินเรื่องวิชาพิษ พวกเขาต่างก็มั่นใจได้เลยว่านี่จะต้องเป็นฝีมือของราชางูเซียงซีแน่นอน ทั้งคู่โกรธมาก การฝึกตนรูปแบบนี้เป็นเรื่องไร้มนุษยธรรม หากแต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่ถ้าอีกฝ่ายที่ใช้จะเป็นราชางู
“มันก็ไม่ใช่ว่าจะไร้ทางถอนพิษหรอกนะ แต่ว่าวิธีนี้จำเป็นต้องใช้พาหะในการนำพิษออกมาก่อน จริง ๆ ฉันมีพิษบางอย่างที่เคยทำไว้ พิษชนิดนี้ไม่มีความรุนแรงมากมายนัก ดังนั้นพิษจึงเป็นพิษที่ไม่มีทางแก้”