สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 143 การต่อสู้
บทที่ 143 การต่อสู้[รีไรท์]
บทที่ 143 การต่อสู้[รีไรท์]
อย่างไรก็ตามชายชราคนนั้นก็ยังคงมองฉู่เหินด้วยความชื่นชม สิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นปฏิปักษ์หรือไม่ มันเป็นความชื่นชมอย่างแท้จริง เขาไม่เพียงชื่นชมความกล้าหาญของฉู่เหินเท่านั้น แต่ยังชื่นชมความเป็นมนุษย์ของอีกฝ่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองไปทางฉู่เหินนั้น เขาก็อดกังวลเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ของอีกฝ่ายไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าฉู่เหินเรียนรู้มานานขนาดไหนแล้ว แต่ดูแล้วยังขาดประสบการณ์อยู่มาก
ในช่วงเวลาสั้น ๆ ชายชราก็สามารถรู้ได้ในทันที แม้ว่าพวกเขานั้นจะภาคภูมิใจในวิชาของตัวเอง แต่เขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันจะคุ้มค่าไหมที่จะสอนมันให้กับฉู่เหิน
“ใช่ ฉันนี่แหละ ฉู่เหิน”
หลังจากได้รับคำตอบ ชายชราก็ยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่ได้คาดหวังว่าชีวิตนี้นั้นกว่าจะเลือกรับลูกศิษย์สักคน แต่พอจะรับลูกศิษย์เขาก็ดันกลายมาเป็นศัตรู ชายชรารู้ดีว่าการถ่ายทอดวิชาให้กับศัตรูนั้นคงจะไม่ใช่อะไรที่เขาควรทำ
ด้วยเหตุผลนี้ เขาและฉู่เหินก็คงไม่สามารถที่จะเป็นพวกกันได้อย่างแน่นอน
“มีหนังสืออยู่ในแหวนมิติ มันมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ เป็นคำแนะนำพื้นฐานเกี่ยวกับโลก รวมทั้งการใช้จิตวิญญาณและยารักษา ถ้าเกิดว่าฉันตายก็เอาแหวนนี้ไปได้เลย”
สิ้นคำเสร็จชายชราก็พูดต่อไปว่า “ถ้าเกิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายละก็ ครอบครัวของฉัน ฝากนายดูแลด้วยล่ะ! แล้วก็ฝากไปขอโทษคนอื่น ๆ ด้วยก็แล้วกันนะ ส่วนเรื่องแหวนมิตินี่ เดี๋ยวก็จะรู้เอง”
หลังจากพูดจบ บรรยากาศนั้นก็เงียบลงอย่างน่าอึดอัด ในไม่ช้าทั้งสองนั้นจะต้องเข้าปะทะกันอย่างแน่นอน
“ฉันจะทำตามที่ขออย่างแน่นอน” เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของฉู่เหินที่ตอบกลับมา ชายชราก็อดหัวเราะไม่ได้ โลกนี้นั้นมีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ และเขาก็เป็นหนึ่งในนั้น…
“ตายซะ!” เสียงตะโกนเป็นเหมือนสัญญาณเริ่มต้นของการต่อสู้ ฉู่เหินและชายชราเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนต่างคนต่างถอยกันไปตั้งหลัก
ในจังหวะเริ่มต้นของการต่อสู้ เสี่ยวหง เจ้ากระต่ายต้องสาปมันได้ใช้ดวงตาอันกลมโตจ้องไปทางด้านคนทั้งสอง ทันทีที่มันจ้อง ร่างกายของคนในสายตามันก็พลันหยุดนิ่ง ก่อนที่จะบางสิ่งปรากฏบนร่างกายของเขา
ตอนแรกเจ้าเสี่ยวหงคิดว่าคำสาปนั้นอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับคนระดับปรมาจารย์ก็ได้ แต่พอเห็นว่าตัวเองสามารถทำได้สำเร็จ มันก็ทำให้เจ้ากระต่ายน้อยแกว่งเท้าไปมาด้วยความดีใจ ซึ่งฉู่เหินก็ได้แต่ส่ายหัวอย่างหน่ายใจกับการกระทำของมัน
“คำสาปของเจ้านี่มันน่าหวาดหวั่นซะจริง!” เมื่อมองดูกระต่ายที่กระโดดไปมา ฉู่เหินก็อยากจะโบกมันที่ทำให้เขานั้นอารมณ์เสีย
ก่อนที่ฉู่เหินจะกลับไปสู้ต่ออย่างช่วยไม่ได้ แม้ตอนนี้เจ้าตัวเล็กนั้นกำลังร้องเสียงดังอยู่อย่างเอาแต่ใจ แต่ด้วยความช่วยเหลือของมัน นั่นก็ทำให้คู่ต่อสู้อ่อนแอลงมาก
ดาบวงพระจันทร์ในมือสั่นสะเทือนจากการปะทะกันกับชายชรา การปะทะกันทำให้พื้นรอบ ๆ แตกออก และตามมาด้วยเสียงสะท้อนที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงฉู่เหินจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเท่าไหร่
แม้ตอนนี้ชายชรายังบาดเจ็บสาหัสอยู่ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคงสูสีกันอยู่ หลังจากเข้าปะทะกัน พวกเขาก็ต่างถอยไปตั้งหลัก
ฉู่เฟิงนั้นยังคงต่อสู่กับปรมาจารย์หนุ่มอีกคนอยู่ หากแต่ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหุ่นเชิดของชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย หลังจากสู้กันอยู่นาน ฉู่เฟิงก็เริ่มที่จะได้เปรียบ ทันทีที่ฉู่เหินเห็นว่าไม่มีปัญหา เขาก็กลับมาให้ความสนใจกับการต่อสู้ของตัวเองต่อ
ฉู่เหินเคลื่อนไหวได้ราวกับไร้ตัวตน พริบตาเดียวก็เข้ามาประชิดชายชรา แล้ววาดดาบไปข้างหน้าหมายจะฟันคอ
ชายชรานั้นเอี้ยวตัวหลบไปได้อย่างง่ายดาย หากแต่การจู่โจมของฉู่เหินยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น พัดสมบัติของเขาได้พัดพาสายลมออกมา ในจังหวะเดียวกันใบมีดก็กรีดเข้าที่หน้าอกของชายชรา
ชายชราใช้ดาบของเขาต้านรับ ความตกใจครั้งนี้ทำให้ทั้งสองต่างกระโดดถอยออกมาเพื่อสร้างระยะห่าง
หลังจากเห็นร่างของชายชราถอยห่างออกไป โดยชายชราได้ไปยืนอยู่ด้านบนของโกดัง ร่างของฉู่เหินเอง เขาก็ได้กระโดดตามขึ้นมาประจันหน้ากับชายชรา
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นยาวนานจนดึงดูดคนที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อพวกเขาเห็นการต่อสู้เหนือมนุษย์ตรงหน้า พวกเขาก็ได้แค่ยืนอึ้งอย่างช่วยไม่ได้ ภาพนั้นราวกับเป็นการต่อสู้ในจินตนาการที่หลุดมาจากนวนิยายอย่างไรอย่างนั้น
ในอดีต พวกเขาคิดว่าการต่อสู้ระดับนี้เป็นแค่สิ่งที่เพ้อเจ้อเกินจริง แต่ตอนนี้มันก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น การจะกระโดดขึ้นไปด้านบนโกดังได้นั้น คนผู้นั้นจะต้องกระโดดได้สูงกว่า 10 เมตร ภาพตรงหน้าทำให้พวกคอมมานโดตะลึงไปในทันที ถึงแม้ว่าเรื่องทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาอยู่ดี
“ในจังหวะที่เคลื่อนไหว หัวใจก็จะเคลื่อนตามไปด้วย ทุกอย่างนั้นไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้องได้ สิ่งที่ทำให้ของที่จับต้องไม่ได้กลายมาเป็นจับต้องได้นั้นคือความไร้น้ำหนัก สิ่งที่ทำจับต้องได้นั้น ถ้ามันจับต้องไม่ได้ ถ้างั้นก็ต้องทำให้มันเบาที่สุด การเคลื่อนไหวของร่างกายและหัวใจนั้นจะต้องสามัคคี ลืมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าซะ และทุก ๆ อย่างบนโลกซะ เพื่อกลายเป็นสิ่งที่อยู่ยงคงกระพัน!”
ชายชรานั้นรวดเร็วราวกับสายฟ้า ทันใดนั้นฉู่เหินก็ได้รับรู้ในทันที มันราวกับว่าเขาอยู่ในความฝัน ชายหนุ่มรู้ในทันทีว่านั่นเป็นแค่ภาพลวงตา
อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการที่จะตามให้ทัน มันก็ไม่ใช่อะไรที่ทำกันได้ง่าย ๆ ยังไงเสียชายชราตรงหน้าก็เป็นถึงระดับปรมาจารย์มาก่อนฉู่เหิน
ฉู่เหินมั่นใจได้ในทันทีว่าหากไม่ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นบาดเจ็บสาหัสอยู่ละก็ ถ้าเป็นแบบนั้นเขาคงจะไม่สามารถสู้ได้นานขนาดนี้แน่ ๆ นี่คือความแตกต่างในทางด้านความเร็ว
หลังจากคิดเป็นเวลานาน ในที่สุดฉู่เหินก็เข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขารู้สึกนับถืออีกฝ่ายแม้ว่าตอนนี้จะเป็นศัตรูกันก็ตาม ชายชราทำในสิ่งที่แม้แต่ฉู่เหินเองก็ต้องตกตะลึง
ชายชราไม่ได้ฉวยโอกาสเพื่อลอบโจมตี เขาแค่รอให้ฉู่เหินคิดให้เสร็จก่อนที่จะพยักหน้าแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“ขอน้อมรับการสั่งสอน”
หลังสิ้นคำ ฉู่เหินก็เห็นเข้ากับสายล่อฟ้าข้างตัวของเขาที่สว่างวาบขึ้น มันเคลื่อนที่ผ่านเขาไปอย่างรวดเร็ว สายล่อฟ้าเหล็กนี้สูงซัก 6 ไม่ก็ 7 เมตรได้ หากแต่นั่นก็ทำให้ฉู่เหินหยุดคิด ตอนนี้ชายหนุ่มพร้อมแล้วที่จะแสดงให้ชายชราเห็นว่าเขานั้นแข็งแกร่งมากแค่ไหน
Next