สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 123 การต่อสู้อันแสนดุเดือด[รีไรท์]
บทที่ 123 การต่อสู้อันแสนดุเดือด[รีไรท์]
บทที่ 123 การต่อสู้อันแสนดุเดือด[รีไรท์]
เมื่อเห็นชายคนนั้นล้มลง ทุกคนก็ได้แต่พึมพำออกมา “ช่างโชคร้ายอะไรแบบนี้!”
ในขณะที่พวกเขาเหม่อลอย ฉู่เหินก็ได้มาอยู่ข้างกายเขาเหล่านี้แล้ว ชายหนุ่มยกดาบในมือขึ้นและหันหน้าไปทางลูกกระสุน 2 ลูกที่กำลังจะมาถึงตัวเขา ลูกกระสุนสองนัดถูกฟันออกอย่างรวดเร็ว และชายทั้งสองที่ยิงออกไปก็อดไม่ได้ที่จะต้องแปลกใจเมื่อพบว่าหน้าอกของเขานั้น จู่ ๆ ก็กลายเป็นรู
โชคยังดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ แต่ถึงกระนั้นมันก็ทำให้กำลังต่อสู้ของพวกเขาสองคนลดลงอย่างมาก ตอนนี้ปรมาจารย์คนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าเลินเล่อเเล้ว พวกเขารีบล้อมฉู่เหินไว้ตรงกลางอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หนุ่มนี่กล้าดีไม่เบา คนระดับแกกล้ามาต่อกรคนระดับปรมาจารย์อย่างพวกเรา เเค่ข้อนี้ ฉันก็จะให้เเกได้ตายอย่างไม่ทรมานละกัน ของดีบนตัวเเกก็ไม่สูญเปล่าด้วย เพราะฉันคนนี้นี่แหละจะดูเเลให้อย่างดี!” ชายชุดดำคนหนึ่งถอดแว่นดำออกและยิ้มออกมาอย่างกระหายเลือด
“สิ่งที่แกต้องการจากฉันนะมันขึ้นอยู่กับความสามารถของแก ในสายตาของฉัน แกมันก็แค่ปืนเงินขัดสีเท่านั้นแหละ เปล่าประโยชน์น่า ถ้าพวกแกสองคนเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้หวังที่จะกลับออกไป ฉันก็จะจัดการทุกอย่างด้วยมือของฉันเอง ไปตายซะ!” แม้จะถูกล้อมไว้แบบนี้แต่ฉู่เหินก็ไม่ได้มีท่าทีกลัวแม้แต่น้อย
“หึ ไอ้หนู หวังว่าฝีมือหมัดมวยของแกจะเก่งสมปากนะ” ชายชุดดำแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วจะรออะไรล่ะ? เข้ามาเลย ให้ฉันได้สั่งสอนพวกแกเอง!” ฉู่เหินพูดออกมา
พวกเขาทั้งหมดมองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรแล้วก็เอาอาวุธออกมา กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดนั้นมีอาวุธมาด้วย เมื่อเห็นค้อนยักษ์คู่ที่อยู่ในมือของชายคนหนึ่งแล้ว มันก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกหมดคำพูด
ดูจากขนาดแล้ว ค้อนนี่น่าจะหนักประมาณ 1000 ปอนด์ได้เมื่อรวมกัน แต่ไอ้หมอนี้กลับถือมันกลับโดยไม่มีท่าทีว่าหนักแต่อย่างใดเลย นี่เขาเป็นปีศาจรึไง!
“ฆ่ามัน ฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ!” พวกปรมาจารย์ทั้งหลายพากันเข้าโจมตีฉู่เหินอย่างดุเดือดพร้อมอาวุธในมือ
ถ้าเป็นการโจมตีที่เน้นการทำพละกำลังด้วยร่างกายของปรมาจารย์ธรรมดา พวกเขาก็คิดว่าคนที่น่าจะตายต้องเป็นฉู่เหินแน่ ๆ แต่ในการปะทะกันอย่างซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้ ฉู่เหินกลับสามารถจับทางได้เสียอย่างนั้น ชายหนุ่มสามารถหลบคนพวกนั้นได้อย่างคล่องแคล่วพลิ้วไหวดั่งมัจฉาใต้น้ำ
ร่างของฉู่เหินขยับไปมาเพื่อหลบการโจมตีจากคู่ต่อสู้หลายๆ คนที่ถาโถมเข้ามาได้อย่างง่ายดาย ด้วยวิธีนี้จึงทำให้มีคนมากกว่า 10 ที่พากันรู้สึกตกตะลึง ภายใต้สถานการณ์ที่พวกเขาร่วมมือกันแบบนี้ แต่พวกเขากลับยังเอาชนะฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ นี่มันบ้าอะไรกัน!
ฉู่เหินเห็นชายคนหนึ่งกำลังโห่ร้องออกมาพร้อมกับกระบองสองท่อนในมือ เพียงชั่วพริบตามันก็ใกล้เข้ามาหมายจะกระแทกเข้าที่ใบหน้าของฉู่เหินด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า แต่ในจังหวะที่กระบองกำลังจะทุบเข้าที่ใบหน้าของเขา ชายคนนั้นก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดที่เท้า เป็นผลให้การโจมตีของเขาช้าลง
จะว่าไปคน ๆ นี้ช่างโชคร้ายเหลือเกิน ชายคนที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว ตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง เขากรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทันทีที่เขาวางเท้าของตัวเองลงไปบนพื้น ซึ่งฉู่เหินรู้ดีว่านี่เป็นเพราะพลังของคำสาปแน่ๆ!
เมื่อเห็นโอกาสมาถึง ฉู่เหินก็ไม่รอช้า หลังจากที่ป้องกันการโจมตีได้อีก 2 ครั้ง เขาก็เตะตัดขาศัตรูจนร่วงหล่นไป ชายคนนั้นล้มลงไปพร้อมด้วยเสียงกระดูกหัก
ด้วยการอาศัยจังหวะการเปิดโล่งของช่วงเอว ฉู่เหินใช้ดาบวงพระจันทร์ของเขาและดาบเหล็กจากพัดวิเศษพุ่งปักไปที่เท้าของชายอีก 2 คน จนเกิดเสียงร้อง ‘อ๊าก’ ดังสนั่นขึ้นสองเสียง! จากนั้นทั้งสองก็กุมขาตัวเองและวิ่งหนีหายไป พร้อมหยดเลือดที่ไหลออกมาจากเท้า
แม้ว่าฉู่เหินจะได้เปรียบจากการร่ำเรียนมา แต่จริง ๆ แล้วการเคลื่อนไหวของเขาก็ยังไม่รวดเร็วนัก หากผู้อาวุโสที่เก่งกาจอยู่ที่นี่ อาวุโสผู้นั้นก็คงส่ายหัวพร้อมกับชี้ไปที่จมูกของฉู่เหินแล้วก่นด่าสาปแช่งเขาว่า “ช่างน่าละอายนักที่เชี่ยวชาญอยู่แค่ท่า 3 ท่า!” แต่สำหรับฉู่เหินแล้ว ตราบเท่าที่เขาสามารถล้มอีกฝ่ายได้ มันก็ไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะเชี่ยวชาญกี่ท่า
ทว่าความโชคดีของฉู่เหินก็เหมือนจะจบลงแล้ว ในตอนแรก เหตุผลที่เขาสามารถบรรลุเป้าหมายได้แบบนี้ก็เพราะว่าอีกฝ่ายเลินเล่อเกินไป แม้ว่าจะมีบางส่วนที่เป็นการช่วยเหลือจากคำสาปจากกระต่ายก็ตาม แต่ถ้าเกิดว่าพวกปรมาจารย์นั่นระวังตัวกันอีกสักหน่อย พวกเขาก็คงจะไม่พลาดท่าแบบนี้
จังหวะที่ฉู่เหินกำลังจะเริ่มกระบวนท่าต่อไป ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงอันตรายบางอย่าง เมื่อรู้ตัว ชายหนุ่มก็รีบกลิ้งไปข้างหน้าเพื่อหลบ ในจังหวะที่เขาพุ่งไปนั้น มันก็ได้มีเสียงดังขึ้นด้านหลัง
เมื่อฉู่เหินกลับมายืนอีกครั้งหลังกลิ้งไป 18 ครั้ง เขาก็พบว่าตำแหน่งที่ตัวเขายืนอยู่ มันได้กลายเป็นหลุมขนาดยักษ์ด้วยฝีมือของชายที่ถือค้อนยักษ์ไปแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้ ฉู่เหินถึงกับต้องเช็ดเหงื่อตัวเอง ต้องขอบคุณจังหวะที่ทำให้เขาหลบได้ ไม่งั้นแล้วเขาน่าจะไม่มีโอกาสได้แก่ตายเป็นแน่ เมื่อคิดแบบนั้นฉู่เหินก็เริ่มรู้สึกโกรธ ไอ้พวกเวรนี่จะต้องตาย!
“ตาย!” สิ้นเสียงคำราม ฉู่เหินก็พุ่งเข้าใส่กลางดงอีกฝ่ายด้วยอาวุธมีคมสองชนิด ครั้งนี้เขาเอาจริงและใช้ลูกไม้เล็กน้อย ชายหนุ่มคิดว่าเขาน่าจะคุ้นชินกับกระบวนท่าของอีกฝ่ายแล้ว แต่หลังจากที่ได้ต่อสู้กับคนพวกนี้ ชายหนุ่มก็ระลึกได้เลยว่าระหว่างตัวเขากันพวกคนนี้นั้น ยังถือห่างชั้นกันอีกมาก
หลังจากใช้กระบวนท่าไปแล้ว 2 ครั้ง ฉู่เหินก็เห็นว่าที่หางตาว่ากำลังมีดาบพุ่งเข้ามาหาเขาในจังหวะเดียวกัน ทว่าด้านหน้าของเขาเองก็มีคนถือดาบคู่เอาไว้ เเยกเป็นด้านบน ด้านล่าง โดยดาบเเรกพุ่งมาที่คอ ดาบสองพุ่งมาที่หัวใจ
ถ้ามีเพียงแค่สองคนนี้โจมตีเข้ามา ฉู่เหินก็น่าจะถอยหนีได้ง่าย แต่ในครั้งนี้ดันมีสองคนอยู่ข้างและด้านหลังของเขาพร้อมถืออาวุธเตรียมโจมตีเขาอย่างเต็มกำลังอีกด้วย บอกได้เลยว่าตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู 4 คน ไม่ว่าจะเป็นทิศทางไหนก็ตาม เขาจะต้องปะทะเข้ากับอาวุธของศัตรูอย่างแน่นอน
ถ้าฉู่เหินลังเลเพียงวินาทีเดียว เขาก็คงถูกคมดาบทิ่มแทงเป็นแน่ ในขณะนั้นฉู่เหินก็พลันรู้สึกถึงกลิ่นอายของความตาย เมื่อก่อน ไม่ว่าจะสู้กับคนอื่นก็ดี หรือว่าหนีเอาชีวิตก็ดี ฉู่เหินก็ไม่เคยมีความรู้สึกที่คาบเกี่ยวระหว่างความเป็นความตายแบบนี้มาก่อนเลย
จนถึงวินาทีนี้ ชายหนุ่มพึ่งรู้ว่าไม่ว่าตนจะทำอย่างไร ยังไงเขาก็ต้องโดน ในชั่ววินาทีหน้าสิ่วหน้าขวาน ฉู่เฟิงที่กำลังสู้กับหญิงสาวก็ได้ปล่อยเชือกยาวออกมา เชือกนั้นดูเหมือนจะมีลูกตา มันพุ่งมาพันที่รอบเอวของฉู่เหินเอาไว้ในเสี้ยววินาที จากนั้นก็พาเขาลอยขึ้นไปบนอากาศจนสามารถหลุดออกมาจากวงล้อมของทั้งสี่คนนั้นได้
หลังจากที่เชือกถูกดึงออกมาด้านนอก มันก็กลับเข้าไปอีกครั้ง และหลังจากที่เชือกกลับไปที่มือของฉู่เฟิง มันก็กลายเป็นดาบอีกครั้ง นี่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกตะลึงที่ได้เห็นมัน ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าดาบของฉู่เฟิงจะสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้
ทว่า ฉู่เหินเองก็ไม่ได้มีเวลามาคิดมากนัก หลังจากที่หนีออกมาได้ พวกปรมาจารย์ก็พุ่งเข้ามาล้อมกรอบเขาอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง การเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายก็ได้เริ่มขึ้น
ฉู่เหินอาศัยความไวของร่างกายของเขา ขยับร่างเป็นวงกลมรอบคนพวกนั้น จากนั้นไม่นานนัก มันก็ทำให้พวกปรมาจารย์รู้สึกไร้หนทาง แต่ความรวดเร็วแบบนี้เอง แท้จริงแล้วมันก็กินพลังกายของฉู่เหินไปมากเสียด้วย หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เขาก็รู้สึกว่าพลังของตนหายไปมากกว่าครึ่ง
นี่คือความแตกต่างระหว่างยอดฝีมือและปรมาจารย์ ปรมาจารย์นั้นแตกต่างออกไป พวกเขาสามารถดูดซับพลังระหว่างต่อสู้ได้ ถ้าเป็นแบบนี้มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับการต่อสู้ที่ยาวนาน! ดังนั้นฉู่เหินที่รู้ดีว่าถ้าเขายังไม่สามารถเอาชนะได้ เขาจะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ!
Next