สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 435 หนีไปไกล
ตอนที่ 435 หนีไปไกล
……….
ห้วงเวลาพริบตา ซินโย่วก็ได้รับรู้ถึงสิ่งใดเรียกว่าดุจคมมีดกรีดดวงใจ เจ็บปวดจนไม่คิดมีลมหายใจอยู่ต่อ
สติสัมปชัญญะแหลกสลาย ได้ยินเสียงคุ้นเคยแทรกลึกในกระดูกเอ่ยว่า “กระหม่อมมิกล้าคิดเด็ดขาด แต่กระหม่อมมิยินยอมเป็นหมากให้ฝ่าบาทใช้บีบอาโย่ว…”
“กรี๊ดดด… ซินโย่วส่งเสียงแผดร้องเจ็บปวด
ทุกคนล้วนเห็นนางไร้ซึ่งภาพลักษณ์ ส่งเสียงร้องน่าอนาถอย่างที่สุด แต่ความจริงนี่คือนางไม่ทันได้ตั้งสติคิดไตร่ตรอง เพียงแต่อาศัยสัญชาตญาณหาวิธีช่วยเฮ่อชิงเซียว
ดาบยาวคมกริบที่กำลังจะปาดลำคอเฮ่อชิงเซียวพลันชะงักงัน จากนั้นกลับกลายเป็นเขาส่งเสียงร้องตื่นตระหนกสุดขีดตะโกนดังก้อง “อาโย่ว!”
ซินโย่วกุมมีดสั้นไว้แน่น จี้ไปที่ลำคอตนเอง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กับองค์หญิงเจาหยางร้องตกใจ “อาโย่ว!”
ซินโย่วสองตาแดงก่ำจ้องมองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เขม็ง
“ทรงคิดว่าอำนาจราชันจะบงการได้ทุกสิ่งหรือเพคะ” นางถามเอาเรื่องดุดัน การเกือบสูญเสียชายในดวงใจไปทำให้เสียงนางสั่นอย่างน่ากลัว แต่มือที่กุมมีดสั้นไว้กลับนิ่งอย่างมาก ทำให้คนที่เห็นต่างไม่คิดสงสัยว่าลำคอขาวเนียนบอบบางจะถูกปาดทิ้งได้ในชั่วพริบตา
“หากเป็นเช่นนี้ ชิ่งอ๋องก็คงเติบโตเป็นผู้สืบทอดสมดังที่ทรงหวัง ซิ่วอ๋องก็คงอดทนเก็บกด ยอมรับการแข่งขันพ่ายแพ้เป็นอ๋องสุขสบายมีชีวิตสูงส่งไป ข้าก็จะอยู่ต่อเป็นองค์หญิงซย่ากั๋ว แม้แต่ท่านแม่ก็คงไม่จากไป เป็นฮองเฮาของพระองค์ตลอดไป!”
ซินโย่วพูดออกมาทีละคำ ยิ่งพูดที่ยิ่งเสียดสี ยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห
นางจะไม่โมโหได้อย่างไร นางสูญเสียคนใกล้ชิดไปมากมายเพียงใด เหตุใดแม้แต่คนที่เหลือเพียงคนสุดท้ายก็ต้องแย่งชิงไปด้วย
เกิดมาพร้อมความสามารถพิเศษติดตัว แต่เล็กจนโตคนที่นางช่วยไว้มากมายนับไม่ถ้วน ล้วนกล่าวกันว่าช่วยคนหนึ่งชีวิตมีค่ากว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น แต่เหตุใดกุศลที่ช่วยชีวิตคนไว้มากมายเช่นนี้กลับไม่อาจแลกคนที่นางรักให้มีชีวิตที่ราบรื่นเป็นสุขได้
ซินโย่วมองเฮ่อชิงเซียวทีหนึ่ง มองอย่างสิ้นหวังและเจ็บช้ำ
เฮ่อชิงเซียวตื่นตระหนกสุดขีด เอ่ยอ้อนวอนอย่างไม่สนใจว่าอยู่ในที่ใด “อาโย่ว ขอร้องเจ้าอย่าได้ทำร้ายตนเอง ขอร้องเจ้า…”
ซินโย่วถามกลับ “เช่นนั้นเมื่อครู่ท่านจะทำอันใด”
เฮ่อชิงเซียวกุมด้ามดาบสีนิลในมือแน่น น้ำตาหยดหนึ่งร่วงจากหางตา
ล้วนกล่าวว่าชายมิหลังน้ำตาง่ายๆ แต่เขาที่มีใจคิดตายยังมีโอกาสได้พูดคุยกับหญิงสาวที่ตนรักได้ อารมณ์บางอย่างก็ไม่อาจระงับได้อีกต่อไป
ซินโย่วค่อยๆ เบนสายตาไปทีละนิด มองไปยังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “อำนาจราชันของพระองค์ไม่อาจบังคับจิตใจเฮ่อชิงเซียว เขายอมตายก็ไม่ยอมเป็นเชือกผูกมัดข้า แล้วพระองค์เล่า เห็นตรงหน้าว่าเป็นขุนนางรับใช้พระองค์ด้วยชีวิต แต่บีบให้เขาต้องปลิดชีวิตตนเองจึงจะพอพระทัยหรือ”
พระโอษฐ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สั่นเทาตรัสไม่ออก
“ทรงบีบให้เขาตายได้” มือที่กุมดาบของซินโย่วขยับ ผิวหนังถูกกรีด โลหิตไหลซึมออกมาอย่างน่ากลัว ขับเด่นกับลำคอขาวดุจหิมะกระจ่างชัด “และก็บีบให้หม่อมฉันตายได้!”
“อาโย่ว อาโย่ว เจ้าใจเย็นก่อน!” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้มั่นพระทัยดังเดิมอีก รีบอธิบายด้วยพระสุรเสียงร้อนใจ “เราไม่ได้คิดเช่นนี้…”
“เสด็จพี่!” องค์หญิงเจาหยางทนฟังต่อไปไม่ไหว ตัดบทฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อย่างโมโหมากว่า “มาถึงยามนี้แล้ว ยังตรัสเรื่องอันใดกันอีก หรือว่าต้องรอให้อาโย่วตายไปต่อหน้าพระพักตร์ ใช้ชีวิตที่เหลือมานึกเสียใจภายหลังหรือเพคะ”
องค์หญิงเจาหยางน้ำตาไหลเป็นทางอาบสองแก้ม “เสด็จพี่ตรัสว่าสูญเสียพี่สะใภ้ไปแล้ว จะไม่ให้ผิดซ้ำสองอีก แต่ทรงเคยคิดบ้างไหมเพคะ ตอนพี่สะใภ้จากวังหลวงหลายปีนั้น ได้เห็นทิวทัศน์สวยงามมากมายเพียงใด ได้ชิมอาหารเลิศรสมากมายเพียงใด ยังได้อบรมเลี้ยงดูบุตรสาวฉลาดหลักแหลมและรู้ความเพียงใด ทรงสูญเสียพี่สะใภ้อยู่เคียงข้างพระวรกาย แต่พี่สะใภ้กลับมีเวลาเบิกบานใจ เสด็จพี่ไม่เข้าพระทัยหรือ พี่สะใภ้ตายไปแล้ว ทรงสูญเสียนางไปอย่างแท้จริงแล้ว!”
พวกเขาได้สูญเสียนางไปแล้ว
องค์หญิงเจาหยางน้ำตาไหลทะลัก ถามเสียงแหบพร่า “ยังต้องการสูญเสียอาโย่วไปอย่างแท้จริงอีกหรือเพคะ”
น้ำเสียงถามเอาเรื่อง ทุกคำดังดาบคมกริบ กรีดลงบนบาดแผลในใจของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
บาดแผลที่เขาคิดว่าหายดีแล้ว แต่ความจริงยังคงเป็นบาดแผลเน่าเปื่อยไม่หายดี
เขาคับแค้นใจภรรยาจากไปไม่อำลา คับแค้นใจภรรยาไม่เข้าใจความลำบากใจของเขา และนึกเสียใจภายหลังที่ไม่ได้รักษาคำสัญญากับภรรยาคู่ชีวิต และปวดใจกับการตายของภรรยา
อารมณ์สับสนประดังเข้ามา ทับถมใจเขาทีละน้อย ทีละหยด กลายเป็นความดึงดันไม่ยอมแพ้
เขาต้องการให้อาโย่วอยู่ข้างกายเขา
ไม่เพียงแต่เพราะความผูกพันในฐานะบิดา ไม่เพียงแต่เพราะอาโย่วมีความสามารถเหนือผู้คนทั่วไป แต่เพื่อรักษาบาดแผลในใจ
รั้งอาโย่วไว้ทำให้คล้ายว่าเขาไม่เคยทนรับทุกข์ทรมานยี่สิบปีที่ภรรยาทิ้งเขาไป
รออีกร้อยปีได้พบซินซินอีกครั้ง เขาก็จะบอกกับซินซินว่า ข้าไม่ได้ย่ำแย่เพียงนั้น บุตรสาวเรารักข้า ยินดีอยู่ข้างกายข้า
เพียงแค่ความต่ำช้าและไร้เดียงสานี้ เขาไม่อาจบอกกล่าวกับผู้ใด ถึงกับถูกเขาเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกสุดของความคิด
เขาตั้งใจใช้อำนาจราชันและอำนาจบิดามาสั่งให้นางเชื่อฟังเพื่อกลบเกลื่อนสภาพน่าอนาถและพ่ายแพ้ของเขา
“เสด็จพี่ ทรงตั้งสติหน่อยเถอะเพคะ!” องค์หญิงเจาหยางตะโกนเสียงดังขึ้น
แววพระเนตรฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรจากองค์หญิงเจาหยางไปยังเฮ่อชิงเซียว และไปยังซินโย่ว
แววตาผิดหวังของน้องสาว ปฏิกิริยาเมินเฉยของขุนนาง สีหน้าหมดใจสิ้นหวังของบุตรสาว…
เขากะพริบตา ยากเอ่ยออกมาว่า “อาโย่ว…เราปล่อยเจ้าไป”
เขาส่งเสียงดังขึ้น ไม่เปิดโอกาสให้ตนเองนึกเปลี่ยนใจ เอ่ยอีกครั้งว่า “เราปล่อยเจ้าไป”
บรรดาองครักษ์ที่ติดตามมาและขุนพลทหารประจำกองกำลังรักษาเมืองหลวงพากันเงียบกริบ นิ่งฟังอย่างสงบ
ในที่สุดซินโย่วก็รอคอยจนได้ฟังคำพูดนี้
แต่ยามนี้อารมณ์ของนางไม่ใช่ดีใจ แต่ไร้ความรู้สึก
นางใช้ความตายบีบคั้น ทั้งกำลังเดิมพัน แต่ก็มิได้กำลังเดิมพัน
นางเพียงต้องการช่วยเฮ่อชิงเซียว ต้องการช่วยตนเอง ความจริงไม่ได้คิดว่าจะชนะ เพียงแต่ความเป็นไปได้ของหมากกระดานนี้ก็คือเดิมพันว่าเขายังมีคุณธรรมในใจอีกหรือไม่
แต่ทว่านางมิได้แสดงท่าทีเสแสร้งลวงหลอก แต่นางเตรียมตัดใจตายไว้แล้ว
ไม่ใช่นางไม่ทะนุถนอมชีวิตตนเอง แต่หากต้องเห็นเฮ่อชิงเซียวปลิดชีวิตตนเองตายเพราะนาง นางก็ไม่อาจมีชีวิตต่อไปได้
คล้ายว่าเดิมพันชนะแล้ว
แต่พอถึงขั้นใช้ชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว ไม่ว่าแพ้หรือชนะ ก็เหลือเพียงแค่ความรันทด
“เจ้าไปเถอะ ไปยังที่ที่เจ้าอยากไปเถอะ” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้โบกพระหัตถ์ ถอดเกราะเย็นเยียบแล้งน้ำใจของฮ่องเต้ออก เป็นดังชายที่เริ่มเข้าสู่วัยชราหลายคน แสดงท่าทางเหม่อลอยและแก่ชรา
ซินโย่วเม้มปากไม่ตอบกลับ แต่มองไปทางองค์หญิงเจาหยาง
“ท่านอา ขอบคุณที่ท่านอาดูแลอาโย่วมาตลอด”
องค์หญิงเจาหยางน้ำตายังคงคลอเบ้า เผยรอยยิ้มให้นาง “อาโย่ว ดูแลตนเองให้ดี”
นางไม่ได้บอกว่าคิดถึงท่านอาก็กลับมาเยี่ยมได้
นางคิดว่าอาโย่วอาจจะไม่อยากมาที่นี่อีก
ซินโย่วพยักหน้า สบตากับเฮ่อชิงเซียวอีกครั้งเรียกเขาดังเช่นยามได้พบกันคราแรก “ใต้เท้าเฮ่อ ขอให้ท่านรักษาตนเองให้ดี”
หากไม่ใช่ว่าเคยรู้จักกันมา เขาก็คงไม่ลำบากเพียงนี้
“แน่นอน” เฮ่อชิงเซียวรับคำหนักแน่น
ซินโย่วยกมือขึ้นลูบขนตา หันม้าค่อยๆ กระตุกบังเหียนเบาๆ
ม้าเพิ่งก้าวไปได้สองสามก้าว ก็ได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นด้านหลัง “เดี๋ยวก่อน!”
ซินโย่วค่อยๆ หันมา มองไปทางคนที่เรียกนางไว้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จ้องมองเฮ่อชิงเซียวแววพระเนตรลุ่มลึก “เจ้าเองก็ไปด้วย”
เฮ่อชิงเซียวเผยสีหน้าคาดไม่ถึง แต่ทว่าไม่นานก็สงบสติได้ ถวายบังคมฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เขากระแทกท้องม้าวิ่งไปหาซินโย่วอย่างไม่ลังเล
……….