สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 426 ประเพณี
ตอนที่ 426 ประเพณี
……….
ซินโย่วเดินไปข้างพระวรกายฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถอยไปด้านหลังเล็กน้อย ขันทีติดตามมาได้รับสัญญาณจากฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ให้ถอยห่างออกไประยะหนึ่ง
“ฎีกาของบรรดาขุนนางใหญ่ระยะนี้ อาโย่วได้ยินบ้างไหม”
ซินโย่วชะงักฝีเท้า ไม่ได้แสร้งทำไม่รู้ “ฝ่าบาททรงหมายถึงเรื่องแต่งตั้งรัชทายาท?”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชอบความตรงไปตรงมาของซินโย่ว นี่คือสิ่งที่บุตรชายหญิงอื่นไม่มี “อืม เราอยากลองฟังความเห็นเจ้า”
ซินโย่วหลุบตาลง ทูลน้ำเสียงเย็นเยียบ “หม่อมฉันไม่มีความเห็นเพคะ”
หากถามความเห็นจริงๆ ของนาง นางคิดว่านางเหมาะสมที่สุด
แต่ไม่ว่าความรู้หรือความสามารถใดล้วนไม่จำเป็นต้องดู แม้แต่เป็นทารกที่เพิ่งเกิดใหม่ ขอเพียงเป็นชาย นางก็พ่ายแพ้หมดรูปแล้ว
ไม่สิ ในสายตาผู้คนทั่วไป แต่ไรมานางไม่เคยถูกนำขึ้นโต๊ะหารือมาก่อน จะเอ่ยถึงแพ้ชนะได้อย่างไร
แววตาซินโย่วฉายแววเยาะ เมื่อครู่ความหวั่นไหวที่เกิดขึ้นเพราะคนตรงหน้ามอบขนมเปี๊ยะชิ้นโตให้ก็จางหายไป เริ่มเด็ดเดี่ยวขึ้นมาดังเดิมอีกครั้ง
อำนาจกับอิสรภาพ ท่านนี้ที่กล่าวว่าตนเองปักใจรักมั่นต่อท่านแม่ บิดาที่ลำเอียงโปรดปรานนางที่สุด สละให้ไม่ได้แม้สักอย่าง
“อาโย่ว เจ้ากำลังตำหนิเรา…”
ซินโย่วส่ายหน้า “หม่อมฉันมิกล้า รัชทายาทเป็นรากฐานของแผ่นดิน แต่งตั้งผู้ใดเป็นรัชทายาท ในพระทัยฝ่าบาทย่อมตัดสินพระทัยแล้ว ไหนเลยที่หม่อมฉันจะชี้แนะอันใดได้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เงียบงันไป
อาโย่วกำลังตำหนิเขาดังคาด
แต่อาโย่วเป็นสตรี แม้เขาจะให้ความสำคัญกับนางเพียงใด ก็ไม่อาจเลือกนางเป็นผู้สืบทอดได้ หากทำเช่นนี้ แม้เขาเป็นปฐมฮ่องเต้ มีบารมีมากเพียงพอในใจบรรดาขุนนาง ขุนนางใหญ่เหล่านี้ยอมตายก็ไม่อาจยอมรับได้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ พี่หญิงซิน”
เสียงเด็กน้อยไร้เดียงสาดังขึ้นทำลายความเงียบงันระหว่างสองพ่อลูก
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นมอง
องค์ชายสามอายุสิบสามแล้ว ดูแล้วสูงกว่าครั้งก่อนที่เห็นเล็กน้อย ใบหน้ายังคงเยาว์วัยเช่นเด็กๆ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกแปลกพระทัย “อิ้วเอ๋อร์ เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
ตอนองค์ชายสามเกิด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยอมรับการจากไปของฮองเฮาซินได้แล้ว บรรยากาศในวังหลังไม่ได้อึมครึมเหมือนดังเดิมอีกแล้ว บรรยากาศผ่อนคลายทำให้องค์ชายสามไม่เหมือนซิ่วอ๋องที่ยามเผชิญหน้ากับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จะมีท่าทีระวังตัว
เขายิ้มเอ่ยว่า “กระหม่อมไปตำหนักกันเฉวียนกง นำกิ่งดอกฉาเหมยฮวาที่หักมาไปถวายเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
ผลของการที่บิดาแสดงท่าทีไม่เย็นชาแต่ก็ไม่โปรดปราน ทำให้บุตรใกล้ชิดและพึ่งพิงมารดามากกว่า
เห็นบุปผาแดงสดดังสีเพลิงในมือองค์ชายสาม ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็รู้สึกบอกไม่ถูก
แต่ละคนต่างกตัญญูต่อมารดาตนเองมาก
“ไปเถอะ”
องค์ชายสามกลับไม่ได้จากไปในทันที หันไปมองซินโย่วทีหนึ่ง
“ทำไมหรือ”
“เสด็จพ่อ กระหม่อมคุยกับพี่หญิงซินสักสองสามคำได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“อืม”
องค์ชายสามก้าวเข้าไปใกล้ เพราะฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อยู่ด้วย ทำให้หรี่เสียงลงอย่างไม่รู้ตัว “พี่หญิงซิน ‘บันทึกตะวันตก’ อ่านจบแล้ว ร้านหนังสือชิงซงยังจะมีนิยายเล่มใหม่อีกหรือไม่”
“จะมีอีก” ซินโย่วรู้สึกดีกับองค์ชายสามไม่เลว ก่อนหน้านี้ตอนตกอยู่ในอันตรายในวัง ยังได้รับความช่วยเหลือจากพระสนมเสวียนเฟย จึงยิ่งรู้สึกดีต่อสองแม่ลูกมากขึ้น
“เช่นนั้นคือเรื่องอันใด”
“เนื้อเรื่องแปลกพิสดารคล้าย ‘วาดหนัง’”
องค์ชายสามสีหน้าดีใจ “เช่นนั้นรอให้หนังสือออกวางขาย พี่หญิงซินบอกข้าได้หรือไม่”
องค์ชายสามประสานมือคำนับซินโย่ว ก่อนจะถวายบังคมฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ “เสด็จพ่อ กระหม่อมทูลลา”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ พอองค์ชายสามเดินไปไกลแล้วก็แย้มสรวลให้กับซินโย่ว “องค์ชายสามยังเหมือนเด็กไม่ยอมโต”
ซินโย่วน้ำเสียงสงบนิ่งดังเดิม “เดิมก็เป็นเด็กน้อยเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรออกว่าซินโย่วไม่ยินดีกล่าวเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาท จึงไม่ฝืนใจอีก
สองพ่อลูกต่างมีความคิดของตนเอง แยกจากกันเงียบๆ
วันรุ่งขึ้นประชุมท้องพระโรง มีขุนนางใหญ่ไม่น้อยทูลเร่งรัดเรื่องการแต่งตั้งรัชทายาท
หลังเลิกประชุมท้องพระโรง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เรียกประชุมขุนนางบุ๋นบู๊ยี่สิบกว่าคน หารือเรื่องนี้ต่อที่ตำหนักเฉียนชิงกง
“ขุนนางในที่นี้ล้วนเป็นขุนนางเสาหลักของเรา เราอยากลองฟังความคิดของขุนนางทุกท่าน”
บรรดาขุนนางเงียบก่อน ลอบสังเกตท่าทีสงบนิ่งอย่างมากของฮ่องเต้ เสนาบดีกรมขุนนางลองเลียบเคียงเอ่ยขึ้นก่อน “ ‘ไร้บุตรจากภรรยาเอก ให้เลือกผู้สืบทอดที่อายุ’ เป็นประเพณีนี้แต่ดั้งเดิมมา กระหม่อมคิดว่า แต่งตั้งองค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋อง”
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
…
จากนั้นหลังเสนาบดีกรมขุนนางเอ่ย ขุนนางหลายคนก็พากันก้าวออกมา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สีพระพักตร์มิได้แปรเปลี่ยนนิ่งฟังจนจบ ก่อนทอดพระเนตรไปยังอันกั๋วกง “อันกั๋วกงคิดอย่างไร”
อันกั๋วกงทูลว่า “กระหม่อมเป็นคนหยาบกระด้าง ไม่ได้รู้สึกกับการธรรมเนียม ‘ไร้บุตรจากภรรยาเอก ให้เลือกผู้สืบทอดที่อายุ’ แต่อย่างใด ในความเห็นกระหม่อม นอกจากโอรสฮองเฮา องค์ชายอื่นมิแตกต่าง แต่งตั้งองค์ชายใดเป็นรัชทายาทก็ขึ้นกับพระทัยฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เผยรอยแย้มสรวลไม่รู้ตัว
ขุนนางใหญ่อื่นๆ เห็นเช่นนี้ ในใจก็กระตุกวาบ ตัวเลือกรัชทายาทในพระทัยฮ่องเต้มิใช่ซิ่วอ๋อง
ขุนนางใหญ่ยี่สิบกว่าคนในที่นั้น มีคนคิดดำรงธรรมเนียมประเพณี แต่ก็มีคนคิดคล้อยตามฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ มีความคิดเช่นนี้แล้วก็มีขุนนางใหญ่ก้าวออกมาเห็นด้วยกับอันกั๋วกง
เสนาบดีกรมพิธีการคนใหม่ทนฟังต่อไปไม่ไหว “‘ไร้บุตรจากภรรยาเอก ให้เลือกผู้สืบทอดที่อายุ’ นี่เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมา หรือว่าไม่ธำรงรักษากฎเดิมไว้ ต้องการแต่งตั้งเพราะความรักความชอบหรือ”
คำว่าแต่งตั้งเพราะความรักความชอบ ก็คือฮ่องเต้พอพระทัยองค์ชายใดก็แต่งตั้งองค์นั้น ในสายตาบัณฑิตแล้ว ล้วนแอบด่าว่าฮ่องเต้เลอะเลือนในใจได้แล้ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรไปยังเสนาบดีกรมพิธีการคนใหม่ ตรัสพระสุรเสียงเยียบเย็น “เสนาสือคิดว่าเราลำเอียงโปรดปรานองค์ชายใดหรือ”
เสนาบดีกรมพิธีการถูกถามจนตอบไม่ออก
หากกล่าวตามคุณธรรมในใจ ฮ่องเต้ก็มิได้โปรดปรานองค์ชายใดเป็นพิเศษ ตอนชิ่งอ๋องยังไม่กระทำความผิด บรรดาขุนนางคิดว่ามีความเป็นไปได้มากว่าชิ่งอ๋องจะได้เป็นรัชทายาท ไม่ใช่เพราะฮ่องเต้ลำเอียงโปรดปรานชิ่งอ๋อง แต่เพราะทรงเย็นชาต่อซิ่วอ๋อง
ทรงเย็นชาต่อซิ่วอ๋องมากเกินไป…เสนาบดีกรมพิธีการคิดถึงเรื่องนี้ก็พลันรู้สึกวาบขึ้น
ซิ่วอ๋องอายุห่างกับองค์ชายสามและองค์ชายน้อยอื่น ๆ มากจนพวกเขาลืมไปว่า ฮ่องเต้ไม่ทรงโปรดซิ่วอ๋องมาตลอด
เสนาบดีกรมพิธีการคิดได้ ขุนนางใหญ่อื่นๆ ย่อมคิดได้เช่นกัน บรรยากาศพลันแปลกประหลาดขึ้นมา
ดูท่าแล้ว ฮ่องเต้เอนเอียงไปทางองค์ชายสาม
บรรดาขุนนางคาดเดากันไปต่างๆ นานา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กลับไม่ได้เอ่ยว่าทรงคิดเลือกผู้ใด ตรัสเพียงว่าไว้ค่อยหารือกันต่อ
เรื่องแต่งตั้งรัชทายาทเป็นที่สนใจของทั้งราชสำนักและวังหลัง คนจับตามองเรื่องนี้กันมากมายนับไม่ถ้วน มีกระแสบอกว่าเมื่อวานซินโย่วเข้าวังไปพบกับองค์ชายสาม
ในจวนซิ่วอ๋อง ที่ปรึกษาหลายคนรวมตัวกันอยู่ในห้องหนังสือ บรรยากาศตึงเครียด
“ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับซินโย่ว เรื่องแต่งตั้งรัชทายาทอาจถามความเห็นนาง องค์ชายสามเคยได้รับการช่วยชีวิตจากซินโย่ว ซินโย่วประสบอันตรายครั้งก่อนตอนอยู่ในวัง พระสนมเสวียนเฟยเชิญเสด็จไทเฮามา ทั้งสองฝ่ายมีเหตุตอบแทนกันและกัน ความสัมพันธ์ก็ยิ่งลุ่มลึก ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้ชะล่าใจในเรื่องนี้”
ซิ่วอ๋องสีหน้านิ่งสงบ “เสด็จพ่อเป็นปฐมฮ่องเต้ ปรีชาสามารถ ข้าเชื่อในการตัดสินพระทัยของเสด็จพ่อ”
“แต่ดูจากกระแสที่เล็ดลอดออกมา ฮ่องเต้อาจเอนเอียงไปทางองค์ชายสาม…”
“ท่านอย่าได้ลืมตนคาดเดาพระทัยฮ่องเต้”
แสงไฟจากห้องหนังสือจวนซิ่วอ๋องสว่างถึงเที่ยงคืนจึงได้ดับลง
ในตำหนักกันเฉวียนกง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ให้บ่าวออกไป ถามพระสนมเสวียนเฟยที่ได้เลื่อนขั้นเป็นพระสนมเอกชั้นกุ้ยเฟย “หากเจ้าเป็นฮองเฮาจะปฏิบัติต่ออาโย่วอย่างไร”
พระสนมกุ้ยเฟยใจเต้นแรง พยายามกำมือระงับความตื่นเต้น “อาโย่วเคยช่วยชีวิตอิ้วเอ๋อร์ไว้ บุญคุณดังให้ชีวิตอีกครั้ง ไม่ว่าหม่อมฉันอยู่ในสถานะใดก็จะมิกล้าลืมคุณเพคะ”
“ขอให้เจ้าจดจำวาจาวันนี้เอาไว้”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้นิ่งมองพระสนมกุ้ยเฟยทีหนึ่งก่อนเสด็จไป
วันรุ่งขึ้นบรรดาขุนนางมารวมตัวกันที่ตำหนักเฉียนชิงกง แต่สิ่งที่รอคำตอบมาได้กลับมิใช่รัชทายาท แต่เป็นข่าวฮ่องเต้คิดแต่งตั้งฮองเฮา
……….