สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 425 ปฏิเสธ
ตอนที่ 425 ปฏิเสธ
……….
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรมองบรรดาขุนนางที่คุกเข่าอยู่เบื้องล่าง รู้สึกร้อนพระทัยขึ้นมา
เขารู้ว่าเรื่องที่บรรดาขุนนางทูลขอมิใช่เรื่องเกินขอบเขต แต่ผ่านเหตุการณ์ตกน้ำหายตัวไปทำให้เกิดการกบฏ แม้เขาไม่ได้สนใจเช่นนี้ บรรดาขุนนางก็ต้องการให้แต่งตั้งรัชทายาทเพื่อให้ทุกคนได้สบายใจ
เป็นนานกว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้จะตรัสว่า “เราจะคิดให้รอบคอบ”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา” เสียงสรรเสริญดังกึกก้องยิ่งขึ้น
เลิกประชุมกลับถึงตำหนักเฉียนชิงกง ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่มีพระทัยสนใจจัดการราชกิจ นั่งคิดถึงคำกราบทูลของบรรดาขุนนางเงียบๆ
ปีนี้เขาห้าสิบ สุขภาพยังแข็งแรงมาก ในใจมักคิดว่าตนเองยังเป็นหนุ่ม กำลังอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่ทว่าในสายตาบรรดาขุนนางแล้ว ฮ่องเต้ที่ได้วัยพอสมควรแล้วล้วนควรเลือกผู้สืบทอด
องค์ชายใหญ่ยี่สิบเอ็ด อายุมากที่สุด อุปนิสัยอ่อนโยน ทันทีที่มีอันใดต้องการให้เขาขึ้นครอง หากเปลี่ยนแปลงฮ่องเต้ย่อมสร้างผลกระทบกระเทือนน้อยที่สุด
องค์ชายสามสิบสามชันษา ฉลาดและเปิดเผย แต่อีกนานกว่าจะได้วัยสวมกวน
ส่วนองค์ชายสี่ องค์ชายห้าและองค์ชายหกก็ยิ่งอายุน้อยกว่า อย่างน้อยตอนนี้ไม่ได้อยู่ในวงพิจารณาของเขา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระจ่างพระทัยดีในธรรมเนียม ‘ไร้บุตรจากภรรยาเอก ให้เลือกผู้สืบทอดที่อายุ’ ฝังแน่นในใจของทุกคน รัชทายาทในใจของบรรดาขุนนางและชนชั้นสูงก็ย่อมเป็นองค์ชายใหญ่ซิ่วอ๋อง
แต่เขามิได้มีความคิดแน่วแน่ที่จะแต่งตั้งซิ่วอ๋องเป็นรัชทายาท
ผ่านไปอีกสิบปี องค์ชายสามยี่สิบสาม ซิ่วอ๋องสามสิบเอ็ด
อีกยี่สิบปี องค์ชายสามสามสิบสาม ซิ่วอ๋องสี่สิบเอ็ด
แต่งตั้งผู้ใดเหมาะสมกว่า ไม่เพียงแต่ขึ้นกับอายุของพระโอรสทั้งสองแล้ว แต่ยังต้องดูว่าทรงอายุยืนยาวเพียงใด
ยังมีอีกเรื่องที่เขาจำต้องพิจารณา ก็คืออาโย่ว
แผ่นดินนี้เขาก่อตั้งขึ้น แต่ทว่าไม่อาจขาดความช่วยเหลือจากซินซิน อาโย่วกลับเป็นบุตรสาว นางมีความสามารถ มีความกล้าหาญ มีความเมตตา แต่จะมีข้อดีเลิศเพียงใดก็ถูกกำหนดให้ไร้วาสนาต่อตำแหน่งรัชทายาท
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกติดค้างภรรยา ติดค้างบุตรสาว การเลือกรัชทายาทย่อมต้องพิจารณาซินโย่วไว้ด้วย
ซิ่วอ๋องกับองค์ชายสาม ผู้ใดวันหน้าสืบทอดตำแหน่งแล้วจะดีต่ออาโย่ว ดูแลอาโย่วไปตลอดชีวิตกัน?
อาโย่วช่วยองค์ชายสามไว้ มองจากเรื่องครั้งนี้ องค์ชายสามสองแม่ลูกรู้คุณต่ออาโย่ว ซิ่วอ๋องขอร้องแทนอาโย่ว นับว่ามีความเป็นพี่ชายที่เหมาะสม
ในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เริ่มเปรียบเทียบซิ่วอ๋องกับองค์ชายสาม ยากตัดสินพระทัย
บรรดาขุนนางและชนชั้นสูงคาดเดาจากปฏิกิริยาฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ฮ่องเต้ต้องการแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว ส่วนจะแต่งตั้งองค์ชายพระองค์ใดก็ยากคาดเดาพระทัยได้
องค์ชายสามพำนักในวัง อยากเข้าใกล้ก็เข้าใกล้ไม่ได้ ส่วนจวนซิ่วอ๋อง แม้รู้ว่าอยู่ที่ใดก็มิกล้าไป
ขุนนางราชสำนักลอบติดต่อองค์ชาย ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใดยอมรับได้ ฮ่องเต้ของพวกเขาพระองค์นี้ตัดศีรษะขุนนางไม่กะพริบตา ผู้ใดกล้าแตะต้องความโชคร้ายนี้กัน
สหายขุนนางหารือกันส่วนตัวย่อมไม่เป็นอันใด
“ซิ่วอ๋อง ย่อมต้องเป็นซิ่วอ๋อง! ‘ไร้บุตรจากภรรยาเอก ให้เลือกผู้สืบทอดที่อายุ’ นี่เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดต่อกันมา”
“แต่ทว่าพวกเราฮ่องเต้เป็นปฐมฮ่องเต้ บางทีอาจไม่ทรงคิดรักษาธรรมเนียมประเพณีเดิม”
“เจ้าบอกว่าองค์ชายสามเองก็มีโอกาส?”
“ไม่เช่นนั้นฝ่าบาททรงลังเลอันใด”
“แต่องค์ชายสามยังทรงพระเยาว์…”
“ฝ่าบาทเองก็ยังทรงแข็งแรง”
คนที่นั่งอยู่ตรงข้ามอายุใกล้เคียงกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ลูบแขนผอมแห้งของตนเอง ในใจคิดว่าคนที่คิดว่าฮ่องเต้แข็งแรงมากไม่ใช่ทุกคน
ในใจบรรดาขุนนางเริ่มเคลื่อนไหว ในวังก็แอบมีคลื่นโหมกระหน่ำ ยามนี้ไม่สนใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่กับเปิดเส้นทางทางทะเลอันใดอีกแล้ว ความสนใจของทุกคนไปอยู่ที่เรื่องแต่งตั้งรัชทายาท
ตอนซินโย่วเข้าวังมาเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ซิงหยวนกำลังเดินเล่นอยู่ในอุทยานหลวง
ปฏิกิริยาแรกของเขาก็คือรู้สึกผิด กระแอมไอแล้วก็รับสั่งให้ขันทีเชิญซินโย่วเข้ามา
“หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท”
ต้นฤดูหนาว อุทยานหลวงในวังยังคงเขียวขจี บุปผายังคงแข่งขันกันเบ่งบาน
สาวน้อยร่างสูงท่าทีสุขุม ไม่เหมือนบุปผาแรกแย้ม แต่กลับหมือนต้นไผ่เขียวขจี
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พลันมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ในใจแอบคิดว่าหากอาโย่วเป็นชายจะดีสักเพียงใด เขาไม่จำเป็นต้องลังเลเรื่องแต่งตั้งรัชทายาท อาโย่วก็มิต้องทนกล้ำกลืนถูกรังแก
ในความคิดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ซินโย่วเข้าวังมาเข้าเฝ้า ต้องเพราะได้ยินว่าเรื่องแต่งตั้งรัชทายาท เขายังจำได้ว่าตอนแรกสุดนั้นอาโย่วถามเขาว่าเป็นรัชทายาทหญิงได้หรือไม่
ต้องการมาเพื่อ ‘ขอคำตอบ’ หรือ
“ลุกขึ้นได้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้กระแอมไอ “อาโย่วมีเรื่องใดหรือ”
“มีเรื่องหนึ่งเพคะ อยากทูลขอฝ่าบาท”
“อืม…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชี้พระดัชนีไปยังศาลาไม่ไกลนัก “ไปคุยกันที่นั่นเถอะ”
พอเข้าไปในศาลา ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไพล่มือไว้ด้านหลัง กล่าวกับซินโย่วด้วยรอยแย้มสรวลอ่อนโยน “อาโย่วอยากขอเรื่องใด”
“วันนั้นฝ่าบาทตรัสเรื่องจะส่งราชทูตไปเยือนประเทศต่างๆ ในดินแดนโพ้นทะเลอีกครั้ง หม่อมฉันขอเป็นหนึ่งราชทูตเดินทางไปยังดินแดนโพ้นทะเลเพคะ”
ซินโย่วเลือกมาเอ่ยยามนี้ ก็เพราะมีเหตุให้มั่นใจ
ต้องแต่งตั้งรัชทายาทแล้ว คนผู้นี้ไม่มีทางพิจารณานาง แต่ทว่าบางทีก็อาจกำลังรู้สึกผิด หากเป็นเช่นนี้ คำขอร้องของนางก็ย่อมเป็นจริงได้ไม่ยาก
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้คาดไม่ถึง “เจ้าอยากเดินทางออกทะเล?”
“เพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ส่ายพระพักตร์ “อาโย่ว เรารับปากไม่ได้”
ซินโย่วเหลือบตาขึ้นมองฮ่องเต้ที่ใกล้กันเพียงฉื่อ
“ฝ่าบาท เหตุใดไม่ทรงอนุญาตเพคะ” นางถาม
“ท้องทะเลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต อันตรายยากคาดเดา เราไม่วางใจ”
ทั้งเป็นกังวลความปลอดภัยของอาโย่ว และยังห่วงว่านางไปแล้วจะไม่กลับมา
“ต้าซย่าส่งราชทูตออกทะเลหลายครั้ง แต่ไรมาก็ไม่เคยเกิดเหตุ หม่อมฉันเดินทางไปดูโรงต่อเรือที่กว่างเฉิงมาแล้ว ฝีมือการต่อเรือของพวกเขายอดเยี่ยมมาก…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตัดบทซินโย่ว “ไม่กลัวหนึ่งหมื่นเหตุร้าย แต่กลัวหมื่นหนึ่งเหตุร้าย”
ซินโย่วสบตากับเขา
พวกเขามีใบหน้าที่เหมือนกันและก็มีความดื้อดึงที่เหมือนกันอีกด้วย
ดังนั้นนางเข้าใจแล้ว เขาไม่ยินดีปล่อยนางไป
พริบตานางก็รู้สึกได้ถึงความรันทดสุดขีด
นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ได้รับการผลักดันในวงกว้าง การปิดกั้นเส้นทางทางทะเลก็ผ่อนคลายลง เรื่องที่นางต้องการทำก็ทำสำเร็จแล้ว แต่กลับต้องถูกขังไว้ในกรงเช่นเมืองหลวงนี้
ตอนนี้ดำเนินไปตามแผนการของเขา เขานับว่าให้ความสำคัญกับนาง แต่วันหน้าเล่า นางจะมีชีวิตที่สบายใจต่อไปได้หรือไม่ก็ล้วนขึ้นกับซิ่วอ๋องหรือองค์ชายสาม?
ความรู้สึกถูกบิดาแท้ๆ บงการชีวิตก็น่าอนาถพอแล้ว ยังต้องให้ผู้อื่นมาควบคุมความเป็นความตายของนางด้วยหรือ
แต่เล็กมานางได้รับการอบรมจากมารดา แต่ไรไม่คิดว่าตนเองด้อยกว่าชาย ตอนนี้ก็เช่น นางไม่คับแค้นที่เกิดเป็นบุตรสาว คับแค้นเพียงแค่โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้สึกได้ถึงความคับแค้นจากแววตาสาวน้อย ยกมือปิดพระโอษฐ์กระแอมไอ “อีกอย่างเจ้าก็สิบเก้าแล้ว อย่างไรก็คงไม่อาจรอให้ถึงยี่สิบกว่าก็ยังไม่ออกเรือนกระมัง เราว่าฉางเล่อโหวก็เป็นคนสุขุม แล้วเจ้าก็ชื่นชม รอให้เสร็จงานช่วงนี้ก็จะพระราชทานสมรสให้พวกเจ้าดีไหม…”
ซินโย่วนิ่งฟัง เม้มปากแน่น
นี่ต้องการใช้การอนุญาตให้นางอยู่ร่วมกับเฮ่อชิงเซียวแลกกับการละทิ้งอิสรภาพของนาง
ขอเพียงนางพยักหน้า ก็จะจูงมือชายในดวงใจได้อย่างเปิดเผย อยู่ในเมืองหลวงหรูหราสุขสบายไปจนแก่เฒ่า
การล่อลวงนี้ทำให้นางอดไหวหวั่นไม่ได้ แต่พอคิดว่าจะต้องสูญเสียอิสรภาพก็ทำใจยอมรับไม่ได้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เห็นการเงียบของซินโย่วเป็นการยอมรับ ก็แย้มสรวลเบาๆ พอพระทัย
เดิมเขาก็ไม่ได้คิดคัดค้านอีกแล้ว คาดไม่ถึงว่ายังอาศัยเรื่องนี้มาขจัดความคิดอยากเดินทางไปดินแดนโพ้นทะเลของอาโย่วได้
“อาโย่ว ไปเดินเล่นกับเราหน่อย” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงคิดว่าเรื่องออกทะเลได้บรรลุข้อตกลงแล้ว จึงเตรียมจะถามความเห็นซินโย่วต่อซิ่วอ๋องกับองค์ชายสาม
……….