สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 423 ความลับ
ตอนที่ 423 ความลับ
……….
ฟ้ามืดแล้ว ท้องถนนนอกจากทหารแล้วก็แทบไม่มีคนเดินผ่าน เห็นอยู่ว่าฤดูร้อน แต่กลับเงียบเหงาดังปลายฤดูหนาว
ซินโย่วเดินเคียงข้างเฮ่อชิงเซียวกลับจวนตระกูลซิน ฝีเท้าก้าวเบาหวิวดังเหยียบอยู่บนนุ่น โงนเงนรู้สึกราวกับความฝัน
เรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมายในวันนี้ หนีพ้นจากความตายมาได้ สิ่งที่เสียไปกลับได้คืนมา ย่อมส่งผลกระทบกระเทือนจิตใจอย่างมาก
มือนางสั่นเทา จนกระทั่งมือใหญ่ของชายหนุ่มยื่นมากุมมือนางไว้
นางหันหน้ามาเงยหน้าขึ้นมองเขาเงียบๆ
“อาโย่ว ข้ากลับมาแล้ว”
ซินโย่วเม้มปากแน่นพลางพยักหน้า
“ขออภัย ไม่ได้กลับมาในทันที…” อาศัยแสงจันทร์จ้องมองสาวน้อยที่ผ่ายผอมลงไปมากตรงหน้าอย่างนึกสงสัย เฮ่อชิงเซียวปวดร้าวใจ อดยกมือขึ้นแตะแก้มนางเบาๆ ไม่ได้
ซินโย่วรับรู้นิ้วมือเขาสัมผัสนาง บริเวณที่สัมผัสสั่นระริก พริบตาก็ไร้เรี่ยวแรง
นางโผเข้าสู่อ้อมกอดเขา กอดเขาไว้แน่นเต็มแรง
เขายกมือขึ้นโอบกอดนางไว้ คางแตะหน้าผากนางเบาๆ
เขารับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของนาง นางเองก็รับรู้ได้ถึงความหวาดกลัวของเขา วาจามากมายเพียงใดก็มิสู้โอบกอดกันแนบแน่นเช่นนี้ ให้ความรู้สึกว่าเป็นเรื่องจริงยิ่งกว่า
กลิ่นอายของกันและกันโอบล้อมกันไว้เช่นนี้ ส่งผ่านความอบอุ่นทางผิวสัมผัส จึงได้ทำให้จิตใจตื่นตระหนกของทั้งสองสงบลง แน่ใจได้แล้วว่าคนที่รักอย่างสุดซึ้งยังสบายดีอยู่
การโอบกอดนี้เป็นห้วงเวลาสั้นมาก แต่กลับทำให้ทั้งสองคนที่ถูกทรมานจิตใจมาสงบลงได้
เขาและนางเดินจูงมือกันมาจนถึงจวนตระกูลซินจึงได้ปล่อยมือ
เจี้ยงซวงถือโคมไปมายืนรอนอกประตู พอเห็นซินโย่วก็รีบปรี่เข้าไปหาทันที
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!” สาวใช้มองดูสาวน้อยปกติดี ก็น้ำตาไหลพราก
เริ่มแรกนางไม่รู้ว่าคุณหนูเกิดเรื่อง พอได้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว วิ่งไปขอความช่วยเหลือที่จวนองค์หญิงใหญ่ แต่กลับถูกบอกว่าองค์หญิงใหญ่ไม่อยู่จวน
ในยามนั้นเองนางก็กำลังคิด หากพี่เสี่ยวเหลียนอยู่ อาจจะคิดวิธีใดออกใช่หรือไม่
ส่วนนางก็ได้แต่ร้อนใจดังแมลงวันไร้หัว รอคอยอย่างทรมาน
“อย่าร้องไห้ ไปทำอะไรมาให้ข้ากับ…” ซินโย่วมองคนข้างกาย “ไปทำอะไรมาให้ข้ากับท่านโหวกินหน่อย ค่อนวันมาแล้ว ยังไม่ได้กินอันใดเลย”
“บ่าวจะไปห้องครัวเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” เจี้ยงซวงปาดน้ำตายิ้มทั้งน้ำตา
ซินโย่วพาเฮ่อชิงเซียวไปโถงบุปผา ล้างมือเช็ดหน้าแล้วก็ดื่มน้ำชาให้ชุ่มคอ
ในห้องโถงเงียบสงบ แสงเทียนสว่าง
“อาโย่ว เจ้าผอมลงไปมาก”
ซินโย่วกุมแก้วชา หลังเงียบงันไปเล็กน้อยก็เอ่ยเบาๆ ว่า “เพราะข้าเป็นห่วงเจ้าทุกห้วงเวลา”
“ข้าเองก็เช่นกัน” เฮ่อชิงเซียวตอบกลับ เทียบกับท่าทีเปิดเผยของซินโย่ว เขามีความรู้สึกตำหนิตัวเองอยู่มาก
เขาเป็นห่วงนาง แต่กลับไม่อาจไปช่วยนางอย่างไม่คำนึงถึงเรื่องใดได้ เขาจัดให้นางอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญที่สุดของหัวใจ แต่ในความเป็นจริง ที่สำคัญที่สุดอาจมิใช่สิ่งที่ทำได้แรกสุด
พวกเขาดำรงชีวิตอยู่ในพระราชอำนาจ ในโลกใบนี้มีหลายเรื่องที่ไม่อาจควบคุมได้
มักทำให้เขานึกตำหนิตนเอง รู้สึกตนเองต้อยต่ำ คิดว่าเขาไม่เหมาะกับความรักของอาโย่ว
ซินโย่วถามถึงเรื่องที่ตกน้ำ ดังคาด ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้รับความช่วยเหลือจากเฮ่อชิงเซียว ปิดบังสถานะเร่งเดินทางกลับเมืองหลวง
เฮ่อชิงเซียวเองก็ถามเรื่องที่ซินโย่วประสบมาในวังวันนี้ ฟังแล้วก็รู้สึกหวาดกลัวมิคลาย
นอกประตู เสียงเจี้ยงซวงดังเข้ามา “คุณหนู อาหารเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“ยกเข้ามา”
ประตูเปิดออก เจี้ยงซวงประคองถาดเข้ามา วางอาหารลง
ทั้งสองไม่คุยกันอีก กินอาหารค่ำเงียบๆ คล้ายดังตอนอยู่โรงนาทางใต้
ยามนี้ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่มีอารมณ์เสวยพระกระยาหาร เสด็จไปยังตำหนักฉือหนิงกง
ไทเฮาเองก็ไม่กะจิตกะใจเสวยพระกระยาหาร กำลังรอบุตรชายอย่างกลัดกลุ้ม
“ฮ่องเต้ จัดการเรียบร้อยแล้ว?”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พยักพระพักตร์ “นับว่าจัดการสถานะคนที่ปลอมเป็นข้าผู้นั้นเรียบร้อยแล้ว ที่ควรคุมขังก็จัดการคุมขังไปแล้ว จากนี้ก็ต้องสอบสวนให้ละเอียด ดูว่ามีปลาเล็ดลอดจากแหหรือไม่”
“เช่นนั้นฮ่องเต้ตัวปลอมคือผู้ใด” ไทเฮาอยากรู้เรื่องนี้มากที่สุด
“บิดาโค่วชิงชิง โค่วเทียนหมิง”
เพราะเหตุจากซินโย่ว ไทเฮาจดจำชื่อ ‘โค่วชิงชิง’ ได้อย่างแม่นยำ รู้สึกตกใจอย่างมาก “บิดานางมิใช่ตายไปแล้วหรือ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เล่าเหตุร้ายที่เกิดกับโค่วเทียนหมิง
“แปลกจริง ถึงกับมีคนหน้าตาเหมือนกับฮ่องเต้ได้เช่นนี้” ไทเฮาฟังจบก็รู้สึกตกพระทัย
หากบุตรชายไม่กลับมา ก็ให้เจ้าตัวปลอมนั่นได้ครองตำแหน่งไป เกรงว่าหลังสังหารซินโย่ว ไม่นานก็คงกำจัดนางผู้เป็นไทเฮา
คิดถึงซินโย่ว ท่าทีของไทเฮาก็แอบเปลี่ยนไป
จะว่าไป วันนี้พ้นภัยมาได้อย่างราบรื่นก็เพราะเด็กคนนั้น…
“ข้าเองก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ ไว้สั่งให้คนไปตรวจสอบที่บ้านเกิดโค่วเทียนหมิงสักหน่อย”
“ตรวจสอบอันใด?”
“สอบดูชาติกำเนิดของเขาสักหน่อยว่ามีอันใดอันใดแอบแฝงหรือไม่” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตร ไทเฮา “เสด็จแม่ ตระกูลเรามีญาติสนิทพลัดพรากจากกันหรือไม่”
“ไม่มี…” ไทเฮาพูดไปแล้วก็ตะลึงไปครู่หนึ่ง
ญาติสนิทพลัดพรากนั้นไม่มี แต่กลับมีบุตรชายที่ตายไปคนหนึ่ง
เด็กคนนั้นชะตาไม่ดี เกิดมาไม่นานก็สำลักสิ้นลม สามีนางกลัวนางเสียใจ รีบนำศพบุตรชายไปจัดการทันที
ต่อมาพอนางถาม ก็บอกว่าใส่กะละมังไม้โยนลงแม่น้ำไปแล้ว
ในพื้นที่บ้านเกิด ทารกที่ตายกะทันหัน บ้างก็ฝังแบบน้ำเช่นนี้ บ้างก็โยนลงไปในหุบเขา สรุปก็คือไม่อาจฝังไว้กับสุสานบรรพชนได้
เพราะเกิดมาเป็นแฝด ไม่อยากให้คนนอกวิจารณ์ ผู้อาวุโสยัดเงินให้หมอตำแยก่อนจะบอกว่ามีแค่คนเดียว
หรือว่าเด็กคนนั้นไม่ตาย… พอคิดถึงความเป็นไปได้นี้ ไทเฮาก็ใจเต้นแรง
“เสด็จแม่ทรงคิดอันใดได้หรือ”
ไทเฮาตั้งพระสติได้ก็มองดูแววตาเป็นห่วงของบุตรชาย ค่อยๆ ส่ายหน้า “เวลาผ่านมานานมากแล้ว ข้ากำลังหวนนึกย้อนกลับไปอยู่ ตระกูลเราไม่มีญาติสนิทพลัดพรากจากกันไปจริงๆ”
“เช่นนั้นก็ท่านแม่ก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ ข้าให้หมอหลวงจ่ายยาบำรุงประสาท อย่าให้เรื่องวันนี้ส่งผลกระทบต่อท่านแม่”
“ฮ่องเต้เองก็พักผ่อนให้ดี พวกก่อกบฏถูกจับแล้ว เรื่องจากนี้ก็ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อน”
มารดาแสดงความเมตตา บุตรชายแสดงความกตัญญูแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เสด็จกลับ
“ไทเฮา เสวยเถอะเพคะ”
ไทเฮาโบกพระหัตถ์ “วันนี้ไม่อยากกินแล้ว ข้าอยากนอนเร็วหน่อย”
ไทเฮาล้างหน้าบ้วนปากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็นอนอยู่บนเตียงนุ่มสบาย
พอหลับตา ในห้วงความคิดหญิงชราไม่ได้นึกถึงเรื่องน่าตกใจในตำหนักฟางหนิงกง แต่เป็นเด็กที่เกิดมาก็สิ้นลมผู้นั้น
เด็กคนนั้นเหมือนกับเอ้อร์เป่าทุกประการ เป็นเด็กที่หน้าตางามอย่างมาก
ไทเฮาบรรทมไม่หลับ เบิกพระเนตรจ้องมองมุ้งเตียงเขม็ง
บนโลกนี้ นอกจากนางก็ไม่มีผู้ใดรู้การดำรงอยู่ของเด็กคนนั้น เวลาผ่านไปนานมากแล้ว นานจนนางเองก็นึกภาพไม่ออกว่าจะรู้สึกอย่างไรหากมีบุตรชายอีกคน
นางมีบุตรชายที่กตัญญูที่สุดและมีความสามารถที่สุดคนหนึ่งแล้ว จะมีอีกคนไปทำไมกัน
โดยเฉพาะหน้าตาเหมือนกัน วันหน้าเกิดเหตุปลอมตัวเป็นเอ้อร์เป่าอีกจะทำอย่างไร
เอ้อร์เป่าเป็นฮ่องเต้ ไม่จำเป็นต้องมีพี่น้องที่เหมือนกับเขาทุกประการ
ในพระทัยไทเฮารู้สึกไม่สบายพระทัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เล็กน้อยมากจริงๆ ความลับนี้จะถูกฝังกลบตลอดไป ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
บนโลกเรานี้ผู้ใดไม่เคยมีบุตรที่จากไปตั้งแต่แบเบาะกัน สำหรับนางแล้ว เด็กคนนั้นตายไปเมื่อห้าสิบปีก่อนแล้ว
วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่ไม่ได้ออกประชุมท้องพระโรงมานานก็ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร มองลงมายังตำแหน่งที่ว่างในท้องพระโรงหลายตำแหน่งทีหนึ่ง เริ่มจัดการงานในวันนี้
บรรดาขุนนางที่ควรจับกุมก็จับกุม ส่วนพวกที่ลงแรงจัดการความวุ่นวายครั้งนี้ ก็ได้เวลาบำเหน็จตามความชอบแล้ว
……….