สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 397 ยอมรับ
ตอนที่ 397 ยอมรับ
……….
ซินโย่วรู้ว่ายามนี้มีสายตามากมายมองมาที่นาง รู้ว่าจากนี้ไปความในใจนางที่มีต่อใต้เท้าเฮ่อเกรงว่าคงยากจะใช้คำอ้างว่าผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนางมาปิดบังได้อีกแล้ว
นางตัดสินใจแล้วว่าจะเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ในใจให้แน่นหนา แต่ก็เหมือนดังที่เสี่ยวเหลียนถามนางวันนั้น นางทบทวนในใจหลายรอบ หลังก้าวสู่วังวนนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ชีวิตนางจะเป็นดุจคำตอบที่วางแผนเอาไว้แล้ว
มักจะมีเรื่องที่ไม่อาจบังคับทิศทางได้ เลือกทำในสิ่งที่ไม่ยินดีทำอย่างเสียไม่ได้
ก็ดังเช่นตอนนี้ คนผู้นั้นต้องการชีวิตใต้เท้าเฮ่อ
ซินโย่วกำมือแน่น “ใช้คทาหรูอี้นี้ขอให้ฝ่าบาทไว้ชีวิตใต้เท้าเฮ่อได้ก็นับว่าเป็นค่ามากที่สุดของคทานี้แล้วเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้ยินคำตอบนี้แล้วก็รู้สึกสับสนในพระทัย ทรงจ้องมองซินโย่วครู่หนึ่งก็หันไปมองเฮ่อชิงเซียวที่หมอบราบกับพื้น
เพิ่งโบยไปไม่กี่ที นางมาเร็วจริง
หลังความเงียบงันผ่านไป ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ค่อยๆ ตรัสว่า “เราเคยรับปากว่าเจ้าใช้คทาหรูอี้ขอได้หนึ่งข้อ ฮ่องเต้ตรัสแล้วไม่คืนคำ เราย่อมรับปาก”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท…”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ยกพระหัตถ์ “เรายังพูดไม่จบ”
ซินโย่วหลุบตาลง นิ่งรอฟังต่อ
“เฮ่อชิงเซียวหลอกลวงเบื้องสูง โทษตายละเว้นได้ แต่โทษเป็นไม่อาจละเว้น ปลดจากตำแหน่งเจิ้นฝูสื่อ กองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน หยุดเบี้ยหวัดสองปี”
“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”
ซินโย่วได้ยินเสียงของพระทัยของเฮ่อชิงเซียว ก็พยายามบังคับตนเองไม่ให้มองไปทางเขา
“ส่วนเซี่ยหยาง…” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ตัดสินพระทัยปล่อยตัวขุนนางเก่าแก่ที่ปากคอไวและพูดจาตรงกับใจผู้นี้ “ขับออกจากเมืองหลวง ไม่ให้รับราชการอีก”
เซี่ยหยางคาดไม่ถึงว่ายังรอดชีวิตได้ เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ผ่านไปครู่หนึ่งก็ตั้งสติได้ ทูลขอบพระทัยในพระเมตตา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้คิดสนพระทัย ทอดพระเนตรมองไปยังบรรดาขุนนางโดยรอบ ตรัสพระสุรเสียงราบเรียบ “ซินไต้จ้าว ตามเราเข้าวัง”
“เพคะ” ซินโย่วลุกขึ้น ก้มศีรษะเดินทางฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
โทษโบยจบลงอย่างลวกๆ เช่นนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเฝิงเหนียนได้แต่เสียดายอยู่ในใจ สั่งให้ลูกน้องปล่อยตัวเฮ่อชิงเซียว
บรรดาขุนนางที่มาดูการลงทัณฑ์พากันสลายตัว บรรดาขุนนางที่มีเสนาบดีกรมพิธีการเป็นผู้นำกลุ่มต่างมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
เฮ่อชิงเซียวส่งทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินจับตาดูบรรดาขุนนาง ถึงกับพัฒนาไปถึงขั้นส่งสายไว้ตามจวนขุนนาง เขาถูกบรรดาขุนนางมากมายโกรธแค้นคิดปองร้ายนานแล้ว กอปรกับการผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ที่กดดันไร้หนทางถอย ทำลายผลประโยชน์ขุนนาง ก็ยิ่งเป็นดังหนามตำนัยน์ตาบรรดาขุนนางบางส่วน แทบจะกำจัดให้พ้นทาง
พวกเขาทุ่มเทหาหนทางเสาะหาความผิดของเฮ่อชิงเซียวเต็มกำลัง โชคดีได้พบเซี่ยหยาง จากนั้นก็แอบรอโอกาสล้มอีกฝ่ายเงียบๆ กว่าจะรอให้เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธการแต่งงานทำให้ฮ่องเต้กริ้ว ดังนั้นจึงได้รีบลงมือ ต้องการเพียงแค่โจมตีแล้วเห็นผลทันที
คาดไม่ถึงเลยว่าฮ่องเต้รับสั่งให้ตายแล้ว ชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว กลับถูกซินโย่วทำลายทิ้ง
“ท่านซุน วันหน้า…”
เสนาบดีกรมพิธีการส่ายหน้าช้าๆ แสดงท่าทางว่าอย่าได้เอ่ยอีก ขุนนางที่เอ่ยขึ้นได้แต่ถอนหายใจจากไปเงียบๆ
เฮ่อชิงเซียวพยายามลุกขึ้น มองไปทางประตูวังเงียบๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ เดินออกไป
“ใต้เท้าเฮ่อ ใต้เท้าเฮ่อ…” เสียงเรียกรีบร้อนดังขึ้นด้านหลัง
เฮ่อชิงเซียวยืนนิ่ง หันกลับไปมองคนที่ไล่ตามมา
ไม่นานเซี่ยหยางก็มาถึงตรงหน้าเฮ่อชิงเซียว โขกศีรษะให้เขาทีหนึ่ง “ใต้เท้าเฮ่อ ข้าทำให้ท่านพลอยเดือดร้อนไปด้วย”
เฮ่อชิงเซียวเผยรอยยิ้มบนใบหน้าซีดเซียว “พี่เซี่ยมิต้องรู้สึกผิด ข้าเลือกเอง”
เขาเลือกทำเช่นนี้ก็จะไม่นึกเสียใจภายหลังอีก เพียงแต่รู้สึกผิดต่ออาโย่ว ทำให้นางต้องสูญเสียคทาหรูอี้ล้ำค่าไปเสียแล้ว
คทาหรูอี้ที่ขอให้ฮ่องเต้รับปากได้หนึ่งคำขอ เขาคาดไว้แล้วว่าอาโย่วต้องการขออันใด
รอให้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่น ราษฎรมีชีวิตสุขสบายขึ้นอีกหน่อย เกรงว่าสิ่งที่อาโย่วต้องการที่สุดก็คืออิสรภาพ
นางเป็นนกนางแอ่นในป่าใหญ่ ไม่ควรถูกกักขังในวังหลวงเป็นหงส์ที่ผู้คนอิจฉา
เซี่ยหยางคำนับเฮ่อชิงเซียวนอบน้อมอีกครั้ง ก่อนเดินจากไปเงียบๆ
เฮ่อชิงเซียวหลุบตาลงเดินไป
“ท่านโหว” เสียงหนึ่งดังขึ้น
เฮ่อชิงเซียวได้ยินก็มองไป พบคนผู้หนึ่งแต่งกายแบบบ่าวรับใช้ยืนอยู่ริมทาง คำนับเขาทีหนึ่ง “ข้าน้อยเตรียมรถม้ามาส่งท่านกลับจวนโหว”
เฮ่อชิงเซียวกวาดตามองไปรอบๆ ทีหนึ่ง นอกจากสายตาคนจำนวนหนึ่งที่มองมาจากที่ไกลๆ แล้วก็ เห็นเพียงบ่าวตรงหน้า
เขาเงียบงันไปก่อนจะก้มหน้าเอ่ย “ขอบคุณ” แต่กลับไม่ถามว่าเป็นรถม้าของใต้เท้าท่านใด
บ่าวรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที
ท่านโหวท่านนี้ฉลาดจริง รู้ว่าถามไปก็รังแต่จะทำให้เขาลำบากใจ เพียงแต่คนฉลาดเช่นนี้ เหตุใดกล้าหลอกลวงเบื้องสูงกัน ยังทำเพื่อคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันอีก
ประตูม่านรถม้าปิดลง รถม้าพาเฮ่อชิงเซียวกลับจวนฉางเล่อโหว
ยามนี้ซินโย่วเข้าไปในตำหนักเฉียนชิงกงแล้ว
ขันทีล้วนเป็นคนฉลาด รู้ว่าฮ่องเต้พระอารมณ์ไม่ดี พากันเคลื่อนไหวเบาจนแทบไร้เสียง พยายามลดการมีตัวตนให้มากที่สุด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางจอกชาลงบนโต๊ะ เสียงเคลื่อนไหวดังมากกว่าปกติ
“นั่ง”
ซินโย่วนั่งลงเงียบๆ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงนิ่งจ้องมองสาวน้อยตรงหน้าทีหนึ่ง ตรัสถามความสงสัยในใจขึ้นมา “อาโย่ว เจ้าชอบฉางเล่อโหวใช่หรือไม่”
ขนตายาวของซินโย่วกะพริบราวกับปีกผีเสื้อ รู้ว่าปฏิเสธต่อไปก็รังแต่จะยั่วยุให้คนตรงหน้าโมโห
นางอาจไม่ยอมรับ แต่ทว่าหากคนผู้นี้คิดฝืนพระราชทานสมรสให้ใต้เท้าเฮ่อ ใต้เท้าเฮ่อก็คงตกสู่วังวนแห่งความยุ่งยากอีก
ก่อนหน้านี้ใต้เท้าเฮ่อปฏิเสธการแต่งงาน กักตัวอยู่แต่ในจวนสำนึกตนไม่นับว่ากระไรนัก แต่เขาเพิ่งรอดชีวิตมาได้ หากปฏิเสธการแต่งงานอีกครั้ง ผลที่ตามมาแค่คิดก็ย่อมรู้ได้
นางมองดูคนที่รอคำตอบนาง แอบยิ้มเยาะตนเอง
ต่อหน้าพระราชอำนาจของฮ่องเต้ คนเราตัวเล็กเพียงนิด
นางรังเกียจที่นี่จริงๆ
นางคิดถึงหุบเขาที่เติบโตมา คิดถึงคนที่รักนางด้วยใจบริสุทธิ์เหล่านั้น
ซินโย่วระงับความเจ็บปวดพยักหน้ายอมรับ “ฉางเล่อโหวช่วยเหลือหลายครา หม่อมฉันยากจะไม่หวั่นไหวเพคะ”
นางพึงใจใต้เท้าเฮ่อ มิใช่เพราะบุญคุณที่เขาช่วยชีวิตนาง แต่ทว่าในยามนี้ การพูดเช่นนี้ดีต่อใต้เท้าเฮ่อมากกว่า
การคาดเดาได้รับคำตอบแท้จริงแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็เลิกพระขนงตรัสถามหยั่งเชิงว่า “เช่นนั้นเราพระราชทานสมรสให้พวกเจ้าดีไหม”
“ไม่เพคะ” แววตาซินโย่วกระจ่างใส สีหน้าเปิดเผย “แม้หม่อมฉันมีใจต่อใต้เท้าเฮ่ออยู่บ้าง แต่ไม่คิดว่าเขาเป็นคู่ครองที่ดีเพคะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มุมพระโอษฐ์เผยรอยแย้มสรวล “ก็เป็นเช่นนี้ ชอบไม่ได้หมายความว่าเหมาะสม”
ซินโย่วได้ยินคำนี้ก็พลันนึกอยากถามว่า เช่นนั้นท่านแม่เล่า สำหรับท่านแล้วเป็นแบบเช่นใด
แต่ทว่าไม่นานนางก็วางความคิดอยากรู้นี้ลง
เขาคิดอย่างไรไม่สำคัญ ท่านแม่คิดว่าเขาไม่ดีแล้วก็จากไปอย่างไม่อาลัย ไม่จำต้องอดทนอดกลั้นตนเองอยู่ในวังอันงดงามนี้วันแล้ววันเล่า เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า
ผู้คนทั่วไปหัวเราะท่านแม่กระทำการวู่วาม แต่นางกลับดีใจกับท่านแม่
“อาโย่ว”
“เพคะ”
“เรื่องเฮ่อชิงเซียว เราไม่คิดทำอันใดเขาอีก”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
“กลับไปได้แล้ว” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้พระสุรเสียงอ่อนโยน
ซินโย่วลุกขึ้นถวายคำนับ “หม่อมฉันทูลลา”
พอในตำหนักเงียบลง สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็บึ้งตึง
เจ้าหมอนั่นคว้าเอาดวงใจอาโย่วไปแล้ว?
“ซุนเหยียน”
“พ่ะย่ะค่ะ”
“เฮ่อชิงเซียวมักไปร้านหนังสือชิงซงใช่หรือไม่”
“บ่าวได้ยินมาเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นเจ้าไปดูที่ร้านหนังสือชิงซงแทนเราหน่อย”
อาโย่วพึงใจเฮ่อชิงเซียว เฮ่อชิงเซียวปฏิเสธการแต่งงานก็คงเพราะอาโย่ว
ความผูกพันระหว่างพวกเขาเพียงแค่เดินทางลงใต้ร่วมกันครั้งนั้นหรือ หรือว่าตอนอาโย่วยังเป็น ‘โค่ว ชิงชิง’ พวกเขาก็มีใจให้กันแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นเฮ่อชิงเซียวมิใช่พบสถานะของอาโย่วแล้วหรือ