สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 383 ตามตื๊อ
ตอนที่ 383 ตามตื๊อ
……….
ในตำหนักเฉียนชิงกง พอฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ได้รู้ปฏิกิริยาของเสนาบดีกรมพิธีการจากกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินก็แค่นเยาะ “เราแพร่ออกไปเอง เขาคิดด่าเราให้ได้หรือ”
ท่าทีต่อการขออภิเษกเชื่อมไมตรีของซีหลิงไม่อาจแพร่ออกไปได้ในตอนนี้ แต่ทว่าคำพูดอาโย่วนั้นให้ผู้อื่นรู้ได้
ต้องให้วังหลังได้ฟัง จะได้ทำให้ความดีของอาโย่วที่มีต่อพระสนมลี่ผินสองแม่ลูกได้เป็นที่รับรู้ และให้บรรดาขุนนางชนชั้นสูงได้ฟัง ให้พวกเขาไตร่ตรองตนเองว่าหน้าหนาเพียงใด
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่กริ้วพระสนมลี่ผินที่ร้อนใจเที่ยวหาคนช่วยไปทั่ว แต่โมโหบรรดาขุนนางใหญ่ที่ไม่ได้ความ
ม้าศึกห้าพันตัว ไม่แย่งมาก็หลอกเอามา หากไม่ได้จริงๆ ก็แล้วไป ความคิดแรกที่คิดใช้ผู้หญิงไปแลกก็เป็นดังที่อาโย่วว่า สู้ไม่ได้แม้แต่สุนัขผายลม
คิดถึงคำด่าของซินโย่วแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ทรงพระสรวล
พอทรงพระสรวลจบ ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็คิดถึงอ๋องเป่ารื่อ
ชีวิตประจำวันของอ๋องเป่ารื่อย่อมอยู่ในสายตาของเขา
เจ้าอ๋องเป่ารื่อคิดว่าอาโย่วคัดค้านซีหลิงอภิเษกองค์หญิง จะไปคิดบัญชีกับอาโย่วให้ได้หรือ
หรือว่าเขาไม่รู้สถานะแท้จริงของอาโย่ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตัดสินพระทัยรอดูว่าอ๋องเป่ารื่อจะก่อเรื่องอันใด
ในห้องหนังสือจวนซิ่วอ๋อง ที่ปรึกษาเอ่ยเตือนสติซิ่วอ๋องเบาๆ “ท่านอ๋อง คำพูดซินไต้จ้าววันนี้ เพียงพอจะทำให้เห็นจิตใจคิดเป็นใหญ่ของนางแล้ว!”
ซิ่วอ๋องยิ้มกล่าวว่า “อาโย่วเป็นบุตรีฮองเฮา ความคิดย่อมต่างจากสตรีทั่วไป”
เห็นซิ่วอ๋องไม่คิดเช่นนั้น แต่ที่ปรึกษาก็ไม่เห็นด้วย “ท่านอ๋อง ท่านอย่าได้คิดว่าซินไต้จ้าวเป็นสตรี ก็จะผ่อนคลายการป้องกัน วันนี้เห็นได้ว่านางมีอิทธิพลต่อท่าทีของฝ่าบาท”
“หรือท่านคิดว่าอาโย่วจะแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทไปได้” ต่อหน้าที่ปรึกษาคนสนิท ซิ่วอ๋องมิได้ปิดบังความคิดเป็นใหญ่ครอบครองตำแหน่งรัชทายาทของตน
หรืออาจไม่เรียกว่ามีความคิดเป็นใหญ่ เขาเป็นองค์ชายพระองค์โต ถัดลงไปมีองค์ชายอีกสามพระองค์ที่ยังเล็ก คิดว่าโอกาสตนเองมากที่สุดก็ย่อมเป็นเรื่องปกติวิสัยของคนทั่วไป
ที่ปรึกษาน้ำเสียงเคร่งเครียด “ซินไต้จ้าวเป็นสตรี ย่อมไร้วาสนาครองตำแหน่งรัชทายาท แต่ทว่าบางทีนางอาจมีอิทธิพลต่อฝ่าบาทในการเลือกรัชทายาท”
“คำพูดเช่นนี้ วันหน้าท่านพูดให้น้อยหน่อยจะดีกว่า” ซิ่วอ๋องยกจอกชาขึ้น
ที่ปรึกษาเห็นเช่นนี้ก็ได้แต่ลุกขึ้นออกไป
ที่ปรึกษาเดินออกจากห้องหนังสือ ก็หันไปมองทีหนึ่ง
ม่านรัตติกาลดึกสงัด แสงไฟในห้องหนังสือยังคงส่องสว่าง บนหน้าต่างสะท้อนเงาร่างผึ่งผายของชายผู้นั้น
ที่ปรึกษาส่ายหน้า ในใจท่านอ๋องคิดอย่างไร แม้เขาเป็นที่ปรึกษาคนสนิทก็คาดเดาไม่ออก
ใจที่ปรึกษาค่อยๆ วางลง
ท่านอ๋องเก็บท่าทีได้สงบนิ่งเช่นนี้เป็นเรื่องดี หากเป็นเหมือนองค์ชายรองผู้นั้น ก็คงเอาชีวิตไม่รอด
วันต่อมาหลังเลิกงาน อ๋องเป่ารื่อก็มารออยู่ริมทางตอนซินโย่วออกจากสำนักฮั่นหลินย่วน
“คุณหนูซิน!”
ขุนนางที่เลิกงานต่างแอบพากันผ่อนฝีเท้าให้ช้าลง
อ๋องเป่ารื่อมาหาซินไต้จ้าวอีกแล้ว
สู้กันๆ!
แต่ในมืออ๋องเป่ารื่อถืออันใดอยู่ หน้าตาเหมือนตะกร้าดอกไม้…หา! เป็นตะกร้าดอกไม้
พอทุกคนรับรู้แล้วต่างก็รู้สึกประหลาดใจ
“คุณหนูซิน วันนี้มีเวลาหรือไม่” อ๋องเป่ารื่อยิ้มถาม
ชายร่างสูงใหญ่ โครงหน้าลึกดังรูปสลักงามสง่า ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรเช่นนี้ ในที่สุดซินโย่วก็คิดเหมือนกับคนที่รอดูอยู่โดยรอบ ไม่ถูกต้องแล้ว
“ราชทูตมีธุระ?”
“เมื่อวานเชิญคุณหนูซินรับประทานอาหาร คุณหนูซินไม่ใช่ว่ามีธุระหรือ วันนี้คุณหนูซินให้เกียรติได้หรือไม่” อ๋องเป่ารื่อหัวเราะเบาๆ พลางถาม
ซินโย่วนิ่งมองอ๋องเป่ารื่อทีหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า “ขออภัย วันนี้มีธุระ”
“เช่นนั้นพรุ่งนี้?”
“พรุ่งนี้ก็มีธุระ” มาถึงยามนี้ ซินโย่วแอบคาดเดาความคิดอ๋องเป่ารื่อ ปฏิกิริยาแรกก็คือนิ่งอึ้ง
“เช่นนั้นรอให้คุณหนูซินสะดวกค่อยว่ากัน” อ๋องเป่ารื่อถูกปฏิเสธเช่นนี้ แต่สีหน้ากลับไม่ได้รู้สึกขัดเขินหรือโมโหอันใด ยกตะกร้าดอกไม้ในมือไปตรงหน้าซินโย่ว “เมื่อครู่เดินอยู่ในตลาดพบเด็กหญิงเร่ขายดอกไม้คนหนึ่ง ข้าคิดว่าดอกไม้นี้บานได้งามมาก เหมาะกับคุณหนูซิน”
คนที่แอบดูอยู่ “!”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เบาๆ ดังไปทั่ว พัดพาไปกับสายลมฤดูร้อนเข้าหูของซินโย่ว
ซินโย่วหลุบตาลงมองดอกไม้สดเต็มตะกร้า เอ่ยอย่างสุภาพว่า “ดอกไม้บานได้งามมากจริง ท่านราชทูตนำกลับไปชื่นชมที่ที่พักเถอะ”
“ข้าอยากมอบให้คุณหนูซิน” อ๋องเป่ารื่อยืนยัน
ที่ซีหลิง หากพบหญิงที่ชอบก็ต้องพยายามตามตื๊อ ไม่เช่นนั้นจะถูกผู้อื่นแย่งชิงไป แน่นอน ด้วยสถานะของเขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ย่อมมีคุณหนูมากมายเข้ามาผูกไมตรีด้วยตนเอง
เพียงแต่ คุณหนูเหล่านั้นแต่ไรมาไม่เคยทำให้เขารู้สึกว่าเคยรู้จักกันมาก่อนดังฟ้าลิขิต
ซินโย่วยิ้มกว้าง “แต่ทว่าข้าไม่ชอบ”
ทุกคนที่เงี่ยหูฟัง “!!”
อ๋องเป่ารื่อวางตะกร้าดอกไม้ในมือลงถามจริงจังว่า “เช่นนั้นคุณหนูซินชอบอันใด”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงใจ ไม่ใช่หยอกล้อ ไม่ว่าผู้ใดก็มองออกว่าจริงใจ
ในบรรดาคนที่มองดูอยู่ มีทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายสบตากันทีหนึ่งด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
ใต้เท้าเฮ่อพวกเขาเงินไม่ดี เวลาก็ไม่มี หาภรรยาสักคนก็ยากยิ่งแล้ว เหตุใดจึงได้มีคู่แข่งเช่นนี้โผล่ขึ้นมาอีก!
อ้อ ความจริงพวกเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าใต้เท้าชอบคุณหนูซินหรือไม่ แต่ว่าพวกเขาอยากให้ใต้เท้าได้แต่งกับคุณหนูซินที่เป็นสาวงามจิตใจดีและใจกว้างเรื่องเงินทอง
ซินโย่วมองดูแววตาของอ๋องเป่ารื่อที่มองมาด้วยความหวัง ก็เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ตอนนี้ยังไม่ต้องการอันใด ไม่ชอบสิ่งใด ราชทูตเดินทางมาไกลถึงเมืองหลวงต้าซย่า ระยะนี้ไม่สู้เดินชมให้มากอีกสักหน่อย กลิ่นอายประเพณีผู้คนต่างแดนน่าสนใจไม่น้อยไปกว่าดอกไม้ที่พบเห็นได้ทุกหนแห่ง”
อ๋องเป่ารื่อได้ยินก็นิ่งอึ้งไป
ในฐานะอ๋อง เขาร่ำรวยเงินทองและฝึกยุทธ์มาแต่เล็ก ย่อมฟังคำปฏิเสธของสาวน้อยตรงหน้าออก
ทว่าแต่ไรมาเขาไม่เคยถูกคนปฏิเสธด้วยคำพูดที่ดีเช่นนี้มาก่อน
ตรงไปตรงมา แต่กลับไม่ทำให้คนเสียหน้า
ซินโย่วคิดว่าคำพูดนี้กระจ่างมากแล้ว พยักหน้าเล็กน้อยเดินหลบอ๋องเป่ารื่อไป
ขุนนางที่แอบดูอยู่ก็รีบถอนสายตากลับคืน แสร้งทำเป็นผ่านทางมา
ทหารกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินสองนายหารือกันแล้วก็ตัดสินใจส่งจดหมายถึงใต้เท้าเฮ่อ
พริบตาคนที่แอบดูก็สลายตัวไปพร้อมกับการจากไปของซินโย่ว เหลือเพียงอ๋องเป่ารื่อถือตะกร้าดอกไม้โดดเดี่ยวลำพัง เดินกลับที่พักด้วยสภาพเศร้าสลดอยู่ไม่น้อย
ขุนนางซีหลิงที่ติดตามเขาผู้หนึ่งคิดเอาใจจึงเสนอว่า “ท่านอ๋องได้ยินว่าที่แคว้นต้าซย่า ชายหญิงแต่งงานต้องฟังคำสั่งบิดามารดาและคำสู่ขอของแม่สื่อ โดยเฉพาะผู้หญิง ไม่อาจตัดสินใจด้วยตนเองได้”
แววตาอ๋องเป่ารื่อส่องประกาย “เจ้าหมายความว่าที่คุณหนูซินปฏิเสธก็เพราะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากบิดามารดา ไม่อาจรับปากได้?”
หากเป็นเช่นนี้ เขายังมีโอกาส!
“ก็ลืมถามใต้เท้าจี้ คุณหนูซินมาจากตระกูลใด”
วันนี้ตอนอ๋องเป่ารื่อเดินเล่น รองเจ้ากรมจี้คอยต้อนรับตลอด ตอนมาหาซินโย่วจึงได้ให้รองเจ้ากรมจี้กลับไป
ขุนนางซีหลิงชี้มือไป “ท่านอ๋อง คนผู้นั้นเหมือนว่าเป็นหัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วน ”
ผู้ที่กำลังเดินไม่รีบไม่ร้อนอยู่นั้นก็คือหัวหน้าเซี่ย
หัวหน้าเซี่ยออกมาสาย ยังไม่รู้เรื่องอ๋องเป่ารื่อต้องการมอบดอกไม้ให้ซินโย่ว ยามนี้เห็นอ๋องเป่ารื่อ ก็นึกถึงข่าวลือเมื่อวานที่อ๋องเป่ารื่อมาเอาเรื่องซินโย่ว
วันนี้มาอีกแล้ว หรือว่าเป็นเรื่องจริง
ขณะหัวหน้าเซี่ยกำลังคิดอยู่นั้น อ๋องเป่ารื่อก็ก้าวเข้ามา “ข้าเป่ารื่อ ขอเรียนถามว่า ใต้เท้าเป็นหัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วนหรือ”
“ข้าน้อยหัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วน เซี่ยเฉิงอัน”
หากมาหาเรื่องซินไต้จ้าว เขาคงต้องเข้าวังสักครั้งแล้ว