สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 373 ยอมจากไปเอง
ตอนที่ 373 ยอมจากไปเอง
……….
ในตำหนักเฉียนชิงกงจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว โต๊ะตัวแรกตามธรรมเนียมจะจัดวางโต๊ะสองตัว ตัวหนึ่งคือตำแหน่งของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ อีกตัวหนึ่งก็คือของไทเฮา
ทางด้านซ้ายและขวาสองแถวจัดวางโต๊ะตัวเล็กเรียงกันไป สำหรับนั่งคนเดียว บ้างก็พระสนมกับพระโอรสธิดาที่เยาว์วัยนั่งร่วมกัน
พื้นที่ตรงกลางกว้างขวาง ปูลาดด้วยพรมขนยาวผืนหนา เพื่อให้นางรำขับร้องเต้นระบำ
ตำแหน่งที่นั่งของซินโย่วยังคงเหมือนงานเลี้ยงครั้งก่อน ถัดจากองค์หญิงเจาหยาง ตรงข้ามนางก็คือโต๊ะของซิ่วอ๋อง ที่แตกต่างก็คือท่าทีของทุกคน ครั้งก่อนทุกคนที่นั่งอยู่ร่วมกันตอนนี้ต่างก็มีสีหน้าตกใจและรู้สึกยากจะยอมรับได้ แต่ครั้งนี้ชินชาเสียแล้ว
ซินโย่วหลุบตาลงมองจานผลไม้สดที่วางอยู่บนโต๊ะ ในใจคิดว่าความเคยชินเป็นเรื่องน่ากลัว อย่าได้ปล่อยให้เคยชิน
“ฮ่องเต้เสด็จ ไทเฮาเสด็จ…”
เสียงทูลรายงานดังขึ้น ทุกคนต่างรีบลุกขึ้นถวายบังคม
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เสด็จมาพร้อมกับไทเฮา
“เสด็จแม่ ค่อยๆ นั่ง” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ประคองไทเฮาลงนั่ง
พระพลานามัยไทเฮาแข็งแรงมาก แต่ก็ยังรู้สึกดีพระทัยที่บุตรชายใส่ใจ พระพักตร์เผยรอยแย้มสรวลแล้วลงประทับ
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็ลงประทับ มุมพระโอษฐ์เผยรอยแย้มสรวลเล็กน้อย “ลุกขึ้นได้ วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว ไม่จำเป็นต้องมากพิธี”
ทุกคนต่างพากันกลับเข้าที่นั่ง
ยามนี้รอยแย้มสรวลไทเฮาก็แข็งค้างมองไปที่ซินโย่ว
นางเตรียมใจไว้แล้วว่าเด็กนั่นจะมาร่วมงานเลี้ยง แต่เหตุใดจึงนั่งติดกับเจาหยางได้
สีพระพักตร์ไทเฮาเคร่งเครียดทันที
นังเด็กควรตายที่ไม่ยอมรับวงศ์ตระกูลนี่ มาร่วมงานเลี้ยงในวังถึงกับนั่งแถวหน้าเช่นนี้ ใหญ่โตมาจากที่ใดกัน
ฮ่องเต้ซิงหยวนต้ารับรู้สีพระพักตร์ผิดปกติของไทเฮาได้ จึงตรัสเรียก “เสด็จแม่?”
ตอนมายังทรงดีอยู่แท้ๆ
ไทเฮาไม่เคยได้รับการอบรมธรรมเนียมมาแต่เล็ก พอได้เป็นไทเฮา ผู้คนยกย่อง ก็ยิ่งทำอันใดตามอำเภอใจ ยามนี้ที่นั่งของซินโย่วขัดพระเนตรนาง จึงทนไม่ไหวตรัสขึ้นทันที “ข้าตาไม่ค่อยดี ฮ่องเต้ช่วยดูหน่อย ผู้ที่นั่งถัดจากเจาหยางคือซินโย่วหรือ”
พอตรัสออกไปเช่นนี้ บรรยากาศก็เงียบกริบ ดูผิดปกติขึ้นมาทันที
บรรดาพระสนมนางในและองค์ชายองค์หญิงพากันมองไปทางซินโย่ว
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เองก็ทอดพระเนตรซินโย่วทีหนึ่ง ฟังออกว่าคำพูดไทเฮามีนัยเสียดสี รีบตรัสว่า “คืออาโย่ว ตอนอาโย่วอยู่นอกวังสนิทสนมกับเจาหยางมาก…”
ไทเฮาทรงทนฟังคำอธิบายเช่นนี้ไม่ได้ ตรัสเบาๆ ว่า “อาหลานสนิทสนมกันเป็นเรื่องดี แต่ทว่าธรรมเนียมไม่อาจละเลย”
“เสด็จแม่?”
ไทเฮาทรงวางแก้วชาลงบนโต๊ะ สีพระพักตร์บึ้งตึง “เสวียนเอ๋อร์ยังนั่งร่วมโต๊ะกับพระสนมลี่ผิน ซินโย่วกลับมีโต๊ะของตนเอง ล้ำหน้าองค์ชายหลายพระองค์ ที่นั่งรองถัดจากองค์ชายใหญ่เท่านั้น ฮ่องเต้คิดว่าเหมาะสมหรือ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มสรวลอธิบาย “ในบรรดาลูกๆ ผิงเอ๋อร์โตที่สุด จากนั้นก็คืออาโย่ว นั่งตามลำดับอายุ”
“ตามอายุ?” ไทเฮาขมวดพระขนง “ลำดับที่นั่งแต่ไรมานั่งตามยศศักดิ์ เหตุใดตามอายุได้ หรือว่าซินโย่ว ยศศักดิ์สูงกว่าองค์ชายองค์อื่นๆ”
“คือ——” แน่นอนว่าในพระทัยฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงคิดว่าซินโย่วนั่งเช่นนี้ไม่มีปัญหา แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจยอมรับออกมาว่านางยศสูงศักดิ์กว่าองค์ชาย
ยามความลำเอียงของฮ่องเต้ไม่ถูกกระตุกออกมา ทุกคนยังแสร้งทำเป็นไม่รู้ได้ แต่หากมีคนกระตุกขึ้นมา ก็อาจทำให้คนแอบโกรธแค้น วันหน้าก็จะเป็นภัยร้าย
เห็นฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสไม่ออก ไทเฮาก็ยิ่งได้พระทัย “ซินโย่วยังไม่ได้จารึกชื่อลงในรายนามราชวงศ์ อย่าว่าแต่เทียบกับองค์ชาย ตามหลักแล้วแม้แต่ร่วมงานเลี้ยงก็ยังไม่เหมาะ…”
วันเทศกาลเช่นนี้ ไทเฮาไม่ควรทำให้ผู้อื่นลำบากใจ แต่นางรู้ดีว่า ทันทีที่กลายเป็นความเคยชิน ก็ยากจะปรับเปลี่ยนแล้ว
เด็กสาวที่ยังไม่ได้จารึกชื่อในบันทึกรายนามราชวงศ์ จะพลิกประวัติศาสตร์หรือ จำต้องให้นางรู้สถานะตนเองตั้งแต่เริ่มต้น จึงจะทำให้นางรู้จักสงบเสงี่ยมได้
องค์หญิงเจาหยางทนฟังไม่ไหว ทูลขึ้นว่า “เสด็จแม่ เสด็จแม่ก็ทรงบอกแล้วว่านี่คืองานเลี้ยงครอบครัว ครอบครัวอยู่ร่วมกันมีธรรมเนียมมากมายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน…”
ในตอนนี้เอง ก็มีเสียงดังขึ้นเบาๆ เป็นเสียงขยับเก้าอี้
ทุกคนต่างกำลังกลั้นลมหายใจฟังบทสนาทนาระหว่างไทเฮากับองเต้ซิงหยวนตี้ แม้เสียงนี้ไม่ดังนัก แต่ก็ดังเข้าโสตประสาททุกคนชัดเจน
ทุกคนต่างมองไปทางต้นเสียง ความสนใจเปลี่ยนจากไทเฮามาทางซินโย่ว
เมื่อครู่ตอนไทเฮาเอ่ยถึงซินโย่ว ซินโย่วก็ยืนก้มหน้ารับฟังเงียบๆ ยามนี้นางเดินออกจากที่นั่งมายืนตรงกลาง ก่อนจะคุกเข่าลง
“อาโย่ว?” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตกพระทัย
เหตุใดจึงคุกเข่า จากความเข้าใจของเขาที่มีต่ออาโย่ว โต้เถียงกับเสด็จแม่จึงจะเป็นเรื่องปกติ
ซินโย่วลงคุกเข่าเช่นนี้ พระขนงไทเฮาก็กระตุกอย่างรู้สึกแปลกพระทัย สีพระพักตร์เคร่งเครียดผ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว
ดังคาด เด็กไร้การอบรมเติบโตนอกวัง จำเป็นต้องได้การเคาะให้รู้สึกตัวเสียบ้าง
สาวน้อยที่คุกเข่าอยู่บนพื้นยามนี้ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ขอบตาแดงก่ำ “ไทเฮาสั่งสอนได้ถูกต้อง หม่อมฉันไม่มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง ไม่ควรไร้ธรรมเนียมเพราะได้รับพระเมตตาจากฝ่าบาท หม่อมฉันทูลลา”
ทูลลา? ทูลลาหมายความว่าอย่างไร
แต่ไรมาทุกคนในวังต่างรับฟังไทเฮาสงบเสงี่ยม ซินโย่วพลันก้าวออกมาคุกเข่าก็เป็นเรื่องคาดไม่ถึงแล้ว ยังตั้งตัวไม่ทันว่านางกำลังเอ่ยอันใด
จากนั้นทุกคนต่างก็มองดูสาวน้อยที่คุกเข่าลงลุกขึ้น ออกจากพระที่นั่งไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากบรรยากาศชะงักงันไปครู่หนึ่ง ทุกคนต่างพากันมองไปยังฮ่องเต้ซิงหยวนตี้และไทเฮา
ตอนนี้หากทำเข็มตกในพระที่นั่งก็คงได้ยิน แม้แต่เสียงดนตรีบรรเลงก็ยังหยุดลง สภาพการณ์เงียบงันลงอย่างน่าประหลาด
ท่ามกลางสายตาหลายคู่ พระพักตร์ไทเฮาเขียวสลับแดง แดงสลับดำ ดำสลับขาว ราวกับทำจานสีตกหล่น สีสันน่าประหลาดยิ่ง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่มีประสบการณ์มาหลากหลายสถานการณ์ก็พลันลืมไปว่าควรตรัสอันใด
“นาง นางไปแล้ว?” ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ไทเฮาตั้งพระสติได้ก็ค่อยๆ ตรัสขึ้น
องค์หญิงเจาหยางตั้งสติได้ก่อน ได้ยินไทเฮาตรัสถามก็รีบทูลตอบว่า “อาโย่วไม่อยากให้ในวังละเมิดกฎธรรมเนียมเพราะนาง ช่างเป็นเด็กที่รู้ความจริงเพคะ”
ทุกคน “…”
พระพักตร์ไทเฮากระตุกเกร็งด้วยโทสะ
เดิมนางคิดเอาเรื่องตำแหน่งที่นั่ง หากเด็กนั่นต่อปากต่อคำก็จะได้ให้บุตรชายรู้สึกว่านางไม่ให้ความเคารพผู้อาวุโส หากสงบเสงี่ยมรับฟังคำของนางก็นับว่าไม่เลว เริ่มต้นตีกรอบไว้เช่นนี้ วันหน้าก็จะไม่ออกนอกกรอบ
คิดไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะคุกเข่ายอมรับว่าผิดธรรมเนียมแล้วก็จากไปเช่นนี้ พอเป็นเช่นนี้ กลับทำให้ผู้อาวุโสเช่นนางดูแล้งน้ำใจไปสักหน่อย
ผู้อื่นนางไม่คิดใส่ใจ แต่บุตรชายนางอยู่ด้วย
ไทเฮากริ้วจนมือสั่น ในพระทัยมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา เด็กนี่เหมือนกับมารดาไม่มีผิด!
คิดถึงสะใภ้นางที่ดูเหมือนเอาเรื่อง บางครั้งถึงกับยังโต้เถียงกับนางหลายคำ แต่กลับไม่เคยได้เปรียบนางมาก่อน
แต่นังเด็กควรตายนี่ ทำให้นางทำอันใดไม่ถูกอย่างง่ายดายเช่นนี้
ดังคาด สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไร้รอยแย้มสรวล ตรัสว่า “เริ่มงานเลี้ยงได้”
เป็นดังที่ไทเฮาทรงกังวล แต่ไรมาฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกตัญญู ได้แต่เก็บความไม่พระทัยเอาไว้เสมอ
เขารู้ว่าเสด็จแม่ไม่ชอบอาโย่ว แต่เขาเป็นคนแสดงเจตจำนงให้พระสนมเสวียนเฟยจัดลำดับที่นั่งเช่นนี้เอง หากไม่พอพระทัยก็ควรบอกกับเขาส่วนตัว ครั้งหน้าเปลี่ยนที่นั่งอาโย่วเพื่อทำให้เสด็จแม่สบายใจก็ใช่ว่าไม่ได้
เสด็จแม่ต้องการทำให้อาโย่วลำบากใจในงานเลี้ยงส่งท้ายปีเพื่ออันใดกัน
ในความคิดฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีภาพขอบตาแดงๆ ของสาวน้อยผุดขึ้นมา ในพระทัยก็ยิ่งรู้สึกย่ำแย่
ครอบครัวฉลองปีใหม่ครึกครื้น แต่อาโย่วกลับต้องอยู่คนเดียว…
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้วางตะเกียบเงินลงบนโต๊ะ
……….