สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 372 คืนวันสิ้นปีอีกแล้ว
ตอนที่ 372 คืนวันสิ้นปีอีกแล้ว
……….
ซินโย่วเห็นว่าเป็นหัวหน้าเซี่ยก็รีบคำนับ “หัวหน้าเซี่ย”
สำหรับหัวหน้าสำนักฮั่นหลินย่วน นางรู้สึกให้ความเคารพมาก
หัวหน้าเซี่ยยิ้มเอ่ยว่า “ซินไต้จ้าว ข้าอยากทำความเข้าใจรายละเอียดนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่สักหน่อย น้องเขยข้าเป็นคนหยาบกระด้าง เกรงว่าไม่เข้าใจผลสำเร็จที่จะเกิดจากนักเล่าเรื่อง”
ซินโย่วตามหัวหน้าเซี่ยกลับสำนักฮั่นหลินย่วน เล่าประเด็นหลักในการประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่อย่างละเอียด สุดท้ายกล่าวว่า “ข้าน้อยมีคนผู้หนึ่ง นักแสดงต้องแสดงอย่างไร นักเล่าเรื่องให้ความร่วมมืออย่างไร เขาจัดการตามความคิดของข้าน้อยได้ดีมาก หากหย่งอันป๋อต้องการ ก็ให้เขาตามนักเล่าเรื่องและนักแสดงขึ้นเหนือได้”
คนผู้นี้ก็คือโจรภูเขา ‘เจ้าแปด’
เจ้าแปดฝีมือต่อสู้ธรรมดา ความกล้าไม่มาก แต่เรื่องการสื่อสารถือว่าชำนาญการมาก จึงคิดมอบหน้าที่ให้เขาไปจัดการนักเล่าเรื่องกับนักแสดงครั้งนี้
“เช่นนั้นได้ย่อมดีอย่างแน่นอน ข้าขอขอบคุณแทนหย่งอันป๋อ”
“ใต้เท้าเซี่ยเกรงใจไปแล้ว”
พอกลับถึงจวนตระกูลซิน บอกเรื่องนี้กับเจ้าแปดแล้ว เจ้าแปดก็นิ่งอึ้งไปเป็นนานอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านจะให้ข้าน้อยนำขบวนนักเล่าเรื่องขึ้นเหนือหรือ”
ซินโย่ว “……” ก็มิใช่ว่านำขบวนอันใด
“ทางเหนือหนาวเหน็บ หากเจ้าไม่อยากไป ก็——”
เจ้าแปดรีบขัดซินโย่วขึ้นทันที “ข้าน้อยยินดีขอรับ ข้าน้อยยินดีอย่างยิ่ง!”
เขามีชาติกำเนิดจากโจรภูเขา ได้นำขบวนขึ้นเหนือไปทำงานให้ฮ่องเต้ได้ นับว่าเป็นคนของราชสำนัก นี่คือเกียรติยศที่แม้ฝันยังมิกล้า!
“คุณหนู ออกเดินทางเมื่อใดหรือขอรับ”
“ค่อนข้างด่วน อีกสองวันก็เดินทางได้” ซินโย่วยิ้มเอ่ย
เจ้าแปดเต็มใจดังที่ซินโย่วคาด แต่นางก็มีเตรียมไว้แล้วว่า หากเจ้าแปดไม่อยากไปทางเหนือ ยังเปลี่ยนคนได้
“อีกสองวัน?” เจ้าแปดนิ่งอึ้งไปทันทีก่อนตบศีรษะตนเอง “คุณหนู วันนี้ในจวนเรามีเรื่องอันใดอีกหรือไม่”
“ทำไมหรือ”
“หากไม่มีอันใด ข้าน้อยอยากไปโรงนาอูอวิ๋นสักหน่อยขอรับ” เจ้าแปดแววตาส่องประกาย พยายามระงับท่าทีให้สงบนิ่ง “จะต้องไปกล่าวคำอำลากับพวกพี่หกก่อน”
จะรีบไปอวดต่อหน้าพี่หก รอไม่ได้แม้แต่เค่อ[1]เดียว!
“ควรไปเอ่ยคำอำลา ไปเถอะ”
เจ้าแปดรับคำสีหน้าเบิกบาน ก้าวออกไปทันที ปากยังฮัมเพลงเบาๆ
“พี่เสี่ยวเหลียน!”
เสี่ยวเหลียนยกสุราข้าวหวานที่ต้มแล้วเข้ามา ถูกเสียงตะโกนของเจ้าแปดทำเอาตกใจสะดุ้ง
“ส่งเสียงดังเช่นนั้นทำไมกันน่ะ” เสี่ยวเหลียนค้อนใส่เจ้าแปดทีหนึ่ง พอเข้าไปในห้องวางสุราข้าวหวานลงบนโต๊ะแล้วก็เอ่ยอย่างงุนงง “ไม่รู้เจ้าแปดเสียสติอันใด เดินเหมือนวานรกระโดดไปมา”
เอ่ยถึงวานร เสี่ยวเหลียนพลันนึกขึ้นได้ “คุณหนู ท่านยังจำเจ้าวานรเขาเชียนอิงตัวนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ”
“แน่นอน”
เสี่ยวเหลียนถอนหายใจ “ก็ไม่รู้ว่าเจ้าวานรเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
นางมักคิดว่าเจ้าวานรนั่นมีวาสนากับนาง น่าเสียดายที่คุณหนูไม่เลี้ยงไว้
ซินโย่วเดินทางท่องเที่ยวไปทั่ว ปล่อยวางวาสนาที่พบพานเพียงชั่วครู่ได้มากกว่าเสี่ยวเหลียน ได้ยินก็ยิ้มเอ่ยว่า “ได้กลับไปอยู่ที่เหมาะกับมัน ย่อมมีชีวิตที่ไม่เลว”
สองนายบ่าวทางนี้คุยเรื่องสัพเพเหระ เจ้าแปดขี่ม้าทะยานไปถึงโรงนาอูอวิ๋น
ยามนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หัวหน้าหกได้ยินว่าเจ้าแปดมาแล้ว ในใจกระตุกวาบ คงมิได้เกิดเรื่องอันใดกระมัง
พอเห็นเจ้าแปดเข้ามาด้วยสีหน้ายินดีเริงร่า หัวหน้าหกจึงได้คลายความกังวลลง
“เจ้าแปด เหตุใดมายามนี้”
“มาเยี่ยมพี่หก!” เจ้าแปดยิ้มไม่หุบ “อีกสองวันก็จะเดินทางแล้ว ไม่รู้ไปนานเท่าไรจึงจะได้กลับมา”
“เดินทาง” หัวหน้าหกตบไหล่เจ้าแปด “ใกล้ปีใหม่แล้ว ไปไหนกัน”
“พี่หกได้ยินเรื่องนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ไหม นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ผลักดันอยู่ทางใต้ราบรื่นดี นักเล่าเรื่องที่คุณหนูรับไว้พวกนั้นสร้างความดีความชอบ ฝ่าบาทจะให้นักเล่าเรื่องพวกนี้ขึ้นเหนือไปประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ทำงานรับใช้ราชสำนัก”
หัวหน้าหกหรี่ตา “เจ้าไปด้วย?”
“ใช่ ตอนแรกคุณหนูไม่ได้มอบให้ข้าทำงานจัดการงานนักเล่าเรื่องเหล่านั้น แต่ครั้งนี้ให้ข้าพาพวกเขาไป…”
เจ้าแปดเล่าอย่างฮึกเหิม หัวหน้าหกสีหน้ามีรอยยิ้ม เข้าใจจุดประสงค์ที่เจ้าหมอนี่มาแล้ว เห็นชัดว่ามาโอ้อวด!
ปฏิกิริยาแรกของหัวหน้าหกก็คือโมโห แต่ต่อมาก็คืออิจฉา
“เจ้าแปด เจ้ามีอนาคตแล้ว!”
หัวหน้าหกตบบ่าเจ้าแปดเต็มแรง ทำเอาเจ้าแปดเซไป
พอเขายืนนิ่ง หัวไหล่ก็ถูกฟาดแรงอีกที “เป็นหน้าเป็นตาให้โรงนาอูอวิ๋นเราแล้ว!”
วันต่อมาหัวหน้าหกเข้าเมืองกับเจ้าแปด
พอรอพบกับซินโย่ว แล้วก็ขอโอกาสคุยส่วนตัว หัวหน้าหกเหลือบมองเสี่ยวเหลียนข้างๆ
เสี่ยวเหลียนเบ้ปาก
เจ้าหมอนี่ลับๆ ล่อๆ คิดไล่นางไป อยากอยู่กับคุณหนูส่วนตัวหรือ
ซินโย่วพยักหน้าให้เสี่ยวเหลียน
เสี่ยวเหลียนเหลือบมองหัวหน้าหกทีหนึ่งก่อนจะหันหลังออกไป
“คุณหนู ท่านอย่าได้ลำเอียง!” หัวหน้าหกรอเสี่ยวเหลียนไปแล้วก็คร่ำครวญขึ้นมาทันที
เขารู้สึกอัดอั้นน้อยเนื้อต่ำใจจริงๆ
แม้อยู่โรงนาอูอวิ๋นมีชีวิตสุขสบาย แต่สำหรับผู้ชายคนหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าการได้สร้างเส้นทางแห่งเกียรติยศนั้นสะใจยิ่งกว่า เดิมเจ้าแปดเป็นน้องเขา แต่วันหน้าเขาจะได้เป็นขุนนางครึ่งตัวแล้ว ส่วนเขาเพาะปลูกอยู่แต่ในโรงนา จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด
“พี่หกคิดมาเอ่ยด้วยตนเองถือเป็นเรื่องดี วันหน้าย่อมมีโอกาส”
“จริงหรือ” แววตาหัวหน้าหกสว่างวาบ นึกได้ว่าซินโย่วไม่ใช่พี่น้องตน จึงรีบกล่าวขอบคุณ “เช่นนั้นข้าน้อยก็รอคำสั่งจากคุณหนู รับรองจะไม่ทำให้คุณหนูเสียหน้าขอรับ”
หัวหน้าหกมาแสดงท่าทีเช่นนี้ ทำให้ความคิดที่จะส่งคนออกทะเลของซินโย่วยิ่งลุกโชนขึ้น แต่นางรู้ดีว่าตอนนี้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เพิ่งเริ่มต้น หากกระทำการกระทบกระเทือนใจคนพวกนั้นอีก ไม่ใช่เรื่องฉลาด เรื่องนี้ยังไม่รีบร้อนในตอนนี้
จากนั้นเจ้าแปดก็นำกลุ่มนักเล่าเรื่องและนักแสดงมากล่าวอำลาซินโย่ว มีทหารกลุ่มหนึ่งอารักขาส่งขึ้นเหนือ
ผ่านไปสองสามวัน ก็ถึงวันสิ้นปีแล้ว
รถม้าจวนองค์หญิงใหญ่เจาหยางมารับซินโย่วไปจวนองค์หญิงใหญ่ก่อน ก่อนจะเข้าวังไปร่วมงานเลี้ยงพร้อมกัน
องค์หญิงเจาหยางไม่ได้พบซินโย่วมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ตั้งใจมองเป็นพิเศษ ยิ้มเอ่ยว่า “ยังดี ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยจนผ่ายผอม”
ซินโย่วเองก็ยิ้ม “มี้เสด็จอาคอยช่วยเหลือ ไม่เหนื่อยเพคะ”
นางกล่าวเช่นนี้เพราะมีสาเหตุ
การผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เดิมก็มีแรงขัดขวางมาก หากมีคนวิ่งไปทูลไทเฮา ไทเฮาย่อมส่งผลกระทบต่อฮ่องเต้ ก็จะเป็นเรื่องยุ่งยากเพิ่มเติมเข้ามาอีก
ภารกิจองค์หญิงเจาหยางก็คือเข้าออกวังหลวงไปเป็นเพื่อนไทเฮา สกัดคนที่คิดอาศัยเส้นทางไทเฮา
“อาโย่ว รอปีหน้าเปิดคลังรับภาษี พื้นที่ทดลองดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จะได้เงินภาษีมากยิ่งขึ้นจริงหรือ”
ซินโย่วน้ำเสียงยืนยัน “ขอเพียงดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ก็จะได้อย่างแน่นอนเพคะ”
“เช่นนั้นอาก็วางใจ” องค์หญิงเจาหยางเป็นห่วงว่าผลจากนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่จะไม่ดี ส่งผลต่อหลานสาว ได้ยินซินโย่วเอ่ยเช่นนี้ก็เบาใจ “หากทางเหนือยังไม่ได้ความอีก ก็ให้พี่ชายเจ้าไปลองดู เขาจะได้ไม่ต้องวันๆ เอาแต่ซ่อมแซมของไร้สาระ……”
ขณะคุยกันก็เข้าประตูวังมา ตลอดทางไปตำหนักเฉียนชิงกงได้พบกับบรรดาพระสนมไม่น้อย
องค์ชายสามเห็นซินโย่วก็รีบก้าวเข้ามาถวายคำนับองค์หญิงเจาหยางก่อน “ถวายบังคมเสด็จอา” จากนั้นแววตาทั้งสองก็จับจ้องแต่ใบหน้าของซินโย่ว “พี่หญิงซิน!”
“องค์ชายสาม”
องค์ชายสามตื่นเต้นเล็กน้อย “พี่หญิงซิน ได้ยินว่านำ ‘บันทึกตะวันตก’ มาเล่นเป็นละครแล้วหรือ”
พระสนมเสวียนเฟยเดินเข้ามาจ้องใส่บุตรชายอย่างจนใจทีหนึ่ง เอ่ยทักทายองค์หญิงเจาหยางกับซิน โย่วก่อนเดินไปตำหนักเฉียนชิงกง
[1] หน่วยเวลาของจีน ประมาณสิบห้านาที
……….