สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 371 ความแตกต่างเหนือใต้
ตอนที่ 371 ความแตกต่างเหนือใต้
……….
พวกเสนาบดีกรมพิธีการฟังเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ต่างลอบยินดี
การผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เดิมก็เป็นกระดูกที่กินยาก โดยเฉพาะทางใต้ ไม่คิดว่าเฮ่อชิงเซียวทำงานได้ยอดเยี่ยมกว่า ลงมือฟันฉับไม่ลังเล ยังมีละครทำให้ราษฎรยืนอยู่ข้างนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ถึงกับผลักดันไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรค
พวกเสนาบดีกรมพิธีการนึกถึงขึ้นมา ในใจคล้ายดังโลหิตหยด บ้านเกิดพวกเขาล้วนอยู่ทางใต้ ผู้ใดไม่มีที่นาจำนวนมากประมาณมิได้ ทันทีที่ใช้นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก็จะเสียหายหนักมาก
ยังดีที่ทางเหนือประสบอุปสรรคมาก ยังผลักดันไม่สำเร็จ
แม้ว่านโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางเหนือไม่ราบรื่น แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงการเสียผลประโยชน์ของพวกเขาได้ แต่ทว่าไม่ราบรื่นก็เป็นเรื่องดีมาก
พวกเสนาบดีกรมพิธีการรับรู้ได้ว่า เส้นทางต่อสู้ของนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ยังอีกยาวไกล หากระหว่างการผลักดันประสบความยากลำบาก อีกสองสามปีความคิดผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ของฮ่องเต้อาจจางลง หรืออาจเปลี่ยนผู้ปกครองแผ่นดินใหม่ก็เป็นได้
ถึงตอนนั้น ก้อนเนื้ออวบอิ่มที่พวกเขาคายออกมาก็จะได้กลืนกลับไปอีกครั้ง
สรุปว่านโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางเหนือผลักดันไม่ราบรื่นถือเป็นข่าวดีของพวกเขา
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้รู้ดีว่าขุนนางใหญ่เหล่านี้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งคัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ แต่ทว่าเรื่องใหญ่ของแผ่นดินจำเป็นต้องเรียกประชุมขุนนางแต่ละหน่วยงานเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ
“ทางเหนือ ชาวบ้านมากมายรวมตัวกันคัดค้าน ทำให้นโยบายประสบอุปสรรค ขุนนางทุกท่านมีความเห็นอย่างไร”
เสนาบดีกรมทหารก้าวออกมา “กระหม่อมคิดว่า กระแสนี้ไม่อาจปล่อยให้ยาวนาน ควรลงโทษผู้ก่อการจลาจล”
เสนาบดีกรมพิธีการคัดค้านทันที “เสนาหม่าไม่ได้ยินหรือ คนพวกนี้เป็นชาวบ้านธรรมดาสามัญ หากใช้กำลังปราบปราม ใช่ว่าทำให้ชาวบ้านปักใจว่าราชสำนักใช้ความรุนแรงปกครองหรือ จะทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เหลือบพระเนตรมองเสนาบดีกรมพิธีการทีหนึ่ง
ในบรรดาเสนาบดีหกกรม ตาเฒ่านี่คัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ที่สุด แต่วันนี้พูดจาได้ไม่เลว การใช้กำลังปราบปรามราษฎร ราษฎรจะต้องลือกันไปว่าเขาเป็นฮ่องเต้โหดเหี้ยม
ควรรู้ว่าห้ามปากราษฎรดังห้ามสายน้ำไหลเชี่ยว โดยเฉพาะสถานที่ห่างไกลจากฮ่องเต้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เป็นปฐมฮ่องเต้ ไม่สนใจธรรมเนียมมากนัก และไม่หวั่นเกรงสงคราม แต่ทว่าคนที่ขึ้นมานั่งตำแหน่งนี้ ผู้ใดอยากให้ตนเองมีชื่อเสียงโหดเหี้ยมและโดนด่าทอไปร้อยปีกัน
หากว่าเพื่อให้ราษฎรนับแสนล้านมีชีวิตที่ดี ไม่เสียดายชื่อเสียง ขออภัย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้คิดตกได้เช่นนี้
ในการรับรู้ของเขา ราชวงศ์ต้าซย่าเป็นของเขา เขาเป็นผู้ปกครองราชวงศ์ต้าซย่า อยากให้ราษฎรมีชีวิตที่ดีสักหน่อย คลังหลวงมีเงินทองมากอีกสักหน่อย แผ่นดินยืนยาวอีกสักหน่อย แต่ชื่อเสียงของเขาก็สำคัญมาก!
เสนาบดีกรมคลังลอบมองสีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ก่อนก้าวออกมา “กระหม่อมเองก็คิดว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะ ทางใต้มีโจรสลัด ทางเหนือมีชนเผ่าป่าเถื่อน งบการทหารทุกปีมักเกินที่กำหนด หากเอะอะก็ยกกำลังทหารไปปราบ ท้องพระคลังจะรับภาระหนักเกินไปพ่ะย่ะค่ะ!”
กล่าวอันใดว่านโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่เพิ่มภาษี ตอนนี้ยังไม่เห็นเค้าลาง ก็ต้องเสียเงินอีกแล้วหรือ
“หากไม่ใช้กำลังปราบปราม ทุกท่านมีวิธีการดีอันใด” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถาม
“กระหม่อมคิดว่าควรทำให้ราษฎรสงบลงก่อน อย่าได้รีบร้อนดำเนินนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่มากเกินไป วางแผนทีละขั้นให้เหมาะสมก่อน” เสนาบดีกรมโยธากราบทูล
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทอดพระเนตรขุนนางใหญ่ที่ออกมาสนับสนุนให้ผ่อนผันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ออกไปก่อน สีพระพักตร์นิ่งสงบมองไม่ออกว่าทรงอยู่ในอารมณ์ใด
ยามนี้ซินโย่วก้าวออกมา “หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลเพคะ”
พวกเสนาบดีกรมพิธีการพากันเหล่มองนาง ในใจต่างคิดว่าเจ้าขุนนางตัวเล็กกระจิริดนี่ เหตุใดจึงพูดมากเช่นนี้
อ้อ คนเขาเป็นบุตรีฮ่องเต้ เช่นนั้นก็พูดได้
มุมพระโอษฐ์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้แย้มยกไม่รู้ตัว แสดงท่าทีอนุญาตให้ซินโย่วพูดต่อ
“แรกสุดนั้นฝ่าบาททรงห่วงใยราษฎร เลือกพื้นที่เหนือใต้ทดลองนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก่อน นโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางใต้ผลักดันราบรื่น รอถึงปีหน้าก็ดำเนินการเก็บภาษีตามนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ได้ ทางเหนือไม่ราบรื่น บางทีอาจศึกษาแลกเปลี่ยนกันดู หยิบยืมวิธีการกันได้บ้าง”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดพยักพระพักตร์ไม่ได้
หัวหน้าเซี่ยก้าวออกมา “ฝ่าบาท ราษฎรทางเหนือรวมตัวคัดค้านนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ก็เพราะเข้าใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ผิด กระหม่อมคิดว่าหากซินไต้จ้าวเปิดการแสดงละครตามเมืองต่างๆ ให้ราษฎรได้เข้าใจนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ ย่อมได้ผลเด่นชัด ขอให้ซินไต้จ้าวดำเนินการเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
หัวหน้าเซี่ยกราบทูลเช่นนี้ ในใจพวกเสนาบดีกรมพิธีการก็พากันด่าทอชุดใหญ่ ถึงกับเสนอให้ซินโย่วไปประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ เจ้าสุนัขเฒ่าคิดเอาพวกเขาให้ถึงที่ตายหรือ!
ข้อเสนอของหัวหน้าเซี่ยทำให้สีพระพักตร์ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้อดเผยรอยแย้มสรวลมิได้
ก็มิใช่อื่นใด เช่นนี้มิใช่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับความสามารถของอาโย่วหรือ บุตรสาวเป็นที่ยอมรับ ผู้ใดเป็นบิดาแล้วจะไม่ดีใจกัน
แต่ทว่าดีพระทัยก็ส่วนดีพระทัย ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้มีความคิดให้ซินโย่วเดินทางขึ้นเหนือไปประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ด้วยตนเอง
ในฤดูนี้ เมืองหลวงน้ำหยดยังแข็งเป็นน้ำแข็ง นับประสาอันใดกับการขึ้นเหนือไปอีก อาโย่วเป็นสาวน้อยจะทนรับความหนาวได้อย่างไร ไม่เพียงแต่ไปรับทุกข์ หากไม่ระวังให้ดียังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
เกรงว่าซินโย่วจะรับปาก ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงกระแอมไอเบาๆ สีพระพักตร์ฉายแววสงสัย “เรากำลังจะบอกว่า ทางใต้ดำเนินการผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ราบรื่น อีกไม่นานก็จะประกาศได้แล้ว หย่งอันป๋อขึ้นเหนือไม่ได้สั่งการให้คนจัดการเรื่องนี้หรือ”
ความจริงเรื่องนี้เป็นความประสงค์ที่สูงไปสักหน่อยของฮ่องเต้ซิงหยวนตี้
ไม่มีผู้ใดปฏิเสธพละกำลังของกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ทว่าคนส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็มิได้รับรู้ฉับไว รอตั้งสติได้ว่าไม่ถูกต้อง มักจะพลาดโอกาสไปแล้ว
“หย่งอันป๋อเป็นขุนพล ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้” หัวหน้าเซี่ยคล้ายกล่าวลดทอนความสามารถหย่งอันป๋อ แต่ความจริงกำลังแก้ตัวแทน
หัวหน้าเซี่ยเองก็มารู้ภายหลังว่าซินโย่วส่งกลุ่มคนจำนวนหนึ่งให้ฉางเล่อโหว ดังนั้นจึงได้นึกถึงวันเลิกประชุมท้องพระโรงซินโย่ววันนั้นที่นางเชิญเฮ่อชิงเซียวกับหย่งอันป๋อดื่มน้ำชา
ดูท่าการดื่มน้ำชาครั้งนั้นก็เพื่อมอบนักเล่าเรื่องให้!
หัวหน้าเซี่ยเขียนจดหมายไปบอกหย่งอันป๋อเรื่องนี้ คำตอบของหย่งอันป๋อก็คือไม่สนใจอันใด เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมากต่อ
“ตอนนี้เด็กสามขวบเมืองหลวงก็พูดถึงข้อดีของนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ได้ ต้องขอบคุณนักเล่าเรื่องเหล่านี้ การผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ทางเหนือประสบอุปสรรค ก็ควรส่งนักเล่าเรื่องเหล่านี้ขึ้นเหนือ ซินไต้จ้าวคิดว่าอย่างไร” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตรัสถามซินโย่วสุรเสียงอ่อนโยน
ซินโย่วรับรู้ได้ก่อนหน้านี้แล้วว่าฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มีท่าทีไม่ยินดีให้นางขึ้นเหนือด้วยตนเอง นางก็ไม่ได้คิดดึงดันในเรื่องนี้ จึงทูลทันทีว่า “ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งแล้ว”
ยามนี้ซิ่วอ๋องก้าวออกมา “เสด็จพ่อ กระหม่อมยินดีนำนักเล่าเรื่องขึ้นเหนือเพื่อช่วยผลักดันนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่อีกแรงพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้เหลือบพระเนตรมองซิ่วอ๋องทีหนึ่ง ตรัสพระสุรเสียงเรียบเฉยว่า “ใกล้ปีใหม่แล้ว อยู่แต่ในเมืองหลวงดีกว่า”
ถูกฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ปฏิเสธ ซิ่วอ๋องหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนก้มศีรษะรับคำถอยกลับเข้าแถว
“เลิกประชุมได้ ซินไต้จ้าวอยู่ก่อน”
พอบรรดาขุนนางออกไปแล้ว ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ก็ตรัสถาม “อาโย่ว นักเล่าเรื่องกับนักแสดงละครพวกนั้น เจ้ามอบให้แค่ฉางเล่อโหว?”
ประกาศนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ใช้รูปแบบการแสดงละคร ‘บันทึกตะวันตก’ ในการนี้ผู้ที่ทำหน้าที่อธิบายนโยบายการบริหารแผ่นดินแบบใหม่ก็คือนักเล่าเรื่อง นักเล่าเรื่องเหล่านี้คือกุญแจสำคัญ ผู้ที่แสดงเป็นซุนหงอคงกับอาจารย์และศิษย์อื่นๆ เป็นนักแสดงละครปกติ ต้องการเท่าไรก็ได้
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ตั้งใจตรัสถาม แน่นอนไม่เพียงนึกอยากรู้ แต่ยังรู้สึกกังวล
น่าหงุดหงิด คล้ายพบหลักฐานว่าอาโย่วใส่ใจเจ้าหมอนั่น!
ซินโย่วนิ่งมองฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ลุ่มลึกทีหนึ่ง อธิบายอย่างเปิดเผยว่า “ไม่ใช่เพคะ วันนั้นหม่อมฉันเชิญฉางเล่อโหวกับหย่งอันป๋อดื่มน้ำชา คิดมอบกลุ่มนักเล่าเรื่องให้พวกเขา น่าเสียดายหย่งอันป๋อปฏิเสธคำเชิญเพราะภารกิจมาก จึงมอบให้ไม่สำเร็จ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้สบายพระทัย กำชับว่า “ห้ามไม่มางานเลี้ยงคืนส่งท้ายปีนะ”
ซินโย่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก็หลุบตาลงเล็กน้อย “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
พอนางออกจากประตูตำหนักนาน หัวหน้าเซี่ยที่รออยู่ก็ถูมือเดินเข้ามา