“ไปกันใหญ่แล้วเจ้าค่ะ บ่าวไม่ได้มองเพราะคิดอย่างนั้นเลยนะเจ้าคะ บ่าวแค่ชื่นชมในตัวนายท่าน นายท่านเขียนอักษรได้งดงามมากก็เท่านั้น” เหม่ยหวารีบแก้ตัวทันควัน เรื่องแบบนั้นไม่เคยอยู่ในหัวนางเลย
“แน่นะ”
“เจ้าค่ะ แน่เสียยิ่งกว่าแน่”
“แล้วไป ว่าแต่…หูเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ ยังดีที่นายท่านเมตตา ไม่ยิงมาที่กลางอกบ่าว”
“คราวหลังก็อย่ามากวนใจข้าอีก สั่งให้ทำอะไรก็ทำ เจ้าเป็นบ่าวไม่ใช่แม่ของข้า เข้าใจไหม”
“เข้าใจเจ้าค่ะ” นางยิ้มรับอย่างเข้าใจ
แต่มีหรือที่คนอย่างจื่อถงจะไว้ใจกับรอยยิ้มอันใสซื่อนั้น เขารู้ว่าสาวใช้นางนี้ดื้อด้านมากแค่ไหน ไม่มีทางจะเชื่อฟังเขาได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น
“คนอย่างเจ้ากลัวอะไรเป็นไหมล่ะ”
“นายท่านหมายถึงกลัวอะไรเจ้าคะ”
“ก็สิ่งที่เจ้าเกลียดหรือกลัวอย่างใดเล่า มีบ้างไหม”
“ไม่มีเจ้าค่ะ ตั้งแต่เกิดมาบ่าวไม่เคยกลัวอะไรเลย” นางยิ้มรับหน้าตาชื่นมื่น ใครจะไปบอกเพราะอีกฝ่ายต้องการเล่นงานนางอยู่ตลอดเวลา บอกไปก็โง่แล้ว
“ข้าไม่เชื่อ คนเรามันต้องมีเรื่องกลัวบ้างสิ”
“แล้วนายท่านกลัวอะไรบ้างเจ้าคะ บ่าวอยากรู้เหลือเกิน”
“ข้ากลัว…” กำลังจะบอกไปแต่ก็นึกขึ้นได้ ว่าตอนนี้ตนเองกำลังหลงกลเข้าให้แล้ว ยังดีที่ยั้งปากไว้ได้ทันเวลา หรี่ตามองดูสีหน้าอันตั้งใจของสาวใช้อย่างระแวดระวัง “ข้าไม่เคยกลัวอะไรเลยเหมือนกัน” ท่านแม่ทัพตอบอย่างอาจหาญ
“บ่าวก็คิดว่าอย่างนั้นเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่างนายท่าน คงไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้กลัวได้หรอก”
“ข้าเสียเวลากับเจ้ามากพอแล้ว นั่งเงียบ ๆ ข้าจะทำงานต่อแล้ว”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
จื่อถงส่ายศีรษะให้กับความพลาดพลั้งของตนเอง เขาตั้งใจจะมาหาจุดอ่อนของนาง แต่กลับต้องมาเสียเวลาโดยไม่ได้อะไรเลย แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรเพื่อไล่นางออกไปให้พ้นได้นะ
หลังจากนั้นท่านแม่ทัพหยางก็ก้มหน้าตั้งใจตวัดปลายพู่กันลงบนกระดาษแผ่นใหม่ โดยแผ่นเก่านั้นได้ขยำแล้วปาไปที่ใบหน้าของสาวใช้ เหม่ยหวารีบหยิบมันขึ้นมาแล้วคลี่ออกให้เป็นแผ่นอีกครั้ง กวาดสายตามองลายเส้นที่นายท่านรังสรรค์ขึ้นมา แม้จะอ่านไม่ออกแต่ก็รู้ว่ามันช่างงดงามเหลือเกิน นางมีความฝันว่าอยากจะอ่านออกเขียนได้ แต่มันคงจะเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น
จื่อถงใช้เวลาสักพักก็เขียนจดหมายแผ่นใหม่เสร็จเรียบร้อย ภายในห้องเงียบงันราวกับมีเพียงเขาอยู่คนเดียว จนลืมไปว่ายังมีอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล พอนึกขึ้นได้ก็กวาดสายตามองหา จนพบว่านางได้นอนฟุบหน้าอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสืออีกตัวหนึ่ง เขายกยิ้มมุมปากเมื่อนึกเรื่องสนุกขึ้นมาได้
ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปสองสามก้าวจนถึงโต๊ะที่เหม่ยหวานั่งหลับอยู่ ในมือเขานั้นมีพู่กันที่จุ่มน้ำหมึกจนเปียกหมาด ๆ เมื่อเห็นความไร้เดียงสาของนางในยามหลับ ช่างดูไร้พิษสงและเป็นเพียงเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่งเท่านั้น
“ในยามเจ้าหลับช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักเสียจริง” จื่อถงเอ่ยเบา ๆ แล้วหย่อนก้นลงข้าง ๆ ส่งสายตาจ้องมองแก้มขาวเนียนน่าสัมผัสอย่างตั้งใจ ริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ทำให้ท่านแม่ทัพรู้สึกร้อนวูบวาบตามใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนางขยับริมฝีปากยิ่งทำให้เขารู้สึกคอแห้งจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะเบนหน้าหนีเพื่อสลัดความรู้สึกแปลก ๆ พวกนี้ออกจากหัว
“ผู้ชายบ้าอะไรจะเย็นชาขนาดนี้ นึกเหรอว่าข้าจะยอมแพ้ ข้าไม่มีทางหลงกลท่านหรอก” จู่ ๆ เหม่ยหวาก็ส่งเสียงออกมา ทำเอาจื่อถงแทบจะลุกขึ้นไม่ทัน แต่พอรู้ว่านางละเมอก็นั่งลงเช่นเดิม ยกยิ้มมุมปาก ยื่นปลายพู่กันลงไปตวัดบนใบหน้านางอย่างรู้สึกสนุก ยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ทำอะไรที่ไร้สาระอย่างนี้ ปกติแล้วคนอย่างจื่อถงต้องมีสาระตลอดเวลา
เมื่อรู้สึกตัวแล้วเหม่ยหวาก็งัวเงียลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจพลางกวาดสายตามองไปรอบห้องแต่ก็ไม่พบนายท่าน นางลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องทำงาน จนพบว่าท่านแม่ทัพกำลังนอนงีบอยู่บนเตียงนั่นเอง นางถอนหายใจอย่างโล่งอก เดินตรงเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง
“บ่าวจะทำอย่างไรกับนายท่านดีนะ คิดหรือว่าจะยอมเจ็บตัวฟรี ๆ”
เมื่อคิดแผนร้ายได้แล้ว เหม่ยหวาก็เดินไปหยิบพู่กันของนายท่านติดมือออกมาจากห้องทำงาน นางเดินยิ้มอย่างผู้มีชัยตรงมายังเตียงนอนของชายหนุ่ม จากนั้นลงมือแต้มหมึกสีดำลงไปบนแก้มของนายท่านอย่างสนุกมือ ปากก็ยกยิ้มตลอดเวลา
หลังจากได้แกล้งนายท่านสมใจอยากแล้ว เหม่ยหวาก็นั่งรอเวลาที่เขาตื่น เห็นภาพที่ถูกวาดบนแก้มฝ่ายชายทีไรก็อดขำไม่ได้ เอาแต่อมยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่นานนักคนที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัว
“นายท่านตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” ขณะที่พูดใบหน้าของนางยังคงมีรอยยิ้มประดับอยู่
“เจ้ายิ้มอะไร” คนที่เพิ่งจะตื่นขมวดคิ้วเป็นปม เมื่อเห็นตัวอักษรที่ตนเขียนไว้บนแก้มขาวนั่นก็พยายามกลั้นขำเอาไว้ ยังคงตีสีหน้าเมินเฉยเช่นเคย
“เปล่านะเจ้าคะ บ่าวแค่มีความสุข”
“ข้าก็มีความสุขเช่นกัน”
ว่าแล้วก็ลงจากเตียงนอน เดินเอามือไขว้หลังออกไปยังด้านนอก เมื่อลับตาสาวใช้แล้วก็ฉายรอยยิ้มออกมา เขาไม่เคยยิ้มอย่างนี้นานเท่าไหร่แล้วนะ เจ้าตัวคิดในใจพลางเดินตรงไปยังศาลาริมสระน้ำ ยืนทอดสายตามองไปยังสระบัว ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเป็นจำนวนมาก
เหม่ยหวารีบตามหลังมาติด ๆ จนตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังฝ่ายชาย นางนึกสงสัยว่าเหตุใดนายท่านจึงได้บอกว่ามีความสุข ความสุขของนายท่านคืออะไรกันแน่ นางอยากรู้ซะเต็มประดา
“นายท่านเจ้าคะ”
“ว่าไง”
“นายท่านบอกว่ามีความสุข บ่าวอยากรู้จังว่าอะไรที่ทำให้นายท่านมีความสุขเจ้าคะ”
“แล้วความสุขของเจ้าคืออะไร บอกข้ามาก่อนสิ” คนพูดยังคงยืนหันหลังให้ เพราะหากหันกลับมาเห็นใบหน้าของสาวใช้ อาจจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่ อาจจะเสียภาพลักษณ์ของท่านแม่ทัพผู้เคร่งขรึม
“ความสุขของบ่าวคือได้เห็นนายท่านมีสุขภาพแข็งแรงเจ้าค่ะ”
“พูดเอาใจข้าทำไมกัน บอกมาตามตรง”
“บ่าวพูดความจริงเจ้าค่ะ”
“เอาใจเก่งอย่างนี้สินะ ท่านแม่กับน้องสาวข้าถึงได้ติดใจเจ้านัก แต่อย่าคิดว่าข้าจะหลงกับดักเจ้าอีกคน”
MANGA DISCUSSION