สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 56
“เรื่องนี้ข้าไม่ว่าอะไร หากท่านพี่ต้องการจะมีใครอีกสักกี่คนก็ย่อมได้ แต่ขอให้ความรักที่มีต่อข้านั้นอย่าลดน้อยลงเป็นพอ ข้าขอเพียงเท่านี้”
“ข้าบอกแล้วว่าไม่มีก็ต้องทำให้ได้ ข้าจะรักและซื่อสัตย์กับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่งงานแล้วเราจะมีน้องให้เสี่ยวซูอีกสักสองสามคนดีหรือไม่” สายตาหื่นที่ส่งมาถึงนาง ส่งผลให้ใบหน้าขาวขึ้นสีแดงระเรื่อ
“สุดแล้วแต่ท่านพี่เจ้าค่ะ”
ทั้งคู่ส่งสายตาประสานเป็นหนึ่งเดียว ใบหน้าโน้มเข้าหากันอย่างช้า ๆ จนริมฝีปากสัมผัสกันในที่สุด หยางจื่อถงค่อย ๆ บรรจงลิ้มลองความหอมหวานนั้นอย่างละเมียดละไม เนิบนาบเชื่องช้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป เสียงกระเส่าดังให้ได้ยินถี่ขึ้น เมื่อรสจุมพิตอันหวามไหวเริ่มทวีความรุนแรง ริมฝีปากถูกบดเบียดอย่างเร่าร้อน ลิ้นสากถูกส่งเข้าไปตวัดผลัดเกี่ยวอย่างบ้าคลั่ง เจ้าบ่าวค่อย ๆ ดันร่างบอบบางให้เอนหลังลงบนเตียงทั้งที่ยังปรนเปรอนางด้วยรสจูบ หลังจากนั้นบทเพลงรักอันซาบซ่านก็เริ่มต้นด้วยความโหยหา ความเสน่หา และความรักอันบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นภายในหัวใจทั้งสองดวง
*-*-*-*-*-*-*-*-*
ค่ำคืนแห่งความชื่นมื่นได้ผ่านพ้นมาแล้ว ตอนนี้เหม่ยหวาคือฮูหยินของท่านแม่ทัพหยางโดยสมบูรณ์แบบแล้ว นางย้ายกลับมาอยู่ในจวนพร้อมกับบุตรชายเป็นการถาวร ดูเหมือนว่านอกจากหยางจื่อถงที่ดีใจสุด ๆ แล้ว ยังมีซินอวี่อีกคนที่ดีใจไม่แพ้กัน เพราะทั้งหลานและเพื่อนรักซึ่งตอนนี้อยู่ในฐานะพี่สะใภ้กลับเข้ามาอยู่ในจวน ทำให้รู้สึกว่าจวนแห่งนี้ครึกครื้นมากขึ้น
“คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”
วันนี้เหม่ยหวาได้มีโอกาสมาคารวะหยางฮูหยิน เพื่อรายงานตัวเป็นสะใภ้อย่างเป็นทางการ
“ลุกขึ้นเถิดลูกสะใภ้”
เหม่ยหวาลุกขึ้นแล้วมานั่งบนเก้าอี้ข้างสามี ส่วนเสี่ยวซูนั้นได้ไปนั่งบนตักผู้เป็นย่าเสียแล้ว หยางฮูหยินยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้เห็นทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้าเช่นนี้
“สมใจเจ้าแล้วสิเสี่ยวซู”
“ขอรับท่านย่า ท่านพ่อไม่ต้องแต่งงานกับคนอื่นแล้ว มีเพียงท่านแม่คนเดียวเท่านั้น”
“เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าพ่อเจ้าจะไม่มีใครอีก”
“เมื่อคืนข้าแอบฟังท่านพ่อกล่าวกับท่านแม่ในห้องขอรับ” เสี่ยวซูเผลอปากพูดแล้วเอามือมาปิดปากตัวเองไว้ กลอกลูกตาไปมาด้วยความลนลาน
“อย่าบอกนะว่าเจ้าไปแอบดูพ่อกับแม่ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็เห็นหมดแล้วน่ะสิว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันบ้าง”
“ขอรับท่านพ่อ”
“เจ้าเด็กคนนี้ช่างดื้อเสียจริง ข้าต้องลงโทษบ้างแล้ว รู้หรือไม่ว่ามันไม่ดี” หยางจื่อถงชี้หน้าขู่ลูกชาย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยอายอย่างนี้มาก่อน ทว่าคนที่อายมากกว่าคือเหม่ยหวา รายนั้นแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
“ท่านย่าช่วยข้าด้วยขอรับ” เด็กชายทำเป็นกอดอ้อนผู้เป็นย่า
“อยู่กับย่าไม่มีใครกล้าทำอะไรเจ้าได้แน่ แต่คราวหน้าห้ามทำอย่างนั้นอีกเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านย่า ข้าจะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”
หยางฮูหยินยิ้มพลางลูบกลางกระหม่อมหลานชายตัวซน ก่อนจะหันไปเอ่ยกับบุตรชายและลูกสะใภ้
“แม่ดีใจจริง ๆ ในที่สุดพวกเจ้าก็ได้แต่งงานกันเสียที แม่เชื่อว่านี่คือรักแท้ แม้จะมีอุปสรรคแต่ก็ผ่านพ้นมาได้ จนในที่สุดพวกเจ้าก็ได้ครองคู่กัน”
“ขอบพระคุณท่านแม่ขอรับ ที่ให้กำลังใจพวกเรามาโดยตลอด”
“คนเป็นแม่ย่อมทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของลูก ขอให้พวกเจ้ารักกันนาน ๆ และมีหลานให้แม่อีกสักสองสามคนนะ”
“ขอรับท่านแม่ ข้ามั่นใจว่าคนที่สองต้องมาเร็ว ๆ นี้แน่นอน”
“ถามเมียเจ้าหรือยังว่าพร้อมหรือไม่” หยางฮูหยินถามเมื่อเห็นสีหน้าเขินอายของลูกสะใภ้
“พวกเราตกลงกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับท่านแม่”
“ดีแล้ว หากวันหนึ่งซินอวี่ออกเรือนไปแม่จะได้ไม่ต้องเหงา อย่างน้อยก็มีหลาน ๆ ให้ยิ้มได้อยู่บ้าง”
“แล้วนี่ซินอวี่ไปไหนหรือขอรับ”
“แม่เห็นช่วงนี้เครียด ๆ มีเรื่องอะไรไม่สบายใจอยู่หรือไม่”
“ข้าพอจะรู้เจ้าค่ะ” เหม่ยหวากล่าวออกไปเมื่อคิดได้ว่าซินอวี่น่าจะกลุ้มใจเรื่องอะไร
“เจ้ารู้อะไรมาลูกสะใภ้” หยางฮูหยินถาม
“เมื่อตอนไปเฝ้าท่านพี่ที่โรงหมอในวังหลวง ซินอวี่เอ่อ…มีเรื่องกับฝ่าบาทเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ทัพขอรับ ท่านเหวินกงกงมารอที่หน้าจวนขอรับ บอกว่าให้ทุกคนออกไปที่นั่น”
“ได้ เดี๋ยวข้าจะออกไป”
“ขอรับ”
“ต้องมีเรื่องแน่ ๆ รีบออกไปกันเถอะ”
ทั้งหมดเดินออกไปที่หน้าจวนพร้อมกัน หยางฮูหยินได้สั่งให้คนไปเรียกบุตรีออกมาด้วย เพราะเข้าใจว่าคงจะเป็นเรื่องสำคัญเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นเหวินกงกงคงไม่มาเยือนถึงที่จวนเช่นนี้
เมื่อทุกคนออกมาอย่างพร้อมหน้ากันแล้ว เหวินกงกงก็เริ่มอ่านพระราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ทันที
“รับราชโองการ ด้วยโองการแห่งฟ้า ฮ่องเต้มีบัญชา หยางซินอวี่บุตรีแห่งตระกูลหยาง ผู้ซึ่งเคยหมิ่นพระเกียรติเมื่อครั้งเข้าไปเฝ้าอาการป่วยของแม่ทัพหยางจื่อถงในวังหลวง จึงมีรับสั่งให้ลงอาญาโดยการให้เข้าไปรับใช้อย่างใกล้ชิดในวังหลวง ตำแหน่งพระสนมเอก เพื่อให้นางได้สำนึกและไถ่โทษกับสิ่งที่ได้กระทำไว้ จบราชโองการ”
ซินอวี่สั่นไปทั้งตัวเมื่อได้ฟังพระราชโองการจากองค์ฮ่องเต้ นางรับราชโองการมาแล้วแต่มือยังคงสั่นเทา ใบหน้าซีดเซียวไร้ซึ่งเลือดฝาด ไม่นึกว่าการลงอาญาขององค์ฮ่องเต้จะออกมาในรูปแบบนี้ มันเป็นการลงอาญาที่นางควรจะดีใจ…แต่ไม่เลย
“พรุ่งนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมารับพระสนมที่จวนด้วยพระองค์เอง พระสนมเตรียมตัวให้พร้อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่รับตำแหน่งไม่ได้หรือเจ้าคะ”
“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หามีใครขัดพระบัญชาได้”
“ข้าคงไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วสินะ”
“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอทูลลา”
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อึ้ง ไม่นึกว่าจู่ ๆ ซินอวี่จะได้เข้าไปเป็นพระสนมในวัง หลังจากเหวินกงกงเดินทางกลับแล้ว พระสนมองค์ใหม่ก็ทรุดตัวนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ทำเอาทุกคนตกอกตกใจเสียยกใหญ่
“ฮือ ๆ ข้าไม่อยากเป็นพระสนมเลย ข้าไม่อยากเข้าวัง ทำไมฝ่าบาทต้องแกล้งข้าด้วยวิธีนี้”
“เจ้าควรต้องดีใจสิซินอวี่ ฝ่าบาททรงลงอาญาเจ้าด้วยวิธีนี้ แสดงว่าพระองค์ต้องพระทัยเจ้ารู้หรือไม่” หยางฮูหยินเข้ามาปลอบใจบุตรี
“แต่ข้าไม่อยากไปนี่เจ้าคะท่านแม่ ข้าอยากอยู่กับทุกคนที่นี่ ในวังหลวงจะน่ากลัวอย่างไรบ้างข้าก็ไม่รู้ ฮือ ๆ”
“เจ้าไม่ใช่เด็กแล้วนะซินอวี่ การได้ออกเรือนเป็นถึงพระสนมเอกมันไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าเป็นสตรีที่โชคดีแล้วรู้หรือไม่ พี่ต้องดีใจกับเจ้าด้วย”
“ข้าก็ดีใจกับเจ้าด้วยนะซินอวี่ ไม่สิต้องเรียกว่าพระสนมถึงจะถูก” เหม่ยหวายิ้มให้ท่านแม่ทัพเมื่อเห็นสภาพของเพื่อนรัก ที่ต่อไปนี้จะกลายเป็นพระสนมขององค์ฮ่องเต้แล้ว
“ข้าไม่รับความยินดีใด ๆ ทั้งนั้น ข้าไม่ยอมไปหรอกข้าจะอยู่ที่นี่” นางเอาแต่ร้องไห้จะนอนเกลือกกลิ้งบนพื้น จนหยางฮูหยินถึงกับส่ายหน้า
“อาเฟยช่วยพานางเข้าไปสงบสติอารมณ์ข้างในเร็ว ข้าไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเห็นพระสนมในสภาพนี้”
“เจ้าค่ะ”
หยางจื่อถงและเหม่ยหวาต่างก็ยืนมองภาพที่อาเฟยและหยางฮูหยินช่วยพยุงร่างซินอวี่เข้าไปด้านใน ทั้งสองใบหน้ามีรอยยิ้มประดับ แม้ตอนนี้ซินอวี่อาจจะไม่ชอบใจ แต่เชื่อว่านี่คือโอกาสดี ๆ ของชีวิตหญิงสามัญชนคนหนึ่ง ที่มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้
“ท่านพ่อท่านแม่ขอรับ หลังจากนี้ท่านอาจะต้องไปอยู่ที่อื่นใช่หรือไม่”
“เจ้าคิดถูกแล้วเสี่ยวซู ต่อไปนี้เจ้าจะเรียกท่านอาไม่ได้อีกแล้ว จะต้องเรียกพระสนมเข้าใจหรือไม่”
“พระสนมหมายถึงอะไรขอรับ”
“เดี๋ยวโตขึ้นเจ้าจะรู้ด้วยตัวของเจ้าเอง”
“แล้วอีกนานไหมกว่าข้าจะโต” ดูจากสีหน้าเด็กชายแล้ว นั่นไม่ใช่คำถามที่ใสซื่อเลยสักนิด
“เจ้านี่ช่างย้อนเก่งเหลือเกิน เจ้าอยากโดนพ่อลงโทษใช่หรือไม่”
“ข้าไปหาท่านย่าดีกว่า แบร่!”
เด็กชายรีบวิ่งแจ้นเข้าไปในจวน ทิ้งให้คนเป็นบิดามารดายืนอยู่ที่เดิม หยางจื่อถงหันมาส่งยิ้มให้ฮูหยินของตน นางเองก็ยิ้มตอบ เป็นรอยยิ้มที่ดูออกว่ามีความสุขมากแค่ไหน ชายหนุ่มคว้ามือเรียวมาประสานไว้ให้มั่น แล้วเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา
“เข้าบ้านกันเถอะฮูหยินสุดที่รักของข้า”
“เจ้าค่ะท่านพี่”
รอยยิ้มแห่งสุขฉายบนใบหน้าคนทั้งสอง ในขณะสาวเท้าเดินไปนั้นเหม่ยหวาก็ซบแก้มลงบนต้นแขนหนาของเขาอย่างออดอ้อน มือทั้งสองยังคงประสานกันไว้แน่น เป็นสัญญาว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่มีทางแยกจากกันไปไหนตลอดชีวิต
–จบบริบูรณ์–