สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 46
สามปีให้หลังตั้งแต่วันที่จากกัน ซุนไห่ได้วิวาห์กับบุตรีของสหายผู้เป็นบิดาซึ่งทำการค้าขายด้วยกัน ฐานะทางบ้านก็เทียบเคียงเหมาะสม ทว่าในใจของเขานั้นยังคงมีเหม่ยหวาอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนนางสักครั้ง นั่นเพราะไม่อยากรู้สึกเจ็บปวด อีกอย่างก็เพื่อให้เกียรติภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ในตอนนี้ด้วย วันนี้สหายรักกลับมาจากทำศึกทั้งที เขาจึงเดินทางมาที่จวนเพื่อต้อนรับ
“คารวะฮูหยิน”
“อ้าวซุนไห่ ข้าดีใจที่เจ้ามาต้อนรับจื่อถงในวันนี้ด้วย”
“สหายรักกลับมาทั้งทีข้าย่อมมาอยู่แล้ว ว่าแต่เด็กคนนี้ใช่ลูกชายของจื่อถงหรือไม่ขอรับ”
“ถูกต้อง เสี่ยวซูคารวะท่านลุงสิ”
“คารวะท่านลุงขอรับ” เด็กชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าผู้เป็นย่า เงยขึ้นมองผู้มาใหม่เชิงตั้งคำถาม นั่นเพราะไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้ง
“สงสัยงั้นหรือว่าข้าเป็นใคร ข้าเป็นสหายรักของพ่อเจ้าเช่นใดเล่า” ชายหนุ่มเอื้อมมือไปลูบบนศีรษะเจ้าเด็กน้อยอย่างเอ็นดู หากวันนั้นเหม่ยหวายอมเปิดใจรับเขา เด็กคนนี้คงได้เรียกเขาว่าพ่อไปแล้ว
“ว่าแต่…เหม่ยเหมยไม่มาด้วยหรือขอรับ”
“นางไม่ยอมมา ข้าเกลี้ยกล่อมเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา จนข้าไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นซุนไห่ก็ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด แต่ก็พยายามทำเหมือนไม่มีอะไรในใจ ได้แต่ยืนรอการกลับมาของหยางจื่อถง ที่ป่านนี้ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
ในช่วงเวลาที่หยางฮูหยินกำลังร้อนใจ เสี่ยวซูเริ่มไม่สนุกกับการต้องมายืนรอ และอีกหลายชีวิตที่รู้สึกว่ามันนานผิดปกติ ก็มีทหารคนหนึ่งควบม้าตรงเข้ามาที่หน้าจวน เมื่อลงจากหลังม้าแล้วก็เดินเข้ามาคารวะหยางฮูหยินทันที
“คารวะหยางฮูหยินขอรับ”
“ลูกชายข้ามาถึงแล้วใช่ไหม” นางเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เอ่อ…มาถึงแล้วขอรับแต่ว่าตอนนี้…”
“ตอนนี้อะไร ลูกข้าอยู่ที่ไหนกันแน่”
“ท่านแม่ทัพถูกลอบทำร้ายในระหว่างทาง ตอนนี้หมอหลวงกำลังรักษาอยู่ในวังหลวงขอรับ”
“จื่อถงลูกแม่” เมื่อรู้ข่าวหยางฮูหยินก็ทรุดตัวลงในทันที
“ท่านแม่!”
ซินอวี่รีบเข้ามาพยุงร่างมารดาไว้
“เดี๋ยวข้าอุ้มฮูหยินเข้าไปเอง พวกเจ้ารีบไปเตรียมยาหอมมาเร็ว”
“เจ้าค่ะ”
ความชุลมุนเกิดขึ้นเมื่อทราบข่าวร้าย ทุกคนรีบกลับเข้าไปในจวนเพื่อดูอาการของหยางฮูหยิน ก่อนกลับทหารคนนั้นได้สนทนากับซินอวี่เพื่อรับข่าวสารให้ครบถ้วน ตอนนี้หยางจื่อถงอยู่ในความดูแลของหมอหลวงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการถอนพิษ ใช่แล้ว ธนูลูกนั้นอาบยาพิษทำให้อาการของหยางจื่อถงทรุดหนักกว่าปกติ และการรักษายิ่งยากขึ้นไปอีกด้วย
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ไปต้อนรับท่านแม่ทัพที่จวน ทว่าเหม่ยหวาก็อยู่ไม่สุข กระวนกระวายตลอดทั้งวัน เมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนั้นหานลู่ซวนก็เดินเข้ามาถามไถ่
“เหม่ยเหมยเจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า แม่เห็นเจ้าเดินวนไปมาหลายรอบแล้ว”
“ข้าเป็นห่วงเสี่ยวซูเจ้าค่ะ”
“จริงหรือ ไม่ใช่ว่าอยากจะไปเห็นหน้าท่านแม่ทัพหรอกนะ”
“ท่านแม่พูดอะไร ทำไมข้าจะต้องอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นด้วยเล่า” นางไม่ยอมสบตามารตาเพราะกลัวว่าท่านจะเห็นความอ่อนไหวในดวงตาคู่สวยนี้
“แม่รู้ว่าเจ้ายังรักท่านแม่ทัพ”
“ถึงรักก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว เขาไม่ได้ต้องการข้าแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ เราเป็นเพียงพ่อและแม่เสี่ยวซูเท่านั้น เป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว”
“แม้กระทั่งคนรู้จักงั้นหรือ ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมหอลงโรงกันแล้ว แต่แม่ก็อยากให้เจ้ากับท่านแม่ทัพพูดคุยกันด้วยดี เพื่อเสี่ยวซูอย่างใดเล่า”
เหม่ยหวาเงียบแล้วก้มหน้าลง ยอมรับว่าสิ่งที่มารดากล่าวมานั้นก็มีเหตุผล ความปรองดองเป็นสิ่งที่ดีเสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ยิ่งตอนนี้นางกับเขามีทายาทด้วยกันยิ่งต้องปรองดองเพื่อลูก
“เจ้าค่ะ ข้าจะพยายามเพื่อเสี่ยวซู”
“เหม่ยเหมย!”
“อ้าวคุณชายซุนไห่ มาที่นี่มีอะไรงั้นหรือเจ้าคะ” เมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่เหม่ยหวาก็หันไปมอง นางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เพราะนานเกือบห้าปีแล้วที่ไม่ได้เห็นหน้าชายผู้นี้ จู่ ๆ เขาก็มาปรากฏตัวให้เห็น
ซุนไห่คารวะผู้อาวุโสกว่าตามมารยาท แล้วหันมาส่งยิ้มให้กับเหม่ยหวา ห่างกันเป็นเวลานานก็ทำให้รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง
“ข้ามีข่าวจะมาแจ้งให้ทราบ”
“ข่าว? ข่าวอะไรหรือเจ้าคะถึงได้มาด้วยตัวเองเช่นนี้”
“จื่อถงกลับถึงเมืองหลวงแล้ว แต่ยังกลับมาที่จวนไม่ได้”
“อ้าว ทำไมหรือเจ้าคะ” เมื่อได้ยินเหม่ยหวาก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ทว่าประโยคหลังทำให้นางต้องขมวดคิ้วมองหน้าอีกฝ่ายในทันที
“จื่อถงถูกยิงด้วยธนูอาบยาพิษ ตอนนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ในวังหลวง โดยมีท่านหมอหลวงกำลังรักษา เป็นตายเท่ากัน”
“โธ! ท่านแม่ทัพ ฮึก”