“ดูท่าทางแล้วจื่อถงคงจะหวงเจ้าน่าดู จึงไม่ยอมให้เจ้ามานั่งเป็นเพื่อนข้าที่นี่ ข้าขอเสียมารยาทถาม ว่าเจ้ากับจื่อถงมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินกว่าเจ้านายกับบ่าวหรือไม่”
“อย่างที่นายท่านกล่าวเมื่อครู่ บ่าวเป็นแค่บ่าว มิบังอาจเลื่อนขั้นมาเป็นอย่างอื่นได้เจ้าค่ะ” ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายเอ่ยปากว่าเป็นอย่างนั้น นางก็จะให้มันเป็นไปตามที่เขาต้องการ
“ได้ยินอย่างนี้ข้าก็โล่งใจ ข้าขอบอกเจ้าตามตรงว่าข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าตั้งแต่คราแรกที่เจอกันในป่าวันนั้น ข้ายังยืนยันที่จะทำความรู้จักเจ้าให้มากกว่านี้ เจ้าจะรังเกียจข้าหรือไม่เหม่ยเหมย”
“เอ่อ…บ่าวมิอาจรับไมตรีจากคุณชายได้เจ้าค่ะ เป็นเพราะบ่าวมีคนที่อยู่ในใจแล้ว”
“เป็นเช่นนั้นเอง เจ้าถึงได้รีบตัดรอนข้าตั้งแต่แรก แต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังยืนยันว่าอยากจะได้เจ้ามาเป็นฮูหยินของข้า แม้จะเจอกันเพียงไม่กี่ครั้งแต่ข้าก็มั่นใจว่าเจ้าคือคนที่เหมาะสมกับข้าที่สุด” ซุนไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง เอื้อมไปคว้ามือเรียวมาถือไว้ ส่งสายตาให้นางได้เห็นความจริงใจในนั้น
“บ่าวเป็นเพียงสตรีที่ต่ำต้อย ไม่มีอะไรที่คู่ควรกับคุณชายเลยสักนิด อย่ามาเสียเวลากับบ่าวเลยเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรบ่าวก็ไม่สามารถมอบหัวใจให้ใครได้อีกแล้ว”
“ข้าไม่คิดว่ามันเป็นการเสียเวลา เพียงแต่อยากให้เจ้ารับรู้ว่าข้าบริสุทธิ์ใจ บ้านข้าไม่เคยถือเรื่องความร่ำรวยหรือยากจน หรือแม้แต่ฐานะทางสังคมเพราะบ้านเราไม่ได้ทำงานในราชสำนัก พวกเราก็เป็นเพียงคนธรรมดาสามัญที่ทำการค้าจนร่ำรวย จึงไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์ว่าคู่ครองนั้นจะต้องสูงศักดิ์แต่อย่างใด ขอแค่เป็นคนดีและขยันทำมาหากิน เจ้าโปรดวางใจว่าหากเข้าไปเป็นสะใภ้ตระกูลซุนแล้วจะไม่มีใครกล้าดูหมิ่นดูแคลนเจ้าเป็นแน่”
“บ่าวเข้าใจสิ่งที่นายท่านจะสื่อ แต่การจะใช้ชีวิตคู่นั้นต้องเกิดจากความรักจึงจะไปได้รอด”
“ข้ามั่นใจว่าจะทำให้เจ้ารักข้าได้”
ยิ่งได้ฟังยิ่งรู้สึกหนักใจ นางจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณชายซุนไห่เลิกล้มความตั้งใจนี้ มันไม่มีทางเป็นไปได้ นางเป็นของนายท่านทั้งตัวและหัวใจ แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนดีและพร้อมที่จะให้นางเป็นฮูหยินเอกแต่มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้แล้ว
“ปล่อยมือนางซะ!”
เสียงบุคคลที่สามดังขึ้น ทำให้เหม่ยหวารีบชักมือกลับมา หันไปมองก็เห็นนายท่านทำหน้ายักษ์ ข้างกันนั้นก็มีสตรีนางหนึ่งยืนอยู่ด้วย
“บ่าวขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” เหม่ยหวาหลบตาทุกคนแล้วรีบลุกขึ้นเดินออกห่างจากซุนไห่ สาวเท้าออกไปจากศาลาทันที
“เดี๋ยวก่อนเหม่ยเหมย” ซุนไห่ตะโกนตามหลังพร้อมจะลุกขึ้นตามไป แต่โดนสหายรักกล่าวห้ามไว้เสียก่อน
“เจ้าไม่ต้องตามนางไป อยู่ที่นี่ล่ะ”
“เจ้าจะห้ามข้าทำไม ข้ากำลังคุยเรื่องสำคัญกับนาง”
“ข้าบอกแล้วไงว่านางยังเด็กนัก อย่ามาเสียเวลากับคนของข้าอีกเลย”
“ก็ข้าชอบของข้า เจ้าอย่ามาทำเป็นหวงก้างหน่อยเลยจื่อถง”
จางหมิงซวนที่ยืนอยู่รู้สึกสะดุดหูกับคำว่า ‘คนของข้า’ นางรู้สึกแปลกใจที่สนทนากันได้ไม่กี่คำก็ชวนมาที่ศาลานี้ ดูเหมือนท่านแม่ทัพหยางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย มาถึงก็เห็นทั้งสองคนกำลังจับมือถือแขนกัน นางรู้จักคุณชายซุนไห่ แต่สาวใช้นางนั้นเพิ่งจะเคยเห็นหน้าตอนที่หยางฮูหยินสั่งให้มาเรียกท่านแม่ทัพ
“คารวะคุณชายซุนไห่ ข้าเพิ่งจะรู้ว่าท่านก็อยู่ที่จวนด้วย”
“ข้ากำลังจะกลับพอดี เชิญแม่นางกับจื่อถงนั่งสนทนากันตามประสาคู่หมั้นเถอะ ข้าไปล่ะ”
“ช้าก่อน เจ้าช่วยนั่งสนทนาเป็นเพื่อนแม่นางหมิงซวนก่อนสักครู่ ข้ามีธุระต้องไปจัดการ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ ข้ารอที่นี่คนเดียวได้ เชิญท่านไปทำธุระก่อนเถอะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวไปร่ำลาเหม่ยเหมยก่อน”
“ไม่ได้! นางไม่ว่าง”
หยางจื่อถงรีบยืนกางแขนกั้นทางเพื่อนไว้ นั่นทำให้ซุนไห่มองหน้าอย่างไม่พอใจ เริ่มสงสัยในตัวสหายว่ากำลังมีความลับบางอย่างปกปิด แสดงออกนอกหน้าว่าหวงนักหนา แล้วอย่างนี้จะเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร
“เจ้ามีพิรุธ เจ้าหวงเหม่ยเหมยเกินกว่าเจ้านายกับสาวใช้ บอกความจริงข้ามาว่าเจ้าเป็นอะไรกับเหม่ยเหมยกันแน่”
ไม่ใช่แค่ซุนไห่ที่รอฟังคำตอบ แต่จางหมิงซวนเองก็ยืนจ้องหน้าท่านแม่ทัพอย่างตั้งใจเช่นกัน นางรู้ตัวมาตลอดว่าจะต้องแต่งเข้าสกุลหยางเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพผู้นี้ แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันมากนัก แต่นางก็ไม่เคยข้องแวะกับชายใด ยังคงรักษาหัวใจดวงนี้ไว้ รอคอยให้หยางจื่อถงมาครอบครองในฐานะสามีในอนาคต แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้หัวใจของท่านแม่ทัพคงไม่มีพื้นที่ว่างเสียแล้ว
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้า กลับไปแล้วลืมนางซะ” หยางจื่อถงอึกอักได้แต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบความจริง เขายังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้คนอื่นมองเหม่ยหวาในทางไม่ดี กลัวคนอื่นเอาเรื่องของนางไปนินทาเสีย ๆ หาย ๆ
“ในเมื่อนางยังไม่มีเจ้าของข้าก็ยังมีสิทธิ์”
“นางเป็นสาวใช้ในจวนข้า เจ้าลืมไปแล้วหรือ”
MANGA DISCUSSION