สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 29
“ใช่ ท่านแม่รู้เรื่องแล้ว ข้าเป็นคนบอกเองล่ะ แต่อย่าเป็นกังวลไปเพราะท่านแม่ไม่ได้รังเกียจเจ้า ท่านมีบางเรื่องที่จะต้องบอกเจ้าให้รับรู้ก่อนก็เท่านั้นเอง”
“ได้ยินอย่างนี้บ่าวก็โล่งใจเจ้าค่ะ”
เหม่ยหวารู้สึกโล่งอกที่คนสำคัญทั้งสองไม่ได้รังเกียจ แต่สิ่งที่นางเป็นกังวลนั่นคือฮูหยินมีเรื่องอะไรจะสนทนากับนางงั้นหรือ หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องทำให้ลำบากใจหรอกนะ
หยางฮูหยินนั่งปักผ้าอยู่เมื่อเห็นทั้งสามคนเดินมาก็วางมือ แล้วบอกให้สาวใช้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ออกไปด้านนอก
“มาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
ซินอวี่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างมารดา อาเฟยนั่งลงบนพื้นข้างเก้าอี้คุณหนู ส่วนเหม่ยเหมยเดินเข้าไปนั่งข้างฮูหยินอย่างรู้งาน
“เจ้าคุยกับนางมาก่อนแล้วใช่ไหมซินอวี่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
“ดีแล้วล่ะ แม่จะได้ไม่ต้องพูดอะไรอ้อมค้อม” นางกล่าวกับบุตรีแล้วหันมามองหน้าเหม่ยหวา ซึ่งเอาแต่นั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้น “เงยหน้าขึ้นมาสิเหม่ยเหมย”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
“ซินอวี่เล่าเรื่องเจ้ากับจื่อถงให้ข้าฟังหมดแล้ว ข้าดีใจที่จื่อถงได้เจ้ามาดูแลจนหายดี และยิ่งรู้ว่ามีใจให้กับเจ้ายิ่งดีใจเข้าไปใหญ่ เพราะข้าเองก็เอ็นดูเจ้าเช่นกัน”
“บ่าวไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงเลยนะเจ้าคะ บ่าวแค่รู้สึกว่านายท่านคือบุรุษที่อยู่ใกล้แล้วอบอุ่นใจ รู้สึกปลอดภัยเวลาที่อยู่ข้างกายนายท่าน บ่าวไม่ได้ต้องการสิ่งใดนอกจากได้รักและดูแลนายท่านเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่รังเกียจที่จะรับเจ้ามาเป็นสะใภ้ หากข้ามีเรื่องที่จะแจ้งให้เจ้ารับทราบเสียก่อน ว่าตำแหน่งฮูหยินของจื่อถงนั้นมีคนจับจองไว้ก่อนเจ้าแล้ว เช่นนั้นเจ้าจะเป็นได้เพียงอนุ เจ้าจะยินดีกับตำแหน่งนี้หรือไม่เหม่ยเหมย”
รอยยิ้มของเหม่ยหวาเจื่อนลงเมื่อได้ยินสิ่งที่หยางฮูหยินกล่าว นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดนายท่านจึงกล่าวว่านางเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น แท้ที่จริงเขามีคู่หมั้นคู่หมายอยู่ก่อนแล้วนั่นเอง หาใช่เพราะฐานะอันต่ำต้อยของนาง
“บ่าว…บ่าว…” ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด วลีที่เปล่งออกมานั้นไม่เต็มเสียง หยางฮูหยินเข้าใจและพอจะเดาออกว่านางรู้สึกอย่างไร
“ไม่ต้องตอบตอนนี้ก็ได้ ข้าให้เวลาเจ้าอีกสักพัก หากมั่นใจในคำตอบของตนเองแล้วค่อยมาบอกข้า เจ้าจะไม่ถามงั้นหรือว่าสตรีที่จะมาเป็นฮูหยินของจื่อถงคือผู้ใด”
“คือผู้ใดเจ้าคะฮูหยิน” เหม่ยหวาพยายามแสดงสีหน้าให้นิ่งเข้าไว้ ไม่อยากให้ทุกคนรู้เห็นถึงความเจ็บปวดภายใน
“นางชื่อจางหมิงซวน เป็นบุตรีของท่านเสนาบดี บิดาของนางคือเพื่อนรักกับสามีข้าผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งสองได้สัญญาต่อกันว่าจะให้ลูกทั้งสองได้แต่งงานกัน เพื่อให้ตระกูลหยางและตระกูลจางได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน หมั้นหมายกันตั้งแต่เด็กจนตอนนี้ถึงเวลาอันควรแล้ว รู้เช่นนี้แล้วเจ้าอย่าโกรธจื่อถงเลยนะ มันคือความจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อตระกูลจริง ๆ หากได้เป็นเขยของท่านเสนาบดีแล้วก็จะทำให้หน้าที่การงานของจื่อถงก้าวหน้ายิ่งขึ้นด้วยเช่นใดเล่า”
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“ข้าจะไม่บังคับเจ้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นบ่าวแต่ข้าก็รักและเอ็นดูเจ้าไม่น้อย หากจะบังคับให้เจ้าเป็นอนุของจื่อถงก็ย่อมได้ แต่ข้าจะให้เจ้าเป็นฝ่ายเลือกด้วยตัวของเจ้าเอง”
“ขอบพระคุณฮูหยินที่เมตตาบ่าวเจ้าค่ะ”
“ข้าเป็นกำลังใจให้เจ้านะเหม่ยเหมย อย่าเป็นกังวลไป เพราะหากเจ้ากับท่านพี่เป็นเนื้อคู่กันแล้วย่อมไม่มีทางหนีกันพ้นเป็นแน่”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
ทุกคนยิ้มเอาใจช่วยนางอย่างบริสุทธิ์ใจ ก็เหลือแต่นางเท่านั้นแล้ว ที่จะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไปดี เลือกทางไหนก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดอยู่ดี เลือกที่จะรักนายท่านและยอมเป็นอนุก็ต้องทำใจยอมรับว่านางไม่ได้เป็นภรรยาคนเดียวของเขา หากเลือกที่จะปฏิเสธไม่ยอมรับการเป็นอนุ ก็เท่ากับว่านางกับนายท่านไม่มีทางลงเอยกันได้
หลังจากสนทนากับหยางฮูหยินแล้วเหม่ยหวาก็ถูกใช้ให้ออกมาซื้อยาที่ร้านขายยาสมุนไพรแห่งหนึ่งในตัวเมือง ในระหว่างเดินคอตกไปตามถนนท่ามกลางผู้คนมากมาย นางก็เอาแต่คิดเรื่องที่ฮูหยินกล่าว เลือกไม่ถูกว่าจะทำอย่างไรกับความรักครั้งนี้ดี
“ว้าย! ช่วยด้วย ๆ มีโจรขโมยเงินข้าไป ช่วยด้วย”
จู่ ๆ ก็มีโจรหนุ่มคนหนึ่งฉกเอาถุงเงินของเหม่ยหวาไปต่อหน้าต่อตา นางตะโกนพร้อมกับวิ่งตามหลังไปติด ๆ ไม่มีเวลาต้องมาคิดเรื่องเศร้าแล้วในตอนนี้ คิดแต่ว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ถุงเงินนั่นคืนมา
“เอาเงินข้าคืนมาเดี๋ยวนี้นะไอ้โจรชั่ว”
ดูเหมือนว่าคนเมืองนี้ไม่มีน้ำใจเอาเสียเลย ไม่มีใครช่วยเหลือนางสักคน ไอ้โจรมันหลอกให้ตามมาจนถึงทางเปลี่ยวและแคบไร้ผู้คน ไอ้โจรหน้าเหี้ยมมันยืนแสยะยิ้มชูถุงเงินขึ้นเย้ย
“เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ รู้ไหมว่าข้าเป็นคนของใคร”
“โจรอย่างข้าไม่เคยสนใจอยู่แล้ว นอกจากเงินนี่แล้วข้ายังอยากจะได้ตัวเจ้าด้วย”