สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 26
“ข้าได้ค่าสอนแล้วมาเริ่มกันดีกว่า”
“นายท่านเจ้าเล่ห์”
“ข้าไม่เคยบอกว่าจะให้เจ้าเป็นฝ่ายจูบข้าก่อน ข้าต้องเป็นฝ่ายจูบเจ้าสิถึงจะถูก” ว่าแล้วก็เขยิบก้นออกห่างจากโต๊ะเล็กน้อย แล้วตบปุลงที่หน้าขาตนเอง
“นายท่านหมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“มานั่งบนตักข้าสิ จะได้สอนได้ถนัดอย่างไรเล่า”
“นั่งบนตักเลยหรือเจ้าคะ บ่าวว่ามันจะไม่งามนะเจ้าคะ”
“นี่มันในห้องหนังสือของข้า ใครจะกล้าเข้ามา ถึงใครจะเห็นก็ไม่เป็นไรเพราะข้าไม่สนใจอยู่แล้ว”
“แต่บ่าวอายนี่เจ้าคะ”
“มานั่ง! จะให้ข้าสอนหรือไม่”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
เมื่อได้ขึ้นไปนั่งบนตักเขาแล้วก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองตัวเล็กมาก เหมือนเด็กน้อยที่กำลังนั่งอยู่บนตักผู้ใหญ่เสียอย่างนั้น นายท่านวาดแขนมาโอบตัวนางไว้ ยื่นใบหน้าเข้ามาเกยคางบนไหล่ อยู่ใกล้กันจวนจะสิงร่างเช่นนี้ ก็ทำให้หัวใจทั้งสองดวงเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ โดยเฉพาะเหม่ยหวาแทบเก็บอาการไม่อยู่ มือไม้สั่นไปหมด เห็นอย่างนั้นหยางจื่อถงก็ยกยิ้มอย่างพอใจ จับมือน้อย ๆ นั้นแล้วบีบเบา ๆ เพื่อทำให้นางคลายความตื่นเต้น
“ตื่นเต้นมากเลยหรือ”
“เปล่าเจ้าค่ะ”
“แล้วทำไมมือสั่นอย่างนี้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะจับมือเจ้าไว้อย่างนี้ตลอด จนกว่าเจ้าจะสามารถเขียนได้เอง”
“สุดแล้วแต่นายท่านเจ้าค่ะ”
“ดีมาก ว่าแต่…ทำไมผมเจ้าจึงหอมเช่นนี้ ข้าอยากจะรู้จังว่าจะหอมอย่างนี้ไปทั้งตัวเลยหรือไม่”
“นายท่านอย่านอกเรื่อง ไม่เช่นนั้นบ่าวจะลุกขึ้นเดี๋ยวนี้”
“ข้าพูดจริง ๆ นะ ข้าอยากจะสูดกลิ่นกายของเจ้าไปทั้งตัวเลยล่ะ”
“นายท่านรีบสอนบ่าวเร็วสิเจ้าคะ ยังจะมาพูดเล่นอยู่ได้”
“สอนแล้ว ๆ หากเจ้าไม่ตั้งใจล่ะคอยดู ข้าจะลงโทษให้หนักเชียวล่ะ”
“บ่าวตั้งใจกว่าคนสอนอีกเจ้าค่ะ”
“ยังจะมาย้อนข้าอีก”
เขาลงโทษนางด้วยการหอมแก้มฟอดใหญ่ เหม่ยหวาเอียงหน้าไปมองแรงใส่แวบหนึ่งแล้วหันกลับมามองที่แผ่นกระดาษสีขาวตรงหน้า มือของนางถูกมือนายท่านบังคับไปตามทิศทางต่าง ๆ เพื่อให้เกิดเป็นตัวอักษร ดูเหมือนว่ามันจะยากกว่าที่คิด นางตั้งใจเรียนแต่คนสอนกลับเอาแต่พยายามหาเศษหาเลย จนเหม่ยหวาต้องส่งสายตาอันดุดันไปประท้วงอยู่หลายครั้ง
หลายวันต่อมา…
ความสัมพันธ์ระหว่างเหม่ยหวาและนายท่านพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ไม่ได้ปล่อยตัวให้เขามากนัก เพราะกลัวว่าหากนางได้ตกเป็นของนายท่านแล้ว เขาอาจจะเบื่อและเปลี่ยนไป นั่นคือความคิดของเด็กสาววัยแรกแย้มที่เพิ่งจะหัดมีความรัก และรู้สถานะว่าตนเองเป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อยเท่านั้น คงไม่มีสิทธิ์ได้เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพแน่นอน
ซินอวี่และอาเฟยรับรู้ว่าคนทั้งสองมีใจให้กัน มีเพียงแค่หยางฮูหยินเท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องใด ๆ นางเข้าใจเพียงว่าเหม่ยหวานั้นเป็นสาวใช้ที่เข้าอกเข้าใจบุตรชายตนเอง และทำงานได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องจนเป็นที่น่าพอใจก็เท่านั้น
ตอนนี้เหม่ยหวาเริ่มใช้พู่กันได้คล่องมากขึ้น อ่านเขียนได้บางคำเท่านั้น นางเป็นคนฉลาดและหัวไวสามารถจดจำสิ่งที่นายท่านสอนได้เป็นอย่างดี ช่วงหลังมานี้นายท่านเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยเย็นชากลับเป็นคนขี้อ้อนมากขึ้น แต่นั่นมันเกิดขึ้นเฉพาะเวลาอยู่กับนางสองต่อสองเท่านั้น หากมีคนอื่นอยู่ด้วยความหน้านิ่งก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“อ้าว! นายท่านจะออกไปไหนเจ้าคะ บ่าวนำชาร้อน ๆ มาให้”
“ข้าจะออกไปขี่ม้าเล่นนอกจวน รีบไปเปลี่ยนชุดเร็ว”
“ทำไมบ่าวต้องเปลี่ยนด้วยเจ้าคะ”
“ก็ข้าจะพาเจ้าออกไปด้วยอย่างใดเล่า ข้าบอกซินอวี่ไว้แล้วว่าจะให้เจ้าแต่งตัวอย่างไร”
“แต่บ่าวไม่อยากไปนี่เจ้าคะ”
“ไม่มีแต่ รีบไปหาซินอวี่แล้วไปรอข้าที่หน้าจวน”
“เจ้าค่ะนายท่าน”
เหม่ยหวาทำหน้าบูดบึ้งอีกเช่นเคยเมื่อโดนออกคำสั่ง นางเดินคอตกไปหาคุณหนูซินอวี่ พอเห็นหน้าคุณหนูก็จับนางเข้าไปในห้องแล้วจัดการเปลี่ยนชุดให้เสียใหม่
เหม่ยว่าเดินออกมารอท่านแม่ทัพหยางที่หน้าจวนตามคำสั่ง นางรู้สึกไม่คุ้นเคยกับตัวเองเลยสักนิด นั่นเพราะชุดที่สวมใส่นั้นเป็นชุดของบุรุษ ผมที่เคยยาวสลวยถูกรวบขึ้นมัดเป็นจุกกลางศีรษะพันรอบด้วยผ้าริบบิ้นสีขาว ซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดที่สวมใส่นั่นเอง
“ให้บ่าวแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ คนสวย ๆ ก็ต้องคู่กับเสื้อผ้างาม ๆ แต่นี่อะไร” นางบ่นอยู่คนเดียวในระหว่างรอนายท่าน นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงต้องการให้นางแต่งกายเช่นนี้