สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 25
เหม่ยหวาเอาแต่นั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวในห้อง นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่นายท่านสารภาพรักแล้วก็จุมพิตท่ามกลางผู้คนมากมายในงานเทศกาลโคมไฟประจำปี เขาถามว่านางรู้สึกอย่างไร นางแม่ตอบแต่จุมพิตที่แก้มของนายท่าน แล้วรีบวิ่งแจ้นไปหาคุณหนูซินอวี่และพี่อาเฟย
หากถามว่าตอนนี้นางรู้สึกอย่างไรกับนายท่าน ก็คงจะต้องตอบว่ารัก เมื่อได้รู้ความในใจของเขาแล้วก็ทำให้นางเองก็รู้ตัวเช่นกัน แต่ถึงอย่างไรก็ตามนางจะไม่มีทางยอมเป็นอนุของเขาเด็ดขาด จะยื้อสถานะนั้นไว้จนวินาทีสุดท้าย
“นั่งยิ้มอะไรคนเดียวเหม่ยเหมย เป็นมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ”
“เปล่าเจ้าค่ะพี่อาเฟย”
“ไม่ใช่ว่า…กำลังมีความรักหรอกนะ” อาเฟยจ้องหน้าราวกับกำลังจับผิดสาวใช้รุ่นน้อง ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับเหม่ยหวา นางและคุณหนูซินอวี่เป็นตัวตั้งตัวตี คิดแผนการให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง คาดไม่ถึงว่ามันจะได้ผลเกินคาด
“เปล่าสักหน่อย ข้าจะไปมีความรักกับใครกันเล่าพี่อาเฟย ข้าขอตัวไปรับใช้นายท่านก่อนนะเจ้าคะ”
นางทำหน้าเลิ่กลั่ก ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง คนที่นั่งอยู่ได้แต่ขำพลางจ้องมองตามหลังไป
เหม่ยหวาเดินอย่างอารมณ์ดีเข้ามาหานายท่านที่เรือน เมื่อมาถึงแล้วก็ส่องสายตามองหาท่านแม่ทัพหยางแต่กลับไม่พบเขา นางตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ จึงตรงดิ่งไปยังที่สุดท้ายนั่นคือห้องหนังสือ และพบว่าเขากำลังนั่งเขียนอักษรอยู่นั่นเอง
“นายท่านทำอะไรอยู่เจ้าคะ ตะโกนเรียกก็ไม่ขานรับเลย”
“ข้ากำลังใช้สมาธิ เจ้ามาก็ดีแล้ว มานั่งข้าง ๆ ข้าสิ” สายตาคมและรอยยิ้มอบอุ่นนั้น ทำให้หัวใจของนางละลายลงทันที นางยิ้มเขินแล้วนั่งลงข้างนายท่าน เงยหน้าขึ้นไปสบตากับเขา นั่นทำให้ภาพเมื่อคืนฉายในหัวอีกครั้ง ต่างคนต่างก็ยิ้มด้วยอาการเขิน
“นายท่านมีอะไรให้บ่าวรับใช้หรือไม่เจ้าคะ”
“ช่วยมานั่งให้กำลังใจข้าก็แล้วกัน”
“ได้เลยเจ้าค่ะ”
นางส่งยิ้มให้จากนั้นนายท่านก็หันไปสนใจแผ่นกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบพู่กันขึ้นมาจุ่มลงที่แท่นฝนหมึก แล้วนำไปตวัดลงบนแผ่นกระดาษสีขาวจนปรากฏเป็นตัวอักษร เหม่ยหวานั่งมองอย่างเพลินตาทั้งที่ไม่รู้ว่ามันอ่านว่าอย่างไร
“นายท่านเก่งสุด ๆ เลยเจ้าค่ะ”
“เก่งตรงไหนงั้นหรือ”
“ก็เก่งทั้งการศึกและการเขียนกลอน นายท่านไปเรียนมาจากที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“ก่อนที่เราจะทำอะไรเป็นสักอย่างมันจะต้องมีคนสอนเสมอ ส่วนจะเก่งหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความขยันหมั่นเพียรของแต่ละคน ข้าเองก็มิใช่คนที่เก่งตั้งแต่กำเนิด เพียงแต่ข้ามีความตั้งใจมากก็เท่านั้น” เขาหันมายิ้มตอบ
“บ่าวอยากเก่งเหมือนนายท่านบ้างจังเลยเจ้าค่ะ”
“เป็นสตรีไม่จำเป็นจะต้องเก่งเรื่องพวกนี้ ขอแค่เก่งการบ้านการเรือนก็เพียงพอแล้ว”
“แต่บ่าวอยากจะอ่านออกเขียนได้บ้างนี่เจ้าคะ เวลาที่นายท่านเขียนอะไรลงไปบ่าวจะได้อ่านได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“พูดเช่นนี้อยากให้ข้าสอนงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ นายท่านสอนบ่าวด้วยนะเจ้าคะ” นางเขยิบตัวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น เขย่าแขนนายท่านเบา ๆ
“อยากเรียนกับข้ามากขนาดนั้นเชียวหรือ”
“เจ้าค่ะ”
“ค่าสอนแพงนะ เจ้าจะจ่ายไหวงั้นหรือ”
“นายท่านใจร้าย สอนให้บ่าวก็ต้องคิดค่าสอนด้วย บ่าวไม่มีเงินทองมากมายขนาดนั้นหรอกเจ้าค่ะ” สีหน้านางเริ่มบูดบึ้งขึ้นมาทันทีทันใด ชักมือที่เกาะแขนเขากลับคืนมา
“หากไม่มีเงินจ่ายก็ต้องเอาอย่างอื่นจ่าย”
“สีหน้านายท่านเจ้าเล่ห์อย่างนี้ บ่าวเริ่มกลัวแล้วนะเจ้าคะ”
“กลัวอันใดเล่า ข้าไม่ได้จะฆ่าแกงสักหน่อย ขอแค่จูบเป็นค่าสอนในแต่ละครั้งก็เพียงพอแล้ว เจ้าจะให้ข้าได้หรือไม่”
“นายท่าน! คิดจะเอาเปรียบบ่าวอีกแล้ว”
“ข้าไม่ได้บังคับ หากไม่อยากเรียนก็ไม่เป็นไร” เขาหันกลับมาสนใจกระดาษบนโต๊ะต่อ ทำเป็นไม่สนใจแม่สาวใช้หน้าสวย
“ก็ได้เจ้าค่ะ บ่าวยอมก็ได้”
ได้ยินเช่นนั้นหยางจื่อถงก็ยิ้มอย่างพอใจ เมื่อหันไปนางก็รีบยื่นหน้าเข้ามาจุมพิตโดยเร็วอย่างไม่ทันตั้งตัว เพียงไม่นานนางก็ผละใบหน้าออกมา ทว่านายท่านรั้งท้ายทอยนางไว้เพื่อบรรเลงรสจูบอันดูดดื่มต่อไป นานจนเหม่ยหวาเริ่มอ่อนระทวยเขาจึงยอมปล่อย