ฮูหยินให้เงินติดตัวมาจำนวนหนึ่ง แถมยังให้รถม้ามาส่งถึงในตลาดอีกด้วย เหม่ยหวารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของท่านเหลือเกิน เป็นโชคดีของนางที่ได้เข้าไปทำงานรับใช้ในจวนนั้น แต่ก็จะมีเพียงหยางจื่อถงที่ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำตัวเกินเลยกับนาง
ก่อนจะกลับไปที่บ้าน เหม่ยหวาก็เดินซื้อของในตลาดไปฝากคนทั้งสามที่รอคอยอยู่ ทุกคนยังไม่รู้ว่านางจะกลับไปเยี่ยมวันนี้ หากได้เห็นหน้าคงจะดีใจมาก ๆ นางเดินถือของพะรุงพะรังตรงไปยังบ้านหลังเก่าโทรมขนาดเล็ก ๆ ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร บ้านของนางมีอาชีพทำเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่ ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ดำเนินชีวิตตามวิถีของคนยากคนจน
“มีใครอยู่บ้านไหมเจ้าคะ”
นางส่งเสียงตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน รอให้คนที่อยู่ด้านในออกมา เมื่อทุกคนรู้ว่าเหม่ยหว่ากลับมาต่างก็รีบเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึง
“เหม่ยเหมย เจ้ากลับมาแล้ว”
“เจ้าค่ะท่านแม่ ข้ากลับมาเยี่ยมพวกท่านแล้ว”
“แม่นึกว่าฮูหยินจะไม่ให้เจ้ากลับมาเยี่ยมบ้านแล้วเสียอีก เข้าไปข้างในกันดีกว่า”
“ข้าซื้อของมาฝากทุกคนด้วยนะเจ้าคะ”
“ข้าคิดถึงพี่เหม่ยเหมยทุกวันเลยรู้ไหม”
“พี่ก็คิดถึงเจ้านะอาไห่”
บิดาและมารดาช่วยนางถือของ ส่วนเหม่ยหวาอุ้มน้องชายเข้าไปในบ้านด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข นางถูกบิดามารดาซักถามความเป็นอยู่ในจวนท่านแม่ทัพ ในขณะกำลังนั่งทานมื้อเที่ยงกัน เหม่ยหวาตอบไปตามความจริงว่าทุกคนดีต่อนางมาก ทำให้อยู่ที่นั่นอย่างมีความสุขไม่รู้สึกอึดอัด แต่พอถามถึงท่านแม่ทัพหยางนางจึงจำเป็นต้องตอบให้ท่านทั้งสองสบายใจ ไม่พูดถึงเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อคืนให้ฟัง
วันแรกของการมาเยี่ยมบ้านเหม่ยหวามีความสุขมาก นางนอนกอดน้องชายทั้งคืน แต่ก็ไม่วายคิดถึงแต่ใบหน้าของนายท่าน พอไม่ได้ยินเสียงไม่ได้เห็นหน้าแล้ว เหตุใดจึงรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง รู้สึกเหงาปากที่ไม่ได้เถียงนายท่าน
วันต่อมานางเข้าไปเก็บเห็ดกับน้องชายในป่าใกล้กับหมู่บ้าน สมัยก่อนนางมาที่ป่าแห่งนี้เป็นประจำ บ้างก็มาเก็บสมุนไพร บ้างก็มาเก็บผัก บ้างก็มาเก็บเห็ด ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์เปรียบเสมือนครัวขนาดใหญ่ ที่หล่อเลี้ยงหลายชีวิตของชาวบ้านในละแวกนี้
“เดินระวัง ๆ นะอาไห่”
“ขอรับพี่เหม่ยเหมย”
“อ๊ะนั่น เห็ดดอกใหญ่เชียว เดี๋ยวเจ้ายืนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ พี่จะเข้าไปเก็บ”
เด็กชายพยักหน้ายืนอยู่ตรงทางเดิน ส่วนนางมุดตัวเข้าไปในพุ่มไม้เพื่อเก็บเห็ดดอกใหญ่นั่น เมื่อเก็บมันขึ้นมาแล้วก็มองพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ หากมารดาได้เห็นคงจะดีใจเช่นกันแน่ นางเก็บมันใส่ตะกร้ากำลังจะกลับไปหาน้องชาย ทว่าในวินาทีนั้นกลับเห็นฝูงกวางวิ่งตรงมาราวกับหนีอะไรบางอย่าง
“เกิดอะไรเกิดขึ้นนะ ทำไมกวางพวกนี้ถึงได้วิ่งหนีจ้าละหวั่นขนาดนี้” พูดจบนางก็กลับไปหาน้องชาย ในขณะที่สองพี่น้องกำลังจะเดินไปนั้น ก็มีลูกธนูพุ่งตัดหน้าเหม่ยหวาปักเข้าที่ต้นไม้ใหญ่ นางตกใจจนต้องรีบดึงตัวน้องชายนั่งลงเพราะไม่รู้ว่าจะมีอีกระลอกไหม
“กรี๊ดดด!!! อาไห่นั่งลงเร็ว”
“พี่เหม่ยเหมยลูกธนูพวกนี้มาจากไหนขอรับ”
“คงเป็นพวกพรานป่าเข้ามาล่าสัตว์ ยิงมาไม่ดูคนเอาเสียเลย ข้าอยากจะเห็นหน้าพวกมันนัก”
พูดจบแล้วก็ได้ยินเสียงคนกำลังวิ่งตรงมา ฟังจากฝีเท้าแล้วคงจะมีหลายคนพอสมควร ไม่นานนางก็เจอกับกลุ่มชายฉกรรจ์ มีทั้งหมดสามคน ถือคันธนูติดมือมาด้วยทุกคน
“แม่นางเจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้ายังไม่ตาย ทำไมพวกท่านถึงไม่ระวังเสียบ้าง หากโดนคนจะทำอย่างไร อีกอย่างสัตว์ป่าพวกนี้มันก็มีชีวิตจิตใจ กลัวตายเป็นเหมือนกันนะ”
“บังอาจ! เจ้ากล้าพูดเช่นนี้ต่อหน้าคุณชายได้อย่างไร” ดูเหมือนว่าสองคนที่เหลือนั้นจะเป็นบ่าวรับใช้ที่ติดตามมา บุรุษรูปงามท่านนี้แต่งตัวดูดี คงจะเป็นคุณชายของเศรษฐีบ้านไหนสักหลัง เหม่ยหวามองดูก็พอจะเดาออก
“ข้าไม่สนว่าจะเป็นคุณชายมาจากไหน แต่ทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้อง หากล่าเพื่อเป็นอาหารข้าจะไม่ว่าเลยสักคำ แต่นี่ล่าเพื่อความสนุกมันไม่สมควรเลยสักนิด”
“แม่นางเป็นคนแถวนี้หรือ”
“ใช่! ข้าเป็นคนแถวนี้ ท่านมีอะไรกับข้างั้นหรือ” นางกล่าวอย่างนักเลงหัวไม้ ไม่ได้กลัวชายหนุ่มพวกนั้นเลย แต่คนที่กลัวนั่นคือน้องชายที่เอาแต่หลบอยู่ด้านหลังพี่สาว
“ข้าต้องขออภัยที่ทำให้แม่นางและน้องชายตกใจ เอาเป็นว่าข้ามีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ จะมอบให้เพื่อเป็นการไถ่โทษ” คุณชายผู้นั้นหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้
“เก็บไว้เถอะ ข้าไม่อยากได้เงินของท่าน มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลย” นางว่าพลางชี้ไปทิศทางออกของป่าแห่งนี้
เมื่อเห็นอย่างนั้นบ่าวทั้งสองของคุณชายท่านนั้นก็พุ่งตัวจะเข้ามาทำร้ายเหม่ยหวา แต่โดนผู้เป็นนายยกมือห้ามไว้เสียก่อน
“ถอยไป”
“ขอรับคุณชาย”
“ข้าต้องขออภัยที่คนของข้าทำตัวไม่สุภาพ แม่นางช่างเป็นคนจิตใจเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ข้าขอเชยชม ว่าแต่แม่นางมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร ข้าอยากจะทำความรู้จัก เผื่อวันหน้าวันหลังอาจจะได้เจอกันอีก”
“ข้าไม่บอก แล้วก็ไม่อยากจะทำความรู้จักกับท่านด้วย” นางตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า แล้วจูงมือน้องชายเดินหนีไป
ชายหนุ่มรูปงามได้แต่มองตามหลังพร้อมกับรอยยิ้ม แววตาที่จ้องมองแม่นางคนนั้นฉายความพอใจออกมา เขาชื่นชอบในความใจเด็ดของนาง อยากจะทำความรู้จักให้มากกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่านางคงไม่ชอบขี้หน้าเขาเอามาก ๆ
*-*-*-*-*-*-*-*-*
วันแรกที่ไม่มีเหม่ยหวาสาวน้อยหน้าสวยที่ช่างเอาอกเอาใจ มันเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีความสุขเอาเสียเลย รู้สึกหงุดหงิดและโมโหง่าย สาวใช้ที่เข้ามารับหน้าที่แทนชั่วคราว ต่างก็โดนท่านแม่ทัพหยางเล่นงานจนขวัญหนีดีฝ่อ โดนไล่ตะเพิดออกไปคนแล้วคนเล่า เดือดร้อนถึงหยางฮูหยินที่ได้รับรายงานต้องวิ่งแจ้นมาหาบุตรชายถึงที่
“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือจื่อถง ถึงได้ไล่สาวใช้ออกไปเช่นนั้น พวกนางก็แค่มาทำหน้าที่แทนเหม่ยเหมย แค่ไม่กี่วันทนเอาหน่อยไม่ได้หรือ”
“ก็พวกนางทำให้ข้าหงุดหงิดท่านแม่เข้าใจหรือไม่”
“แม่ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น นิสัยเดิม ๆ ของเจ้ากลับมาอีกแล้ว แล้วอย่างนี้หากเหม่ยเหมยไม่ได้อยู่ที่จวนแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร โตแล้วหัดทำนิสัยให้สมกับตัวบ้าง”
“หากท่านแม่รำคาญใจนักก็เรียกตัวนางกลับมาสิ หาไม่แล้วข้าก็จะไล่สาวใช้คนอื่น ๆ ออกไปเช่นนี้อีก”
“เฮ้อ! เจ้านี่นะ เอาแต่ใจไม่เคยเปลี่ยน ข้าจะไม่ตามใจเจ้าอีกแล้วจื่อถง จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีก หากทนไม่ไหวก็ไปตามนางกลับมาด้วยตัวเจ้าเองเลยสิ ข้าไม่อยากปวดหัวกับเรื่องนี้อีกแล้วไอ้ลูกบ้า” กล่าวจบแล้วหยางฮูหยินก็รีบเดินออกไปทันที
คนที่ยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่นั้นกำลังใช้ความคิด ทบทวนคำกล่าวของมารดาเมื่อสักครู่ ให้ไปตามนางกลับมาเองงั้นหรือ ก็ไม่เลวนะ หากไม่ได้เห็นหน้านางเป็นเวลาสามวัน มีหวังต้องขาดใจตายเป็นแน่ เมื่อคิดได้อย่างนั้นก็ไม่รีรอ รีบเปลี่ยนชุดเพื่อออกเดินทางไปตามตัวสาวใช้ตัวป่วนกลับมา
MANGA DISCUSSION