สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 17
“พูดจาเหลวไหล คนอย่างข้าไม่มีทางเอาบ่าวในจวนมาเป็นเมียหรอก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ช่าง”
“ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนนี่คะ ในเมื่อคนอื่น ๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้ มีอนุเป็นบ่าวในจวน สหายของท่านพี่ก็ออกเยอะแยะที่ทำเช่นนี้”
“เจ้าเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ไร้สาระ ข้าไปล่ะ”
“เดี๋ยวสิคะท่านพี่ ทำไมเหม่ยเหมยจึงนั่งตากฝนจนตัวเปียกปอนอย่างนั้น”
“นางงี่เง่าเอง ข้าไม่ได้ทำอะไรนางเลยสักนิด”
“ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านพี่นี่นา ยังไงก็ฝากดูแลนางด้วยนะคะท่านพี่” ซินอวี่ตะโกนตามหลังไปพลางยิ้มด้วยความชอบใจ หากมันเป็นอย่างที่นางคิดก็ดีเหมือนกัน พี่ชายนางจะได้มีความรักอย่างคนอื่นเขาเสียที เหม่ยหวาเองก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักและนิสัยดีคนหนึ่ง หากได้นางมาเป็นพี่สะใภ้ก็ไม่เสียหลาย
ความสงสัยของน้องสาวทำให้หยางจื่อถงทำตัวไม่ถูก แม้ว่าตอนนี้เจ้าตัวจะนั่งจ้องมองสตรีที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวใช้ซึ่งนอนหลับอยู่บนเตียง ยิ่งมองยิ่งไม่อาจละสายตาไปได้ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่ามีความรู้สึกอย่างนี้กับแม่สาวใช้ตัวป่วนได้อย่างไร
นอนหลับไปหนึ่งชั่วยามตอนนี้เหม่ยหวาเริ่มรู้สึกตัว เปลือกตาสวยเปิดขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนรู้ว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงนายท่าน จึงรีบลุกขึ้นทั้งที่ยังอ่อนแรง เมื่อรู้ว่าเสื้อผ้าตนเองถูกเปลี่ยนก็ตกใจยกใหญ่ รีบเอามือโอบกอดตัวเองไว้ เสื้อผ้าชุดนี้ไม่ใช่ของนางดูจากลักษณะเนื้อผ้าแล้วน่าจะเป็นของคุณหนูซินอวี่ แล้วใครกันที่เปลี่ยนชุดให้นาง
“ฟื้นแล้วหรือ”
“เอ่อ…บ่าวมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนชุดให้บ่าว” นางกล่าวอย่างลนลานแล้วรีบลงมาจากเตียง
“จะลุกจะนั่งก็ระวังตัวเองด้วย อาการไข้ของเจ้ายังไม่หายดี ดื่มยาที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นเสีย จะได้หายไว ๆ” หยางจื่อถงว่าแล้วปรายตาไปยังถ้วยยาที่วางอยู่บนโต๊ะ
เหม่ยหวารีบเดินไปอย่างว่าง่าย ยกถ้วยยานั้นขึ้นดื่ม ด้วยรสชาติที่ขมทำให้นางแสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน แล้วหันไปเอาคำตอบจากนายท่านที่ยังค้างอยู่
“สรุปว่าใครเป็นคนเปลี่ยนชุดให้บ่าวเจ้าคะ”
“แล้วเจ้าคิดว่าใครเปลี่ยนให้เจ้าล่ะ” นายท่านส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาง เป็นเช่นนั้นใบหน้าอันขาวซีดก็มีเลือดฝาดทันทีทันใด
“แสดงว่านายท่านคงจะเห็น…” เหม่ยหวาไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน นางกอดตัวเองเอาไว้แน่น พลางคิดในหัวว่าตอนที่นายท่านเปลี่ยนชุดให้นั้นคงไม่แค่มองเท่านั้น ทุกส่วนของนางคงถูกสัมผัสไปจนหมดแล้ว
“เป็นเช่นนั้น ข้าเห็นทุกสัดส่วนของเจ้าจนหมดแล้ว”
“ทำไมนายท่านทำอย่างนี้ บ่าวเป็นสตรีนะเจ้าคะ ฉวยโอกาสที่สุด”
“หากไม่ทำเจ้าคงจะนอนไม่สบายตัวเช่นนี้แน่ เจ้าต้องขอบคุณข้าถึงจะถูกต้อง”
“บ่าวต่างหากที่เป็นฝ่ายเสียหาย ทำไมจะต้องขอบคุณด้วยเล่า”
“เสียหายตรงไหน ข้าไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องเสียหาย ข้าแค่ต้องการช่วย”
“บ่าวขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรก็เถียงสู้นายท่านไม่ได้อยู่ดี” นางจะเดินออกไปแต่ท่านแม่ทัพหยางรีบเดินไปขวางหน้าไว้ กำลังสนุกอยู่แท้ ๆ เขาไม่ยอมให้นางกลับไปแน่
“ข้าไม่ให้กลับ”
“แต่บ่าวไม่สบายอยู่นะเจ้าคะ ขอบ่าวกลับไปนอนพักก่อนไม่ได้หรือ รู้สึกดีขึ้นกว่านี้แล้วบ่าวจะมารับใช้นายท่าน”
“พักผ่อนอยู่ที่นี่ห้ามกลับ นี่คือคำสั่ง”
“แต่…อื้อ…”
ในเมื่อนางยังคงดื้อดึงไม่ยอมฟังกัน เขาต้องลงโทษให้เข็ดหลาบ รั้งท้ายทอยน้อย ๆ เข้ามาหาตนเอง ประทับริมฝีปากร้อนลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่ม ตักตวงลมหายใจของนางอย่างบ้าคลั่ง ส่งปลายลิ้นเข้าไปทักทายในโพรงปากอย่างเร่าร้อน แม้กำปั้นน้อย ๆ จะพยายามทุบที่แผงอกแกร่งแต่ไม่ทำให้หยางจื่อถงสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
นายท่านรูปงามผู้แสนเย็นชา บัดนี้มีวิญญาณของหนุ่มนักรักเข้าสิงร่างไปเสียแล้ว เหม่ยหวาแทบจะขาดใจตายเสียให้ได้ ร่างกายอันอ่อนแรงยิ่งอ่อนล้าลงเรื่อย ๆ เมื่อมือของนายท่านลูบไล้เรือนกายอันบอบบางผ่านเนื้อผ้าที่บางเบา ร่างของนางถูกเหวี่ยงขึ้นไปนอนบนโต๊ะ จากนั้นนายท่านก็ตรึงข้อมือนางไว้ ริมฝีปากยังคงถูกรุกล้ำอย่างต่อเนื่อง อาภรณ์ของนางหลุดลุ่ยจนเกือบจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
“ยะ…อย่าเจ้าคะนายท่าน”
เขาส่งเสียงฮึมฮำในลำคอราวกับกำลังบอกว่าอย่าขัดใจ นายท่านปล่อยมือนางเพื่อมาปลดเปลื้องเสื้อตัวนอกของแม่สาวใช้ตัวดี ไฟราคะที่กำลังลุกโชนทำให้หยางจื่อถงหน้ามืดตามัว ไม่อาจห้ามความต้องการของตนได้ ยิ่งได้เสพสมเรือนกายอรชรยิ่งเกิดความต้องการที่ล้นหลาม
“นายท่านขอรับ”
เสียงของบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านนอก ทำให้หยางจื่อถงได้สติ รีบผละตัวออกมาจากเหม่ยหวาด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ส่วนนางก็รีบลุกขึ้นแล้วลงจากโต๊ะรีบจัดเสื้อผ้าให้อยู่ในสภาพปกติ
“มีอะไร!” น้ำเสียงของท่านแม่ทัพหยางดุดัน นั่นเพราะหงุดหงิดที่มีคนมาขัดจังหวะ สายตาคมยังจ้องมองร่างของสาวใช้อย่างเสียดาย
“คุณชายซุนไห่มารอพบที่เรือนรับรองขอรับ”
“เดี๋ยวข้าจะตามไป”
“ขอรับ”
เมื่อไม่มีคนอื่นแล้วหยางจื่อถงก็หันมาสนใจแม่นางที่อยู่ตรงหน้า ดูเหมือนว่าตอนนี้เหม่ยหวาจะไม่พอใจที่โดนล่วงเกิน สายตาที่มองมานั้นราวกับกำลังต่อว่าต่อขาน จนชายหนุ่มเริ่มรู้สึกละอายแก่ใจ
“บ่าวขอตัวนะเจ้าคะ”
“จะไปไหน”
“จะกลับไปเรือนนอนของบ่าวเจ้าค่ะ”
“ข้าบอกให้นอนอยู่ที่นี่อย่างใดเล่า อย่าออกไปเพ่นพ่านด้านนอก ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเจ้า”
“แต่…” กล่าวคำนี้จบเหม่ยหวาก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง เพราะเมื่อครู่หลังจากพูดคำนี้จบนางต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่อยากจะโดนอย่างนั้นอีก
“เจ้าก็รู้หากดื้อกับข้าจะต้องโดนอะไรบ้าง”
“แต่นายท่านก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับบ่าวอย่างนี้นะเจ้าคะ”
“ข้ามีสิทธิ์ในตัวบ่าวทุกคนในจวนนี้ แค่นี้เจ้าคงจะรู้นะว่าต้องทำตัวอย่างไร”
“แล้วทำไมต้องเป็นบ่าวด้วยเจ้าคะ”
“ก็เพราะข้าอยากจะกำราบเด็กดื้ออย่างเจ้าอย่างใดเล่า เลิกต่อปากต่อคำกับข้าแล้วไปนอนพักผ่อนเสีย หากข้ากลับมาแล้วยังพบว่าเจ้าไม่ยอมทำตามคำสั่ง ข้าจะไม่ทำแค่นั้นแน่!” นายท่านชี้หน้าขู่ด้วยแววตาที่จริงจัง มีหรือที่เหม่ยหวาจะยอมขัดคำสั่ง นางทำหน้ามุ่ยอยู่ตรงนั้นรอจนนายท่านเดินออกไป
แทนที่จะขึ้นไปนอนบนเตียงนอนนายท่าน แต่นางหยิบเพียงหมอนและผ้าห่มเดินไปที่ห้องหนังสือ หาที่เหมาะเอนกายลงนอน ขืนนอนอยู่บนเตียงแล้วนายท่านมาเห็นเกิดมีอารมณ์ขึ้นมานางก็แย่น่ะสิ ต้องระวังตัวให้มาก หาวิธีเอาตัวรอดไปเรื่อย ๆ จนกว่านายท่านจะเบื่อแล้วยอมปล่อยให้ไปรับใช้ฮูหยิน
หยางจื่อถงเดินตรงไปยังเรือนรับรองเมื่อรู้ว่าผู้ใดมาเยี่ยมเยือน ซุนไห่คือสหายในวัยเยาว์ที่ยังคงคบค้าสมาคมกันมาโดยตลอด เขาเป็นบุตรชายของเศรษฐีท่านหนึ่งในเมืองแห่งนี้ แม้ว่าจะเป็นเพื่อนรักกันแต่เส้นทางสายอาชีพกลับตรงกันข้าม หยางจื่อถงเข้ามารับใช้ราชสำนักในตำแหน่งแม่ทัพประจำเมือง ส่วนซุนไห่นั้นเนื่องจากเป็นลูกพ่อค้า ทำให้ถูกปลูกฝังเรื่องการค้ามาตั้งแต่ยังเด็ก ทำการค้าจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีไม่ต่างจากบิดา
เมื่อเพื่อนรักได้มีโอกาสมาเจอกันมีหรือจะธรรมดา ในวันนั้นทั้งสองต่างก็ดื่มฉลองให้กับมิตรภาพตามประสาบุรุษ นานทีจะได้มีโอกาสดื่มสุราด้วยกัน หยางจื่อถงจึงไม่รีรอที่จะให้บ่าวจัดเตรียมสุราชั้นเลิศและกับแกล้มหลากหลายเมนู ถือโอกาสนี้ปลดปล่อยความรู้สึกที่มันคั่งค้างไปกับน้ำเมา แต่ในใจยังคงเป็นห่วงแม่สาวใช้ตัวป่วนที่นอนซมไม่สบายเพราะพิษไข้ตลอดเวลา