สาวใช้ตัวป่วนของท่านแม่ทัพ - ตอนที่ 13
ครั้งแรกที่ได้รับจุมพิตอันดูดดื่มจากบุรุษเพศ
มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่และน่าละอายใจยิ่งนัก
แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปพบนายท่านอีกได้เช่นไร
ในตอนนั้น…เมื่อนายท่านเสพสมกับริมฝีปากนางจนพอใจแล้ว ก็ปล่อยให้เป็นอิสระ บอกให้ออกไปเปลี่ยนอาภรณ์เสียใหม่ นางเร่งฝีเท้าออกมาจากเรือนของนายท่านโดยเร็ว กลับมาที่เรือนนอนพี่อาเฟยได้ถามว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ถึงได้เนื้อตัวเปียกปอนเช่นนี้ นางบอกว่าสะดุดล้มตกลงไปในสระบัว พี่อาเฟยจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วบอกให้ไปเปลี่ยนชุดเสียใหม่
ตอนนี้เหม่ยหวาเริ่มรู้สึกกลัวนายท่านขึ้นมาบ้างแล้ว นางเป็นกังวลเมื่อจะได้ไปพบหน้าเขาอีก คืนนั้นทั้งคืนนางนอนไม่หลับ ข่มตาแล้วแต่มันก็ทำไม่ได้จนเกือบจะถึงรุ่งเช้าจึงสำเร็จ ตื่นเช้ามานางนั่งส่องคันฉ่องดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผม ทว่าเมื่อเห็นริมฝีปากของตนเองก็หน้าแดงขึ้นมาเสียดื้อ ๆ จึงสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วผ่อนออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมทั้งบอกตัวเองว่าอย่าได้วิตกจนเกินไป คิดเสียว่ามันคือฝันร้ายก็แล้วกัน
กำลังจะเดินตรงไปยังเรือนของนายท่านก็เจอกับอาเฟยระหว่างทาง นางบอกว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพหยางอยู่ที่เรือนรับรองพร้อมกับฮูหยินแล้ว และให้มาเรียกนางไปที่นั่นด้วย นางจึงเปลี่ยนเป้าหมายเดินตามพี่อาเฟยไป
“มาแล้วเจ้าค่ะฮูหยิน” มาถึงอาเฟยก็กล่าวกับฮูหยิน
“มาพอดีเลย มานั่งข้าง ๆ ข้าสิเหม่ยเหมย”
“เจ้าค่ะ”
เมื่อได้รับคำสั่งเหม่ยหวาก็เดินก้มหน้าไปนั่งลงข้างเก้าอี้ของฮูหยิน ไม่แม้แต่จะมองหน้าท่านแม่ทัพหยาง ทั้งที่พยายามบอกตัวเองแล้วว่าให้ทำตัวเป็นปกติ แต่พอเจอหน้ากันจริง ๆ แล้วกลับรู้สึกประหม่าเช่นเดิม
“ท่านแม่เรียกข้ามาที่นี่ มีอันใดหรือครับ”
“แม่รู้ว่าตอนนี้อาการของเจ้าดีขึ้นแล้ว เลยอยากจะดูให้เห็นกับตาอย่างใดเล่า ลูกชายของแม่ดีวันดีคืนเช่นนี้ คงต้องยกให้เป็นความดีความชอบของเหม่ยเหมยสินะ”
“เป็นความดีความชอบของท่านหมอเสียมากกว่าเจ้าค่ะ”
“เป็นอย่างที่นางพูด ต้องยกความดีความชอบให้ท่านหมอครับท่านแม่” พูดจบก็ชำเลืองมองหน้าสาวใช้ประจำตัว ทว่าตอนนี้นางกลับเอาแต่นั่งก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมา เขาเองก็รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ต้องใช้ไม้แข็งเช่นนี้สินะนางถึงจะยอมศิโรราบ หากรู้เช่นนี้เขาคงจะทำตั้งแต่แรกไปแล้ว
“นั่นก็ส่วนหนึ่ง ตั้งแต่มีเหม่ยเหมยเข้ามาดูแลเจ้าก็อาการดีขึ้นอย่างรวดเร็ว หากไม่ใช่เพราะความอดทนของนาง ป่านนี้เจ้าคงนอนซมอยู่บนเตียงไม่หายสักทีแล้ว ถึงอย่างไรข้าก็ต้องมอบรางวัลให้กับนางบ้าง” ฮูหยินกล่าวด้วยสีหน้าชื่นมื่น ที่วันนี้อาการของลูกชายดีขึ้นมาก อีกไม่นานคงกลับไปทำงานได้เช่นเดิมแล้ว
“ก็สุดแล้วแต่ท่านแม่ครับ”
“แล้วเจ้าอยากได้อะไรล่ะเหม่ยเหมย”
“สุดแล้วแต่ฮูหยินเจ้าค่ะ”
“ถ้าเช่นนั้นข้าจะอนุญาตให้เจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านสักสองสามวันดีหรือไม่”
“ดีเจ้าค่ะ ดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ บ่าวซาบซึ้งในน้ำใจฮูหยินยิ่งนัก” หานเหม่ยหวายิ้มหน้าบานเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่นึกว่าสิ่งที่รอคอยมันจะมาถึงเร็วเช่นนี้ นางโขกศีรษะคำนับนายหญิงของจวนนี้ด้วยความซาบซึ้งใจ
“เจ้าเป็นเด็กดีข้าเห็นแล้วก็ปลื้มใจ หวังว่าเจ้าจะรักษาความดีให้สม่ำเสมอนะ”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
หยางฮูหยินได้แต่ยิ้มให้สาวใช้อย่างเอ็นดู แล้วหันไปเอ่ยกับบุตรชายคนโตเรื่องธุระต่อ
“แม่มีเรื่องอยากจะถามความเห็นเจ้า”
“เรื่องอันใดขอรับท่านแม่”
“ตอนนี้เจ้าก็เริ่มกลับมาเป็นปกติดีแล้ว แม่ว่าจะให้เหม่ยเหมยมารับใช้แม่ เจ้าจะว่าอย่างไร”
“ดีที่สุดเลยเจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวอยากรับใช้ฮูหยินเจ้าค่ะ” ในที่สุดนางก็เจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แล้ว เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้ายิ้มให้หยางฮูหยินอย่างออกนอกหน้า ทำให้หยางจื่อถงรู้สึกหมั่นไส้ซะเต็มประดา และรู้สึกว่าตนเองไม่น่าเข้าใกล้ขนาดนั้นเชียวหรือนางจึงได้แสดงสีหน้าดีใจเช่นนั้น
“ลูกว่านางก็นิสัยไม่เลวหากได้ดูแลท่านแม่ก็คงจะดีไม่น้อย”
ได้ยินเช่นนั้นเหม่ยหวาก็ยิ้มกว้างมากขึ้น ตอนแรกคิดว่านายท่านจะไม่ยอมเสียอีก ทว่าความดีใจของนางได้สิ้นสุดลงเมื่อได้ยินประโยคถัดไป
“แต่ลูกคิดว่าอยากให้นางดูแลไปอีกสักระยะก่อน สาวใช้ที่สามารถอดทนกับนิสัยลูกได้หาได้มีมาบ่อยนัก”
“หากเจ้าต้องการเช่นนั้นแม่ก็ยินดี” หยางฮูหยินพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ดูแลท่านแม่ทัพให้ดี ๆ นะเหม่ยเหมย เจ้าโชคดีมากรู้หรือไม่ ปกติแล้วลูกชายข้าไม่ได้โปรดปรานสาวใช้นางไหนเป็นพิเศษยกเว้นเจ้า”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”